รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเร่งเครื่องดันนโยบายประชานิยม แจกเงินหมื่นเฟส 1 ถึงเฟส 2 ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ กดปุ่มโอนเงินกันวันนี้ (27 ม.ค.68) แต่กลับลืมปัญหาปากท้องของชาวนา! จนสมาคมโรงสีข้าวไทยร้องเสียงหลง ราคาข้าวร่วงต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี ชาวนาขายข้าวเกี่ยวสดได้แค่ 6 พันกว่าบาทต่อตัน ต่ำสุดในรอบ 10 ปี ถึงกับออกมาขอให้รัฐบาลฟื้น “ประกันรายได้” ด่วน
“ฐานเศรษฐกิจ” รายงานคำสัมภาษณ์ของนายจำเริญ ณัฐวุฒิ คณะที่ปรึกษาสมาคมโรงสีข้าวไทย ว่า ราคาข้าวปัจจุบันตกต่ำอย่างหนัก ข้าวเปลือกราคา 6,000 กว่าบาทต่อตัน ไม่เคยเห็นมานานกว่า 10 ปี สาเหตุหลักมาจากอินเดียกลับมาส่งออกข้าวขาว ทำให้คู่แข่งต่างลดราคาแย่งส่วนแบ่งตลาด ราคาข้าวในประเทศไทยจึงร่วงไม่หยุด แถมเงินบาทแข็งค่า ยิ่งซ้ำเติมการส่งออก
“โรงสีได้รับผลกระทบหนักไม่แพ้ชาวนา เราซื้อข้าวเปลือกเก็บสต๊อกไว้เป็นหมื่นตัน เพื่อให้มีงานสีแปรข้าวตลอดทั้งปี คุมต้นทุนไม่ให้สูง ถ้าข้าวในคลัง 3-4 หมื่นตัน ราคาข้าวเปลือกลดลง 100 บาท เงินก็หายไป 2-3 ล้านบาท แล้วถ้าลดลง 1,000 บาทต่อตัน เงินหายไป 30-40 ล้านบาท”
นายจำเริญ กล่าวต่อว่า ราคาข้าวร่วงตั้งแต่ต้นปี (เดือนธันวาคมปีก่อน ราคาข้าวเปลือกยังอยู่ที่กว่า 10,000 บาทต่อตัน) ทำให้ข้าวที่สต๊อกไว้มีต้นทุนสูงมาก ขณะที่ข้าวเกี่ยวสดตอนนี้เหลือแค่ 6,000 กว่าบาทต่อตัน สถานการณ์ย่ำแย่มาก ๆ สมาคมโรงสีข้าวไทย จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหา โดยฟื้นโครงการ “ประกันรายได้ข้าว” ประกาศประกันรายได้ขั้นต่ำ 10,000 บาทต่อตัน หากราคาต่ำกว่านี้ รัฐบาลต้องชดเชยส่วนต่างให้ชาวนา แต่ถ้าราคาตลาดเกิน 10,000 บาทต่อตัน ก็ไม่ต้องชดเชย ถือว่าไม่ทำลายกลไกตลาด ชาวนาก็ไม่เดือดร้อน แถมยังช่วยผู้ส่งออกแข่งขันในตลาดโลกได้ด้วย โดยอาจจำกัดปริมาณชดเชย เช่น ไม่เกิน 20 ตัน
“วิธีแก้ปัญหาราคาข้าวที่ดีที่สุด คือการส่งออก แต่ปีนี้ผลผลิตทั่วโลกมีมาก อินเดียก็เพิ่มผลผลิต การใช้โครงการประกันรายได้ รัฐบาลต้องกำหนดราคาช่วยเหลือให้เหมาะสม ไม่กระทบราคาส่งออก โรงสีก็จะได้ซื้อข้าวราคาถูกไปแข่งขัน ชาวนาก็ไม่เดือดร้อน เพราะมีรัฐบาลชดเชยส่วนต่าง”
นายจำเริญ ทิ้งท้ายว่า ราคาประกันขั้นต่ำ 10,000 บาทต่อตัน เหมาะสมแล้ว ส่วนเงินไร่ละ 1,000 บาท สินเชื่อจำนำยุ้งฉาง ควรนำงบประมาณไปพัฒนาระบบชลประทานให้ครอบคลุม เพื่อลดต้นทุนการทำนา มีน้ำใช้ตลอดปี ดีกว่า
(ขอบคุณข้อมูลจาก ฐานเศรษฐกิจ)