“ฝุ่น PM 2.5” กลับมาเยือนประเทศไทยอีกครั้ง พร้อมกับวิกฤตด้านสุขภาพและมลพิษที่ยืดเยื้อ มาตรการแก้ปัญหาแบบ “ขอไปที” ถูกงัดขึ้นมาใช้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น “รถไฟฟ้าฟรี” ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงงบประมาณ 140 ล้านบาทที่สูญเสียไป หรือล่าสุดกับไอเดีย “ป้ายรถเมล์ติดแอร์” ที่ถูกมองว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ สะท้อนให้เห็นถึงความไร้วิสัยทัศน์ในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนของรัฐบาลแพทองโพย
ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ไม่ใช่เรื่องใหม่ รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ได้ประกาศให้เป็น “วาระแห่งชาติ” มาตั้งแต่ปี 2562 แต่ดูเหมือนว่าปัญหาจะยังคงวนเวียนอยู่ในอ่าง ไม่สามารถหาทางออกที่แท้จริงได้ การแก้ปัญหาที่ผ่านมาเน้นไปที่การแก้ไขที่ปลายเหตุ เช่น การแจกหน้ากากอนามัย การฉีดพ่นละอองน้ำ หรือการขอความร่วมมือประชาชน ซึ่งเป็นเพียงการบรรเทาปัญหาเฉพาะหน้า แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุได้
การขาดวิสัยทัศน์และความจริงใจในการแก้ปัญหาของผู้นำ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยยังคงจมอยู่กับวิกฤตฝุ่น PM 2.5 การมุ่งเน้นแต่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยไม่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น การควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษ การส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ และการสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชน ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ปัญหาฝุ่นพิษยังคงอยู่
ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องทบทวนแนวทางการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างจริงจัง ผู้นำต้องมีความกล้าหาญในการตัดสินใจ และมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา เพื่อให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากวังวนฝุ่นพิษ และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนอย่างยั่งยืน