ผลการวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยให้เห็นถึงอันตรายของฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตบางนาที่พบว่าเด็กเล็กอายุ 0-6 ปี มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งสูงถึง 1 ต่อ 86,206 คน
งานวิจัยดังกล่าวได้ศึกษาถึงองค์ประกอบทางเคมีของฝุ่น PM 2.5 และพบว่า นิกเกิล และ อาร์เซนิก เป็นสารก่อมะเร็งที่พบมากที่สุดในฝุ่น PM 2.5 โดยแต่ละพื้นที่ในกรุงเทพฯ มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปริมาณและชนิดของสารโลหะหนักในฝุ่น PM 2.5
จากการประเมินความเสี่ยงในการก่อให้เกิดโรคมะเร็งตลอดช่วงชีวิต (ELCR) พบว่า เด็กเล็กในเขตบางนา มีความเสี่ยงสูงที่สุด โดยมีโอกาสเกิดมะเร็งมากกว่าเด็กในกลุ่มอายุอื่นๆ และพื้นที่อื่นๆ ซึ่งสาเหตุสำคัญอาจมาจากการที่เขตบางนาเป็นพื้นที่ที่มีโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมาก
นอกจากนี้ ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า หากประเทศไทยปรับลดค่ามาตรฐานฝุ่น PM 2.5 ให้สอดคล้องกับมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งจากฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างมาก
ผศ.พญ.วรวรรณ ศิริชนะ จากหน่วยโรคระบบการหายใจและเวชบำบัดวิกฤต คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ย้ำเตือนว่า มลพิษทางอากาศเป็นภัยเงียบที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพในหลายด้าน ไม่เพียงแต่โรคทางเดินหายใจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง และปัญหาสุขภาพจิต
ผลการศึกษานี้เป็นสัญญาณเตือนให้ทุกภาคส่วนเร่งแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศอย่างจริงจัง เพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็กที่เปราะบางต่อผลกระทบจากมลพิษทางอากาศ