ช่วงปลายปีที่ผ่านมา นายทักษิณ ชินวัตร บิดา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ประกาศทลายรังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ราบคาบภายในปี 2568 ให้ข้อมูลละเอียดยิบรู้หมดตั้งอยู่ที่ไหน อาคารเป็นอย่างไร แถมขู่ว่าถ้าประเทศเพื่อนบ้านจัดการไม่ได้จะส่งคนไปจัดการเอง แต่ล่าสุดเขายอมรับว่า ”การปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต้องอาศัยประเทศจีนช่วยด้วย”
เป็นการตอบคำถามของนายทักษิณ หลังนายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน และคณะ เดินทางมาประชุมกับเจ้าหน้าที่ไทย เรื่องการปราบปรามกระบวนการคอลเซ็นเตอร์ โดยระบุว่า มีโอกาสพูดคุยกับจีนอย่างไม่เป็นทางการอยู่บ่อยครั้ง จึงได้ฝากไปถึงผู้นำและผู้ใหญ่ในประเทศจีนว่า ปัญหาความร่วมมือในภูมิภาคก็ต้องอาศัยจีนช่วยเรื่องนี้ด้วย เพราะจีนมีอิทธิพลกับเมียนมาเยอะ และรัฐบาลทหารเมียนมาในวันนี้ก็ยังต้องพูดคุยกัน แต่เราไม่สามารถคุยโดยตรงได้มากนัก จึงต้องให้จีนช่วย เนื่องจากปัญหาการสู้รบในเมียนมายังไม่ยุติ
“ปัญหา คือ คอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ข้างบ้าน แต่ใช้สื่อสารไทย ซึ่งเราได้เข้มงวดไปแล้วว่า ให้บริษัทสื่อสารทั้งหลาย อย่าขายซิมเป็นแสนซิม จะไปหวังรายได้ตรงนั้นไม่ได้ เพราะครั้งที่แล้วที่เราจับได้มีซิมเป็นแสน โดยได้เตือนบริษัทที่ทำธุรกิจด้านนี้แล้วว่า ขอให้ร่วมมือกัน เพื่อให้ปราบปรามได้เต็มที่ ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านในวันนี้ก็อยู่ในฐานะที่พอคุยกันได้มากขึ้น โดยเฉพาะทางเมียวดีที่มีรัฐบาลทหารชนกลุ่มน้อยดูแลอยู่ เราก็พยายามประสานกันไป บางทีเจ้าหน้าที่ไทยเรานี่แหละไม่เข้มแข็ง ปล่อยให้คนเข้าออกได้ง่ายเกินไปโดยไม่มีการตรวจ วันนี้เราพยายามหาทางแก้หลายอย่าง รวมทั้งเศรษฐกิจด้วย” นายทักษิณ ระบุ พร้อมยืนยันต้องมีการตัดไฟฟ้าและการสื่อสารควบคู่ไปด้วย
ส่วนกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย บอกว่ายังดำเนินการไม่ได้ เพราะว่าเป็นสัญญาที่ถูกต้องนั้น นายทักษิณ กล่าวว่า สัญญาสามารถยกเลิกได้ ถ้าสัญญานั้นนำไปใช้ในสิ่งไม่ถูกต้อง