นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ให้สัมภาษณ์ The Publisher ผ่านรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ดำเนินรายการโดย “สมจิตต์ นวเครือสุนทร” ถึงกรณีรัฐบาลเดินหน้าแก้ไขร่าง พ.ร.บ.การพนัน มีเนื้อหาเปิดทางให้ “พนันออนไลน์” ถูกกฎหมายว่า เป็นพฤติกรรมลักษณะ “มุบมิบ” ทำ ไม่มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบ ว่าจะแก้ประเด็นอะไร รับฟังความเห็นประชาชนนานแค่ไหน แต่ไม่มีการรชี้แจงล่วงหน้า ถึงเวลาก็เอาขึ้นเว็บไซต์แบบเงียบเชียบ และวิธีการก็ดูไม่น่าเชื่อถือ เพราะระบบที่เปิดผู้เข้าแสดงความเห็นไม่ต้องแสดงตัวว่าเป็นใคร อีกทั้งหนึ่งคนใช้สิทธิได้มากกว่าหนึ่งครั้ง ทำให้เกิดความเอนเอียงได้ เช่น ฝ่ายเห็นด้วยระดมกันเข้ามา
“แบบนี้เป็นการมุบมิบไม่โปร่งใส เขียนเหมือนกับห้ามไม่ให้มีพนันออนไลน์เว้นเสียแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ เป็นเนื้อหาที่เปิดช่องชนิดที่เรียกว่าสามารถเอาการพนันออนไลน์ทุกประเภทมาทำให้ถูกกฎหมายได้ ขึ้นอยู่กับจะกำหนดเข้าในบัญชีประเภทไหน ซึ่งเป็นดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ การแก้กฎหมายครั้งนี้เป็นกลยุทธของรัฐบาลที่ต้องการให้เกิดได้เร็ว จึงแก้เล็กไม่แก้ใหญ่ เพื่อเร่งรัด ซึ่งก็ดูรีบร้อนผิดปกติ” นายธนากร กล่าว
นายธนากร กล่าวด้วยว่า ตามกฎหมายปัจจุบันถ้าเป็นการพนันที่อยู่ในบัญชี ก. จะไม่สามารถทำให้ถูกกฎหมายได้ เช่น ไฮโล บาคาร่า โป๊กเกอร์ หรือสล็อต เป็นกลุ่มที่ห้ามจัดเล่นพนันโดยเด็ดขาด เมื่อกฎหมายเปิดช่องให้อยู่ที่ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ ก็ทำให้ไม่แน่ใจว่าพนันในบัญชี ก. ที่อนุญาตไม่ได้ กฎหมายนี้จะเปิดช่องให้อนุญาตได้ใช่หรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าตั้งข้อสังเกต ซึ่งตนก็เก็งล่วงหน้าไม่ได้ว่า รัฐบาลจะให้การพนันอะไรถูกกฎหมายบ้าง แต่ถ้าฟังจากรมว.มหาดไทยก็เคยพูดว่าได้ทุกอย่าง เป็นความอันตราย ซึ่งต้องดูเรื่องความถี่ของการพนันประเภทนั้น ๆ ด้วย หากมีความถี่สูง ก็จะทำให้เสพติดได้ง่าย เพราะพนันออนไลน์ไร้พรหมแดนเข้าถึงง่ายอยู่ เล่นง่าย รู้ผลเร็ว หากให้แก้มือได้ทันทีด้วย ก็ยิ่งอันตราย ยิ่งถ้าเปิดโอกาสให้เล่น 24 ชม. ก็จะทำให้เกิดการยิ่งเล่น ยิ่งหัวร้อน คุมตัวเองไม่อยู่ ตนอยากเห็นความชัดเจนว่าเงื่อนไขแบบไหนที่จะให้ถูกกฎหมาย ท่านจินตนาการถึงการพนันตัวไหน เงื่อนไขการเล่นเป็นอย่างไร จะคัดกรองคนเข้าเล่นอย่างไร ที่อ้างว่าห้ามคนอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าเล่น เหมือนที่คนอยู่เหนือรัฐบาลบอก ก็ต้องถามว่าคุมได้ 100 % จริงหรือ เพราะมีวิธีซิกแซกไม่แสดงตัวตนจริง เอาบัตรประชาชนคนอื่นมาเล่น หากไม่ออกแบบเทคโนโลยีตรวจสอบให้รัดกุมพอก็ไม่สามารถควบคุมได้ การขยายตัวของพนันออนไลน์ในรอบปีสองปีที่ผ่านมาเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ขยายตัวสูงมาก เรามีนักพนันออนไลน์หน้าใหม่ประมาณปีละ 7 แสนคน ถ้าถูกกฎหมายจำนวนน่าจะเพิ่มถึงล้านหรือมากกว่า 7 แสนหลายเท่า ยังเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก
“มีผลศึกษาของอเมริกาพบว่าคนติดพนัน 1 คน จะเกิดต้นทุนสาธารณะถึง 9 แสนบาทต่อปี ถ้ามีคนติดพนัน 1 ล้านคน ก็อาจต้องใช้เงินเข้าไปดูแลถึง 9 แสนล้านบาทต่อปี ถามว่าคุ้มค่ากับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่รัฐอ้างถึงหรือไม่ ถ้าได้ไม่คุ้มเสีย มีผลกระทบทางสังคมตามมารัฐบาลจะรับผิดชอบอย่างไร สังคมต้องร่วมกันตั้งคำถามดัง ๆ รัฐบาลอย่าคิดง่าย ๆ โดยไม่มีการศึกษา ผมไม่อยากพูดว่า ”อย่าทำตัวเป็นคนไร้การศึกษา“ ถ้าจะทำต้องศึกษาให้รอบคอบและรอบด้าน ไม่ใช่คิดง่าย ๆ ทำเร็ว ๆ ผมว่ารัฐบาลทำแบบย้อนแย้งกับความจริงที่ควรจะเป็น ทั้งที่ก่อให้เกิดผลกระทบสูง ควรศึกษาให้ดีและรอบคอบ ซึ่งต้องใช้เวลา แต่กลับใช้ช่องทางลัดหาวิธีทำที่เร็วที่สุด เป็นการกระทำที่ไม่น่าจะถูกต้อง” เลขาฯ มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าว
นายธนากร ยังยกตัวอย่างโครงการให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี ซึ่งใช้งบประมาณกว่า 190 ล้านบาทมาเทียบเคียงด้วยว่า โครงการดังกล่าวก็ไร้ความชัดเจนว่าช่วยให้ฝุ่นลดน้อยลงจริงหรือไม่ แต่รัฐบาลก็ไม่รับผิดชอบ กรณี “พนันออนไลน์ถูกกฎหมาย” มีผลกระทบยิ่งกว่าโครงการรถไฟฟ้ารถเมล์ฟรี ถามย้ำอีกครั้งถ้าเกิดความเสียหายหนัก ๆ ขึ้นมาใครรับผิดชอบ ตอนนี้รัฐบาลทำคู่เลยทั้งกาสิโนและพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย เรียกว่าความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก สุดท้ายคนที่รับผลกรรมคือสังคมและประชาชน
ส่วนความคืบหน้าในการรวบรวมรายชื่อประชาชน 5 หมื่นชื่อ เพื่อส่งให้รัฐบาลทำประชามติ ”กาสิโน“ นั้น ถือว่าประชาชนมีความตื่นตัวมาก ซึ่งภาคประชาชนก็ต้องทำงานแข่งกับเวลา เนื่องจากรัฐบาบมีไทม์ไลน์ขีดเส้นให้กฤษฎีกาต้องพิจารณาปรับแก้ให้แล้วเสร็จภายใน 50 วันซึ่งจะครบเส้นตายราวต้นเดือนมีนาคม จากนั้นจะส่งเข้าสภาฯ พิจารณาวาระแรกภายในสมัยประชุมนี้ ซึ่งก็คือเดือนเมษายน ดังนั้น 5 หมื่นชื่อจึงต้องได้ภายในกรอบเวลานี้ด้วย โดยควรจะได้ครบก่อนกฤษฎีกาพิจารณาเสร็จ
“ผมอยากให้รัฐบาลให้โอกาสกับประชาชนที่ขอใช้สิทธิตามช่องทางกฎหมาย เพื่อรวบรวมรายชื่อส่งให้รัฐบาลทำประชามติในประเด็นที่คิดว่าจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง จึงหวังว่ารัฐบาลจะรอแต่ที่ผ่านมาเราเสนอไปที่รัฐบาลก็ได้รับการปฏิเสธ เสนอไปรัฐสภาให้ส่งเรื่องไปยังครม. ก็ยังไม่มีคำตอบ จึงเหลือทางเดียวคือประชาชนต้องช่วยกันและเหลือเวลาไม่มาก ผมกังวลเหมือนกันว่าจะรวบรวมรายชื่อไม่ทัน จึงต้องการพลังจากประชาชนมาใช้สิทธิตามกฎหมาย ความจริงประชาชนไม่ต้องเหนื่อยยากอย่างนี้เลย ถ้ารัฐบาลที่อ้างตัวเป็นประชาธิปไตยจะฟังเสียงประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่เอาประชาชนมาเป็นข้ออ้าง ก็ควรทำประชามติโดยที่ไม่ต้องรอให้มีการรวบรวมรายชื่อ“ เลขาฯ มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าว
สำหรับขั้นตอนการร่วมลงรายชื่อเสนอให้รัฐบาลทำประชามติ “กาสิโน” นั้น ประชาชนสามารถเข้าไปโหลดแบบฟอร์มได้ที่เพจมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน และพิมพ์เอกสารออกมา เพื่อกรอกข้อมูลส่วนบุคคล และลงลายมือชื่อ โดยหนึ่งใบสามารถลงชื่อได้หลายคน จากนั้นส่งกลับไปที่มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ก็จะมีส่วนร่วมในการเสนอให้รัฐบาลทำประชามติกาสิโนแล้ว โดยมูลนิธิฯ จะเป็นผู้รวบรวมลายชื่อทั้งหมด และกำลังจะเพิ่มช่องทางใหม่ในการเข้าถึงเอกสารเพื่อร่วมลงชื่อมากขึ้น เช่นการตั้งโต๊ะตามสถานที่ต่าง ๆ จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังภาคเอกชนที่ต้องการสนับสนุนการใช้สิทธิของประชาชนตามกฎหมาย ก็สามารถแสดงความจำนงมาได้ เพราะเราไม่ได้คัดค้านว่าไม่เอากาสิโน แต่เป็นการใช้สิทธิลงชื่อให้มีการทำประชามติ ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินเอาไม่เอากาสิโน