หลังหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโยนกันไป-มาเรื่องมาตรการตัดกระแสไฟฟ้าในเมียนมาจุดที่คาดว่าเป็นเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และกระทำการผิดกฎหมาย กระทั่งต้องงัดการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.ออกมา และชี้ 6 ประการความเป็นไปได้ว่าการจ่ายไฟฟ้าดังกล่าวไปในเมียนมาอาจมีเชื่อมโยงและใช้ในกิจการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์
สุดท้ายอีหรอบเดิม โยนให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ กฟภ.ไปพิจารณาเองว่าจะตัดกระแสไฟฟ้า ซึ่ง กฟภ.ก็บอกต้องจัดคณะใหญ่ไปลงพื้นที่ดูว่ามีการกระทำผิดจริงหรือไม่ จากนนั้นค่อยท้วงติงไปทางคู่สัญญา และทางการเมียนมา เพราะต้องทำทุกอย่างรอบคอบ เรียกว่าวนกันต่อไป
รวมไปถึงท่าทีของคนในรัฐบาลอย่างนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็บอกจะทำจากเบาไปหาหนัก คือให้เมียนมาแก้ไขก่อน หากไม่สำเร็จก็จะตัดไฟฟ้าครึ่งหนึ่ง และดำเนินการได้ทันที ไม่จำเป็นต้องเข้า ครม. แต่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ที่กำกับดูแล กฟภ.ยืนยันหากให้หยุดจ่ายไฟฟ้าก็ต้องนำเข้า ครม. เมื่อที่ประชุมรับทราบก็สามารถตัดไฟได้ทันที
ทั้งนี้ ในสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เมื่อเดือนมิถุนายน 2566 ได้ตัดไฟฟ้าไปแล้วที่เมืองชเวโก๊กโก่ และ KK park แต่คราวนี้ ทำให้วันนี้การประชุม ครม.ต้องดูว่านางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่วางท่าทีนิ่งเงียบว่าจะขยับอย่างไร จะมีข้อสั่งการใดหรือมติใหม่ๆ หรือไม่ หลังจากปล่อยให้โยนกันไป-มาจนไม่รู้ว่าจะตัดกระแสไฟฟ้าสลายยุทธปัจจัยของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้กี่โมง