นายสมชาย แสวงการ อดีต สว.และอดีตประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนฯ วุฒิสภา เปิดเอกสารที่อ้างว่าเป็นรายละเอียดการกำหนดโทษ การเลื่อนขั้นผู้ต้องขัง เพื่อเข้าหลักเกณฑ์การขอพระราชทานอภัยลดโทษ พร้อมข้อความระบุว่า ราชทัณฑ์อ้างหน้าที่บริหารโทษคดีทุจริตจำนำข้าว คดีทุจริตบ้านเอื้ออาทร แบบสุดซอย โดยลดโทษคำพิพากษาศาลฎีกา 48 ปีเหลือ 5 ปี และลดโทษคำพิพากษาศาลฎีกา 50 ปี เหลือ1 ปี ทำได้ไง?
จากตัวอย่างในเอกสารหลักฐาน ศาลยุติธรรม อัยการ ป.ป.ช. ท่านจะคิดอ่านอย่างไรดีครับ
1 ) คดีจำนำข้าว ปปช อัยการทำงานหนักกว่าจะฟ้องได้ ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 48 ปี เมื่อวันที่ 27 ต.ค 2561 ราชทัณฑ์จำคุกจริงแค่ 5 ปี พ้นโทษ 26 ธ.ค 2566
2) คดีบ้านเอื้ออาทร ศาลให้จำคุก 50 ปี ให้นับโทษต่อเมื่อ 26 ธ.ค 2566 ราชทัณฑ์ลดเหลือ 14 ปี กำหนดพ้นโทษ 7 ก.ย 2579 แต่ติดคุกจริง 1 ปี ก่อนให้พักโทษกลับไปอยู่บ้าน ตั้งแต่ ต.ค 2567 ปีที่แล้ว คำตอบ เพราะเทคนิคง่ายนิดเดียว ใช้อำนาจเลื่อนนักโทษทุจริตเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุด แล้วลดโทษทันที 1 ใน 3 แบบฮวบฮาบ 3-4 ครั้ง ภายในแค่ 1 ปี จากนั้นใช้ดุลยพินิจพักโทษให้ไปนอนบ้าน ไงครับ
พร้อมติดแฮชแท็ก ร่วมทวงคืนความยุติธรรมให้สังคมไทย
นายสมชายยังโพสต์ภาพของนายจรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมข้อความระบุว่า นักโทษคดีอุกฉกรรจ์ ได้รับอภัยโทษติดกัน 4 ครั้ง เรื่องนี้เรื่องใหญ่ หากปล่อยเป็นแบบนี้ต่อไป จะไม่มีใครเกรงกลัวเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน
ก่อนหน้านี้กระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลราชทัณฑ์เคยชี้แจงเรื่องนี้ โดยบอกผู้ต้องขังคนดังกล่าวว่า จัดเป็นผู้ป่วยกลุ่ม 608 หรือเจ็บป่วย 8 โรคร้ายแรง ไตเสื่อมระยะสุดท้าย ต้องได้รับการปลูกถ่ายไต ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อและเสียชีวิตสูง หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม และยังเข้าเกณฑ์ได้รับพักโทษเป็นกรณีพิเศษ อีกทั้งรับโทษมาแล้ว 1 ใน 3 หลังได้รับอภัยโทษมา 5 ครั้ง จึงนำเข้าสู่การพิจารณาให้ได้รับการพักโทษเป็นกรณีพิเศษ