แม้ภาพรวมการเปิดโรงงานใหม่ในไทยจะยังมากกว่าการปิดตัว แต่สถานการณ์โดยรวมยังน่าห่วง ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้โรงงานยังเสี่ยงปิดตัวต่อเนื่องในปี 2568 โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs เหตุเศรษฐกิจผันผวน กำลังซื้อเปราะบาง แถมเจอดาบสองสงครามการค้ารอบใหม่และแรงกดดันจากสินค้านำเข้า
สถานการณ์โรงงานไทยปี 2567: เปิดมากกว่าปิด แต่ SMEs ยังน่าห่วง
- ภาพรวม: แม้การเปิดโรงงานจะมากกว่าปิด แต่จำนวนโรงงานที่ปิดตัวเฉลี่ยยังคงมากกว่า 100 แห่งต่อเดือน ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2
- โรงงานเปิดใหม่ลดลง: ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (2566-2567) โรงงานเปิดใหม่หักลบด้วยโรงงานปิดตัว เฉลี่ยลดลงเหลือเพียง 52 แห่งต่อเดือน จาก 127 แห่งต่อเดือนในช่วงปี 2564-2565
- SMEs ปิดตัวมากขึ้น: โรงงานที่ปิดตัวลงในปี 2567 ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการขนาดเล็ก (SMEs) มากขึ้น สะท้อนจากทุนจดทะเบียนรวมของโรงงานที่ปิดตัวลงที่น้อยกว่าปี 2566 ถึง 3.8 เท่า
- ประเภทโรงงานที่ปิดตัว: ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มที่มีปัญหาโครงสร้างการผลิต เผชิญความต้องการที่ลดลง และแข่งขันรุนแรง ทั้งจากคู่แข่งและสินค้านำเข้า เช่น อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ อิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้า ยานยนต์ และเหล็ก
- การจ้างงาน: โรงงานเปิดใหม่จ้างงานเฉลี่ย 36 คนต่อแห่ง สูงกว่าโรงงานปิดตัวที่เลิกจ้างเฉลี่ย 28 คนต่อแห่ง แต่ชั่วโมงการทำงานในภาคการผลิตมีแนวโน้มลดลง ส่งผลต่อรายได้แรงงาน
ปี 2568: SMEs ยังเสี่ยงปิดตัวต่อเนื่อง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า โรงงานยังเสี่ยงที่จะปิดตัวต่อเนื่องในปี 2568 โดยเฉพาะ SMEs จากหลายปัจจัยกดดัน:- เศรษฐกิจและกำลังซื้อ: ภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคยังเปราะบางจากค่าครองชีพและหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง
- สงครามการค้า: ผลของสงครามการค้ารอบใหม่ที่อาจส่งผลต่อต้นทุนและขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ
- สินค้านำเข้า: แรงกดดันจากสินค้านำเข้าที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น
สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายของภาคอุตสาหกรรมการผลิตไทย โดยเฉพาะ SMEs ที่ต้องเผชิญกับความผันผวนทางเศรษฐกิจ การแข่งขันที่รุนแรง และความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ภาครัฐและผู้ประกอบการจึงควรให้ความสำคัญกับการปรับตัวและพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อให้ธุรกิจสามารถอยู่รอดและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว