กลุ่มองค์กรภาคประชาชน ซึ่งประกอบด้วย มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว เครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง เครือข่ายชุมชนลดปัจจัยเสี่ยง และเครือข่ายนิสิตนักศึกษานิติศาสตร์ ได้ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการกฤษฎีกา ผ่านไปยังเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ….
ใจความสำคัญของหนังสือระบุว่า องค์กรภาคประชาชนเห็นด้วยกับข้อเสนอของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ให้แยกการพิจารณากิจการสถานบันเทิงครบวงจรออกจากกิจการสถานเล่นพนัน เนื่องจากทั้งสองกิจการมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน โดยสถานบันเทิงมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ในขณะที่สถานเล่นพนันมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาการพนัน
นอกจากนี้ องค์กรภาคประชาชนยังเห็นว่า การมีกฎหมายใหม่ในเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นและอาจเกิดความซ้ำซ้อนกับกฎหมายเดิมที่มีอยู่แล้ว การออกกฎหมายใหม่ในครั้งนี้ อาจมีเจตนาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้อำนาจในการออกใบอนุญาต และผู้ประกอบธุรกิจมากกว่าที่จะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
ในหนังสือยังระบุว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 77 บัญญัติว่า “รัฐพึงมีกฎหมายเพียงเท่าที่จำเป็น” และในเมื่อสถานการณ์ปัจจุบัน กาสิโนคือแหล่งเล่นพนันขนาดใหญ่ กิจการนี้จึงควรอยู่ภายใต้กฎหมายที่มีอยู่แล้ว คือ พระราชบัญญัติการพนัน
องค์กรภาคประชาชนยังได้แสดงจุดยืนว่า ขอเป็นกำลังใจให้คณะกรรมการกฤษฎีกายึดมั่นในความถูกต้อง โดยยึดมั่นว่า “ลูกค้าที่แท้จริงของท่านคือประชาชน” และดำรงความเป็นอิสระจากการแทรกแซงของฝ่ายการเมือง
สุดท้าย องค์กรภาคประชาชนขอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาสนับสนุนการขอใช้สิทธิ์ของประชาชนในการเข้าชื่อให้คณะรัฐมนตรีจัดทำประชามติ ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ และขอให้รัฐบาลเคารพสิทธิของประชาชน