อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เคยเป็นเมืองสงบที่โอบล้อมด้วยขุนเขาและสายหมอก รู้จักกันดีในหมู่นักเดินทางว่าเป็นดินแดนแห่งความผ่อนคลาย แต่ในช่วงหลัง กระแสข่าวเกี่ยวกับชาวอิสราเอลที่เดินทางเข้ามาพำนักและดำเนินธุรกิจในพื้นที่ ทำให้เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้กลายเป็นประเด็นร้อนในสังคมไทย
จากเมืองท่องเที่ยวสู่ความกังวลของเมือง
ชาวบ้านในปายหลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า ทำไมจึงมีนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลจำนวนมากเข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่ บางคนเช่าที่ดินเปิดกิจการร้านอาหาร คาเฟ่ หรือธุรกิจอื่น ๆ โดยไม่มีการขออนุญาตตามกฎหมาย หลายเสียงเริ่มกังวลว่า การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้อาจทำให้ปายสูญเสียเอกลักษณ์ และเศรษฐกิจของคนในท้องถิ่นอาจถูกกลืนไปโดยกลุ่มทุนต่างชาติ
“เราไม่ได้ต่อต้านนักท่องเที่ยว แต่เมื่อเริ่มมีชาวต่างชาติกลุ่มหนึ่งเข้ามาจับจองพื้นที่ ทำธุรกิจโดยไม่ผ่านกระบวนการที่ถูกต้อง และมีพฤติกรรมบางอย่างที่ทำให้คนในชุมชนรู้สึกไม่สบายใจ มันก็น่าคิดว่าเมืองเรากำลังจะเปลี่ยนไปในทิศทางไหน” ชาวบ้านรายหนึ่งกล่าว
คำสั่งด่วน: ตรวจสอบข้อเท็จจริงและความมั่นคงของชาติ
เสียงสะท้อนจากชุมชนและกระแสข่าวในโซเชียลมีเดียทำให้เรื่องนี้ลุกลามไปถึงระดับชาติ เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการให้ตรวจสอบพฤติกรรมของกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติในปาย โดยเฉพาะกลุ่มชาวอิสราเอลที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ การตรวจสอบนี้จะเน้นไปที่การตรวจสอบการอยู่อาศัย การประกอบอาชีพ และพฤติกรรมที่อาจส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของเมือง
ขณะเดียวกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ออกมายืนยันว่า ข่าวลือเกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานของชาวอิสราเอลในปายไม่เป็นความจริง พร้อมสั่งการให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม
มุมมองด้านความมั่นคง: อันตรายที่อาจมองไม่เห็น
ประเด็นนี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการท่องเที่ยวหรือเศรษฐกิจท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า หากมีชาวต่างชาติกลุ่มหนึ่งสามารถเข้ามาตั้งหลักแหล่งโดยไม่มีการตรวจสอบที่เข้มงวด อาจนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมายหรือแม้แต่ความเสี่ยงด้านความมั่นคงได้
กรณีของชาวอิสราเอลในปาย อาจไม่ได้เป็นภัยในแง่ของการก่อการร้ายหรืออาชญากรรมระดับชาติ แต่การที่มีคนต่างชาติรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนโดยไม่มีการกำกับดูแล อาจนำไปสู่ปัญหาอื่น เช่น การฟอกเงิน การใช้ไทยเป็นฐานในการหลบหนีจากกฎหมายในประเทศต้นทาง หรือแม้แต่การควบคุมเศรษฐกิจในพื้นที่เล็ก ๆ โดยไม่ผ่านระบบของรัฐไทย
เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงมองว่า แม้ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามีการกระทำผิดร้ายแรง แต่จำเป็นต้องมีมาตรการป้องกันล่วงหน้า เช่น การตรวจสอบวีซ่า การควบคุมธุรกิจที่ดำเนินโดยต่างชาติ และการดูแลไม่ให้เกิดเขตปลอดกฎหมายในพื้นที่
ปรับสมดุลระหว่างการท่องเที่ยวและความมั่นคง
แทนที่จะมองว่าการเข้ามาของชาวต่างชาติเป็นภัย ปายควรใช้โอกาสนี้ในการปรับตัวเพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการท่องเที่ยวกับความมั่นคงของชุมชน แนวทางที่เป็นไปได้ ได้แก่
- ควบคุมการใช้ที่ดินและการประกอบธุรกิจของต่างชาติ – หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาตรวจสอบว่ามีการเช่าหรือซื้อที่ดินอย่างถูกต้องหรือไม่ และควรมีมาตรการจำกัดการประกอบธุรกิจของต่างชาติให้เป็นไปตามกฎหมาย
- สร้างระบบตรวจสอบนักท่องเที่ยวระยะยาว – ควรมีการกำหนดระเบียบเกี่ยวกับการพำนักระยะยาวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงการรายงานตัวต่อหน่วยงานรัฐ
- ส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการกำกับดูแลเมือง – ให้ชาวบ้านมีสิทธิ์ออกความเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่ เพื่อให้มั่นใจว่าปายยังคงเป็นเมืองที่สะท้อนเอกลักษณ์ของชุมชนท้องถิ่น
- เพิ่มมาตรการด้านความมั่นคง – ไม่เพียงแค่ตรวจสอบเอกสาร แต่ต้องมีการเฝ้าระวังพฤติกรรมที่อาจกระทบต่อความสงบสุขของเมือง
“ปาย” จะเปลี่ยนไปในทางไหน?
ปายเป็นเมืองที่เติบโตจากการท่องเที่ยว หากการเติบโตนี้ไม่ได้ถูกควบคุมอย่างเหมาะสม เมืองที่เคยสงบอาจกลายเป็นพื้นที่ไร้กฎเกณฑ์ ดังนั้น สิ่งที่จำเป็นในตอนนี้ คือการหาทางออกที่สมดุลระหว่างการเปิดรับนักท่องเที่ยวควบคู่ไปกับการรักษาอัตลักษณ์และความมั่นคงของชุมชน
หากรัฐสามารถเข้ามาจัดการปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปายอาจยังคงเป็นเมืองแห่งสายหมอกและขุนเขา ที่ทั้งนักท่องเที่ยวและคนในท้องถิ่นสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน ไม่ใช่เมืองที่ถูกบดบังด้วยเงาของความไม่แน่นอนและข้อกังวลทางความมั่นคง
คำถามที่เราต้องคิดต่อคือ การเข้ามาของชาวอิสราเอลเป็นเพียงกระแสของการท่องเที่ยว หรือเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่กว่านั้น? ชุมชนปายพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้หรือไม่ และมาตรการของรัฐจะเพียงพอในการรักษาสมดุลระหว่างการท่องเที่ยวกับความมั่นคงหรือไม่?
เรื่องนี้ยังไม่จบ และเส้นทางของปายหลังจากนี้ คงขึ้นอยู่กับว่า จะเลือกเดินไปในทิศทางใด…