“นันทิวัฒน์ สามารถ” โพสต์เฟซบุ๊ก ตั้งคำถามถึงการตั้งโบสถ์ยิวในอำเภอปาย หวั่นเป็นเป้าหมายก่อการร้าย ชี้รัฐต้องเข้มงวดตรวจสอบนักท่องเที่ยวอยู่เกินกำหนด
เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลในอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของการอนุญาตให้ตั้งโบสถ์ยิวในพื้นที่ พร้อมเตือนถึงความเสี่ยงด้านความมั่นคง “รัฐบาลจะส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่ดี แต่เราต้องไม่หลงทาง เปิดประตูให้กับอันตราย นักท่องเที่ยวมาแล้วต้องกลับ ไม่ใช่แอบสิงอยู่ เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบการอยู่เกินกำหนด”
ตั้งโบสถ์ยิวทำได้หรือไม่? อดีตข่าวกรองฯ ชี้ กฎหมายไทยไม่มีรองรับ
นายนันทิวัฒน์ ยังตั้งข้อสังเกตว่า ศาสนายิวไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมการศาสนา ดังนั้น การตั้งโบสถ์ยิวในปายจึงอาจผิดกฎหมาย โดยยกตัวอย่างข้อกำหนดของศาสนาอิสลามในไทย ที่ต้องมี “ครอบครัวมุสลิมไทยอย่างน้อย 5 ครัวเรือน” จึงจะสามารถขอจัดตั้งมัสยิดได้ “คนยิวที่มาท่องเที่ยวไม่น่าจะขอตั้งโบสถ์ยิวได้ มีกฎระเบียบข้อไหนอนุญาตให้ทำได้?”
ห่วงปัญหาความมั่นคง – ปายอาจกลายเป็นเป้าหมายก่อการร้าย?
อดีตรอง ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ เตือนว่า โบสถ์ยิวอาจกลายเป็นจุดเสี่ยงด้านความมั่นคง เพราะชาวยิวมีศัตรูจำนวนมาก และที่ผ่านมา โบสถ์ยิวในหลายประเทศเคยตกเป็นเป้าหมายของการก่อการร้าย “ปายเป็นเมืองท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวมาปายจำนวนมาก แต่ชาวยิวมีศัตรูมากและตกเป็นเป้าหมาย โบสถ์ยิวอาจเป็นเป้าหมายที่ผู้ก่อการร้ายจ้อง อย่าประมาทนะครับ”
อย่างไรก็ตามประเด็นโบสถ์ยิว มีการลงพื้นที่ตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยพ.ต.ท. สุวิทย์ บุญยะเพ็ญ สารวัตรตำรวจท่องเที่ยว จ.แม่ฮ่องสอน ยืนยันว่า ยังไม่พบเป็นดินแดนพันธสัญญา มีไว้เพื่อสวดมนต์รับประทานอาหารร่วมกัน และไม่พบว่ามีการแย่งอาชีพคนไทย จากนี้จะมีการเฝ้าระวังตรวจตรา บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรถเช่า ล่องห่วงยาง หรือแม้แต่การสูบกัญชา