โดยสัญญาณความวุ่นวายครั้งนี้ ส่อเค้ามานานกระทั่งปะทุเมื่อวาน เมื่อพรรคภูมิใจไทยมีมติไม่ร่วมสังฆกรรม เพื่อไม่เสี่ยงขัดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับต้องขอประชามติก่อน ขณะเดียวกัน สว.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ก็เตรียมชงญัตติส่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อถามว่าสมาชิกรัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับนี้ได้หรือไม่
และทันทีที่เปิดประชุม พรรคภูมิใจไทยก็ประกาศวอล์คเอาท์ทันที ขณะที่ สว.เปรมศักดิ์ก็เสนอญัตติขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญถามเรื่องดังกล่าว ทำให้ประธานรัฐสภา วันมูหะมัดนอร์ มะทา ขอพักให้ทุกฝ่ายหารือ 15 นาที พอกลับมาประธานวันนอร์ใช้อำนาจรับญัตติดังกล่าวก่อนที่เปิดให้ลงมติเพื่อเลื่อนญัตตินี้ขึ้นมาแซงวาระแก้ไขรัฐธรรมนูญ
แต่ปรากฏเสียงโหวตให้เลื่อนญัตติพ่ายเสียงให้เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างที่คาดไม่ถึง ทั้งที่พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฯ กลับลำไปสนับสนุนการให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้เกิดความวุ่นวายทันทีเมื่อ สว.สายสีน้ำเงินประท้วง และวอล์คเอาท์ ขณะที่นายแพท์เปรมศักดิ์ก็ขอนับองค์ประชุมไม่ยอมให้เดินหน้าต่อตามมติ
ช่วงนี้เกิดความวุ่นวายและประท้วงกันไป-มา เพราะพรรคประชาชนมองว่าเป็นการไม่เคารพมติเสียงข้างมาก โดยพยายามใช้วิธีวอล์คเอาท์-นับองค์ประชุม รวมถึงพาดพิงพรรคเพื่อไทยที่เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเอง แต่สุดท้ายกลับไม่เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เสนอ
ทำให้นายสุทิน คลังแสง สส.พรรคเพื่อไทยลุกขึ้นชี้แจงว่า พรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ได้ ไม่ใช่เสนอไปแล้วแพ้โหวต เพราะเห็นว่าถ้ายังเดินหน้าต่อไปแพ้แน่ๆ และโอกาสเสนอแก้ไขอีกทำได้ยากมากขึ้น จึงใช้วิธีอ้อม โดยให้ร่างนี้ค้างในสภาฯต่อไป จนกว่าจะตั้งหลักกันใหม่
และก็เป็นไปตามคาดเมื่อพรรคเพื่อไทย พรรคร่วมรัฐบาล และ สว.สายสีน้ำเงินไม่กดบัตรแสดงตนเป็นองค์ประชุมทำให้มีเสียงในห้องประชุมเพียง 204 เสียง องค์ประชุมล่มไปตามระเบียบ ซึ่งประธานวันนอร์ก็สั่งปิดการประชุมและนัดประชุมใหม่พรุ่งนี้ 09.30 น. ซึ่งระหว่างนั้นมีเสียงสมาชิกดังขึ้นมาว่านี่เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลล่มองค์ประชุมในกฎหมายที่ตัวเองเสนอ