ก่อนหน้านี้ “ทักษิณ ชินวัตร” ออกมาบอกว่าน้องสาวของเขา ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อาจเดินทางกลับประเทศไทยในช่วงสงกรานต์ปีนี้ แต่ล่าสุดแผนดังกล่าวต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ปัจจัยสำคัญที่เป็นอุปสรรคคือ คดีความที่ยังคงอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งอาจทำให้เธอต้องรับโทษจำคุก และชดใช้สินไหมมหาศาล
คดีสำคัญนั้นคือ คดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งขณะนี้อยู่ใน ชั้นพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด โดยอาจทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องชดใช้เงิน 35,000 ล้านบาท
ย้อนคดีจำนำข้าว: จากคำตัดสินจำคุก 5 ปี สู่การลี้ภัยตลอดชีวิต
โครงการรับจำนำข้าว เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยมีเป้าหมายช่วยเหลือเกษตรกร แต่ต่อมาพบว่าเกิดการทุจริตจำนวนมาก โดยเฉพาะการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สรุปว่า ทำให้รัฐเสียหายมหาศาล
ในปี 2560 ศาลฎีกาฯ ตัดสินให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากไม่ยับยั้งโครงการที่สร้างความเสียหาย และมีโทษจำคุก 5 ปีโดยไม่รอลงอาญา แต่เธอ หลบหนีออกนอกประเทศก่อนวันตัดสิน และยังคงอยู่ในสถานะผู้หนีคดีจนถึงปัจจุบัน
นอกจากโทษอาญา เธอยังต้องเผชิญกับคำสั่งทางแพ่งให้ชดใช้สินไหม 35,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เธอ ไม่สามารถเดินทางกลับไทยได้โดยง่าย
คดีชดใช้สินไหม 3.5 หมื่นล้าน: ผ่านไป 10 ปี ยังไม่มีข้อยุติ
คดีสินไหมเริ่มตั้งแต่ปี 2558 แต่ยังไม่ได้บังคับใช้
- ปี 2558 กระทรวงการคลังมีคำสั่งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าเสียหาย 35,000 ล้านบาท
- ปี 2564 ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่ง เพิกถอนคำสั่งชดใช้ โดยให้เหตุผลว่าเป็น “นโยบายของรัฐ” ที่ไม่ใช่ความผิดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพียงคนเดียว
- รัฐบาล ยื่นอุทธรณ์ ทำให้คดีเข้าสู่ ศาลปกครองสูงสุด ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีคำตัดสินที่สิ้นสุด
คดีจะจบลงภายในปีนี้จริงหรือ?
ล่าสุด นายประวิตร บุญเทียม รองประธานศาลปกครองสูงสุด ให้ข้อมูลว่า คดีสินไหมจำนำข้าวมีความคืบหน้ามาก โดยอยู่ในการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุดมาตั้งแต่ปี 2564 และคาดว่าศาลปกครองสูงสุดอาจมีคำตัดสิน ภายในปีนี้
แต่แม้ว่าศาลจะมีคำสั่งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องชดใช้จริง รัฐจะสามารถบังคับคดีและเรียกเงินคืนได้อย่างไร ในเมื่อเธออยู่ต่างประเทศ?
ชดใช้ความเสียหายไม่ได้จบแค่ “ยิ่งลักษณ์”
เจ้าหน้าที่รัฐอีก 5 รายอาจต้องชดใช้สินไหมด้วย
นอกจาก ยิ่งลักษณ์ ยังมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ถูกฟ้องให้ชดใช้ค่าสินไหม ได้แก่
- นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์
- นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์
- นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ
- นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีต ผอ.สำนักบริหารการค้าข้าว
- นายอัฐฐิติพงศ์ หรืออัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ
บุคคลเหล่านี้ถูกดำเนินคดีทางแพ่งและอาญา บางรายถูกจำคุกแล้ว แต่กระบวนการชดใช้ค่าสินไหมยังไม่ถึงที่สุด และบางคนหนีคดีเช่นเดียวกับ “ยิ่งลักษณ์”
ทำไมการบังคับคดีให้ชดใช้ล่าช้านานถึง 10 ปี?
แม้จะมีคำสั่งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องชดใช้สินไหมมาตั้งแต่ปี 2558 แต่จนถึงวันนี้ผ่านมา 10 ปี กระบวนการบังคับคดียังไม่มีข้อสรุป เกิดคำถามว่า เหตุใดรัฐจึงยังไม่สามารถบังคับคดีให้ชดใช้ค่าเสียหายได้ ทั้งที่มีคำสั่งมานานถึง 10 ปี? มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่คดีนี้จะถูกดึงเวลาออกไปอีกหลายปี? รัฐมีแนวทางที่ชัดเจนในการบังคับใช้คำพิพากษาหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวันนี้ตระกูลชินวัตรกลับมากุมอำนาจบริหารประเทศอีกครั้ง?
อนาคตของยิ่งลักษณ์: กลับไทยไม่ได้ง่าย ๆ
แม้จะมีข่าวว่า ยิ่งลักษณ์ อาจกลับไทย แต่จากสถานการณ์ปัจจุบัน โอกาสเป็นไปได้ยากมาก เพราะเธอยังคงมีโทษจำคุก 5 ปี จากคดีจำนำข้าว และอาจต้องชดใช้ค่าสินไหม 35,000 ล้านบาท หากศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้รับผิด
เงื่อนไขเดียวที่อาจทำให้เธอกลับไทยได้ คือ การได้รับพระราชทานอภัยโทษ รัฐบาลใหม่มีแนวทางช่วยเหลือเธอทางกฎหมาย เช่น นิรโทษกรรม หรือกฎหมายล้างมลทิน หรือใช้ระเบียบที่ออกใหม่ ต้องโทษแต่ไม่ต้องคุมขังในเรือนจำ ฯลฯ
แต่ตราบใดที่ กระบวนการยุติธรรมยังดำเนินอยู่ และคำสั่งชดใช้สินไหมยังไม่ถูกเพิกถอน การกลับไทยของเธอก็ยังคงเป็น เรื่องที่ต้องจับตาดูต่อไป
สิ่งที่ต้องติดตามใกล้ชิดคือ หากศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ชดใช้จริง รัฐจะสามารถ บังคับคดีและเรียกคืนเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท ได้จริงหรือไม่ ในเมื่อคนกุมอำนาจในฐานะนายกฯ คือ “หลานสาว แพทองธาร ชินวัตร” ส่วนคนมีอำนาจสูงสุดซึ่งเป็นที่รับรู้ของสังคมคือ “ทักษิณ” ผู้เป็นพี่ชาย