ท่ามกลางความเจริญของย่านสุทธิสาร เขตจตุจักร คอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่งที่เคยเป็นสัญลักษณ์แห่งความสะดวกสบายและความมั่งคั่ง วันนี้กลับกลายเป็นภาพสะท้อนของความเปราะบาง เมื่อแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ทิ้งรอยร้าวไม่เพียงบนกำแพงตึก แต่ยังฝังลึกในใจของผู้อยู่อาศัยเกือบ 2,000 ชีวิต
คุณชณทัต ปัทะมะภูวดล หรือที่รู้จักในนาม “พี่แม็ก ชณทัตลุยครับ” ผู้ก่อตั้งเพจ “ชณทัตลุยครับ” ได้ออกมาเปิดเผยถึงความรุนแรงของปัญหาที่กำลังบั่นทอนคุณภาพชีวิตของลูกบ้าน พร้อมเรียกร้องให้มีการแก้ไขอย่างเร่งด่วนทั้งในระดับปฏิบัติการและนโยบาย เพื่อคืนความมั่นคงและความหวังให้กับผู้ที่เรียกที่นี่ว่า ‘บ้าน’

คอนโดมิเนียมแห่งนี้ มีห้องพักถึง 917 ห้อง รองรับผู้อยู่อาศัยเกือบ 2,000 คน และมีร้านค้าจำนวนมากบริเวณชั้นล่าง แต่เหตุการณ์แผ่นดินไหวได้เปลี่ยน “บ้าน” ที่ควรเป็นที่พักพิงให้กลายเป็นสถานที่แห่งความยากลำบาก คุณชณทัตฉายภาพปัญหาหลัก 3 ประการที่กำลังกลายเป็นฝันร้ายของลูกบ้าน: ลิฟต์ที่หยุดชะงัก ระบบไฟฟ้าที่หวาดผวา และน้ำที่ขาดแคลน ซึ่งแต่ละปัญหาไม่เพียงกระทบการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ยังทิ่มแทงความรู้สึกของความปลอดภัยและการใช้ชีวิต
“ลองนึกภาพคอนโดสูงระฟ้า 917 ห้อง แต่ลิฟต์ใช้งานได้เพียง 2 จาก 4 ตัว และจำกัดเวลาแค่ 7 ชั่วโมงต่อวัน”
“นี่ไม่ใช่แค่ความไม่สะดวก แต่เป็นการบั่นทอนคุณภาพชีวิตอย่างร้ายแรง” ผู้สูงวัยต้องฝืนร่างกายที่อ่อนล้าปีนบันได ผู้ป่วยต้องรอคอยด้วยความทรมาน และคนทำงานต้องเผชิญความโกลาหลในชั่วโมงเร่งด่วนเพื่อแย่งใช้ลิฟต์เพียงสองตัว ความหวังที่จะกลับบ้านด้วยความสบายใจถูกแทนที่ด้วยความเหนื่อยล้าในทุกวันที่ชีวิตไม่ได้หยุดเหมือนระบบน้ำ-ไฟในตึกนี้

แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวทำให้ระบบไฟฟ้าพังทลาย เบรกเกอร์เสียหาย สายไฟบางจุดขาดหรือช็อต คุณชณทัตเผยว่า “ห้องควบคุมไฟต้องระวังทุกครั้งที่เปิดสวิตช์ เพราะเคยมีประวัติช็อตจนน่ากลัวว่าจะเกิดระเบิด” ลูกบ้านต้องอยู่อย่างหวาดระแวง กลัวไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟไหม้ในสถานที่ที่ควรเป็นที่หลบภัย ความรู้สึกไม่ปลอดภัยนี้กลายเป็นเงามืดที่ครอบงำชีวิตประจำวันของทุกคน
ปัญหาน้ำยิ่งเพิ่มความทุกข์ทรมาน แม้บางชั้นจะเริ่มมีน้ำใช้ แต่หลายห้องยังคงไร้น้ำไหล เนื่องจากท่อแตก “ลองคิดดูว่าการไม่มีน้ำใช้ในชีวิตประจำวัน มันกระทบต่อสุขอนามัยและความรู้สึกของการกินอยู่ขนาดไหน” คุณชณทัตกล่าว การซ่อมแซมทันทีอาจกระทบหลักวิศวกรรมและทำให้ประกันไม่ครอบคลุม ลูกบ้านจึงต้องทนอยู่ในสภาพที่ขาดแคลน โดยไร้กำหนดเวลาว่าปัญหาจะคลี่คลายเมื่อใด
ความเดือดร้อนของลูกบ้านยิ่งทวีคูณเมื่อเชื่อมโยงกับประเด็นเงินกองกลาง 13 ล้านบาท ซึ่งควรเป็นกองทุนสำคัญสำหรับการฟื้นฟูตึก คุณชณทัตกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ไม่มีใครโกรธคุณ ไม่มีใครว่าคุณ แต่เราอยากรู้ว่าเงินมันไปไหนแล้วทำอะไร” หลังเหตุแผ่นดินไหว นิติบุคคลเริ่มมีพฤติกรรมน่าสงสัย ก่อนจะย้ายออกจากคอนโดโดยไม่แจ้งลูกบ้าน ที่น่าตกใจคือมีการขนเอกสารจำนวนมากออกไปด้วยรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ 3 คัน โดยไม่มีคำอธิบาย “เงิน 13 ล้าน ถ้ายังอยู่ครบ ควรจะเปลี่ยนตึกนี้ให้กลับมาสมบูรณ์ได้ แต่ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าเงินเหลือเท่าไหน หรือไปอยู่ที่ไหน” คุณชณทัตตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล
ปัจจุบัน ตำรวจกำลังสืบสวนเรื่องนี้ แต่การขาดความโปร่งใสและการสื่อสารจากนิติบุคคลได้ทิ้งลูกบ้านไว้ในความมืดมิด “การสื่อสารคือหัวใจของทุกอย่าง ถ้าเราเข้าใจตรงกัน ทุกปัญหาจะจบลงได้” คุณชณทัตย้ำถึงความสำคัญของการพูดคุยอย่างเปิดเผย ซึ่งขณะนี้นิติบุคคลกลับเลือกที่จะเงียบและจากไป ราวกับทิ้งภาระหนักอึ้งให้ผู้อยู่อาศัยแบกรับเพียงลำพัง

คุณชณทัตชี้ว่า วิกฤตนี้เผยให้เห็นช่องโหว่ของกฎหมายนิติบุคคลในประเทศไทย ซึ่งล้าสมัยและขาดความยืดหยุ่น การเลือกตั้งคณะกรรมการนิติบุคคลชุดใหม่เพื่อบริหารจัดการต้องรอถึง 15 วันหลังยื่นเอกสาร ทำให้การแก้ไขปัญหาล่าช้าเกินกว่าที่ลูกบ้านจะทนได้ “กฎหมายเก่าและล่าช้าเกินไป ในสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ ทุกวินาทีคือความเดือดร้อนของประชาชน” คุณชณทัตกล่าว พร้อมเรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎหมายเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น โดยเฉพาะในกรณีฉุกเฉินที่รัฐควรเข้ามาช่วยเหลือได้ทันท่วงที
นอกจากนี้ การซ่อมแซมโครงสร้างทันทีอาจกระทบหลักวิศวกรรมและทำให้ประกันไม่ครอบคลุม ซึ่งยิ่งตอกย้ำความจำเป็นในการปฏิรูปกฎหมายเพื่อปกป้องประชาชนจากสถานการณ์เช่นนี้ “เราจะต้องคุยกัน ไม่มีใครถูก ไม่มีใครผิด แต่ถ้าไม่พูด ปัญหาจะไม่จบ” คุณชณทัตย้ำถึงความสำคัญของการสื่อสารเพื่อหาทางออกที่สมเหตุสมผล
ในฐานะผู้ก่อตั้งเพจ “ชณทัตลุยครับ” คุณชณทัตยืนหยัดเป็นกระบอกเสียงให้ผู้เดือดร้อน โดยยึดหลักการทำงานที่ชัดเจน “ผมจะไม่ยุ่งเลย ถ้าไม่มีผู้ร้องเรียนให้มาทำ” เขากล่าว พร้อมอธิบายว่าเพจจะลงมือช่วยเหลือเมื่อมีผู้ร้องเรียน โดยตรวจสอบเคสอย่างรอบด้าน รับฟังทุกมุมมอง และใช้ข้อกฎหมายเป็นแนวทางในการพูดคุย “เราไม่ทะเลาะ ไม่กล่าวหา แต่จะสร้างความสมดุล เพราะทุกอย่างในโลกนี้คือการสื่อสาร ถ้าเราเข้าใจตรงกัน ทุกอย่างจบครับ”
สำหรับผู้ที่เผชิญปัญหาคล้ายกัน สามารถติดต่อได้ทาง Facebook หรือ TikTok “ชณทัตลุยครับ” และ Instagram “c.a.n.t.a” หรือติดต่อโดยตรงที่เบอร์ 098-789-9694 คุณชณทัตแนะนำให้ส่งข้อความผ่านเพจก่อน เพื่อให้ทีมงานพิจารณาปัญหาอย่างละเอียด “คิดไม่ออก นึกถึงชณทัตลุยครับ ทุกปัญหาจะหมดไป ถ้าเราได้พูดคุย” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น
วิกฤตที่คอนโดมิเนียมแห่งนี้ไม่เพียงเผยให้เห็นความเสียหายจากแผ่นดินไหว แต่ยังสะท้อนถึงรอยร้าวในระบบบริหารจัดการและกฎหมายที่ล้าสมัย คุณชณทัต ปัทะมะภูวดล ผ่านเพจ “ชณทัตลุยครับ” ได้กลายเป็นแสงสว่างที่นำทางให้ผู้เดือดร้อนมองเห็นทางออก ด้วยปรัชญาที่ว่า “ปัญหาจะไม่เกิด ถ้าเราสื่อสารกันอย่างลงตัวและเข้าใจ” เขาไม่เพียงเป็นกระบอกเสียง แต่ยังเป็นสะพานที่เชื่อมความหวังและความยุติธรรมให้กับผู้อยู่อาศัยที่กำลังต่อสู้เพื่อทวงคืนความมั่นคงในชีวิต

บทเรียนจากเหตุการณ์นี้คือเครื่องเตือนใจว่า การสื่อสาร ความโปร่งใส และระบบที่ยืดหยุ่นคือรากฐานของการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน ขณะที่ลูกบ้านยังคงรอคำตอบและการเยียวยา คุณชณทัตย้ำว่า “ทุกอย่างจะจบลงได้ ถ้าเราเดินไปด้วยกัน”