“ไม่ใช่การดับไฟใต้ แต่เป็นการจุดชนวนรอบใหม่” นี่คือคำเตือนจาก พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ออกโรงวิจารณ์สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นหลังการลงพื้นที่ของ ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ในรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” อดีตเลขาฯ สมช.ให้สัมภาษณ์กับ “สมจิตต์ นวเครือสุนทร” โดยตั้งข้อสังเกตว่า ไฟใต้ที่ปะทุขึ้น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการลงพื้นที่ของนายทักษิณ “ทักษิณเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาตั้งแต่เป็นนายกฯ” พล.ท.ภราดรระบุ พร้อมชี้ว่ารัฐบาลปัจจุบัน ไร้ทิศทางในการดับไฟใต้ ไม่ได้เร่งแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น การสร้าง “พื้นที่ปลอดภัย” และการ “อำนวยความยุติธรรม” ให้ประชาชนในพื้นที่ ส่งผลให้สถานการณ์ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ จนหาข้อยุติได้ยาก
“นายทักษิณคือส่วนหนึ่งของปัญหามาตั้งแต่เป็นนายกรัฐมนตรีที่ทำให้เกิดความรุนแรงต่อเนื่องมา กล่าวหาว่าผู้ก่อความไม่สงบเป็นโจรกระจอก สามวันจัดการจบแต่สุดท้ายบานปลายมาถึงปัจจุบัน การลงพื้นที่และมีการพบกับนายกฯ มาเลเซีย ประกาศปีหน้าคลี่คลายปัญหาได้ นี่เป็นประเด็นท้าทายที่เกิดเหมือนตอนประกาศโจรกระจอก เกิดเหตุตั้งแต่วันที่ลงพื้นที่จนถึงวันนี้ (10 มี.ค.68) ที่ จ.ยะลา แน่นอนปัญหาที่ทำให้เกิดเป็นรากเหง้าคือความไม่ยุติธรรมในพื้นที่ ซึ่งเกิดขึ้นตลอดที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล มันมาบรรจบกันกับคดีตากใบ 20ปี เอาใครขึ้นศาลฯ ไม่ได้ จึงเกิดความท้าทายที่จะมีการก่อเหตุรุนแรงต่อเนื่อง ขณะที่รัฐบาลเองก็ยังไม่ได้แสดงออกถึงทิศทางและนโยบายที่ชัดเจนในการดับไฟใต้ เช่น การปรับโครงสร้างรองรับการแก้ปัญหาทั้งการสร้างพื้นที่ปลอดภัย และการอำนวยความยุติธรรม ฉะนั้นปัญหาจะยิ่งลามไปจนกระทั่งหาข้อยุติได้ยาก “พล.ท.ภราดร กล่าว พร้อมวิเคราะห์ว่า การที่ทักษิณเข้ามามีบทบาทนำในเรื่องนี้เป็นผลเสียมากกว่าผลดี เพราะความจริงเขาควรอยู่เบื้องหลัง ทำเงียบ ๆ ไม่เป็นข่าว แต่ตอนนี้เพลี่ยงพล้ำไปแล้ว ตั้งแต่รัฐบาลเขียนนโยบายแก้ปัญหาภาคใต้แค่บรรทัดเดียว ไร้ทิศทางและยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหา
“ใกล้เปลี่ยนผ่าน – เหตุการณ์ยิ่งโหม”
อดีตเลขาฯ สมช. ชี้ว่า งบประมาณ อาจเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไฟใต้ยังคงลุกโชน “ปี 2570 จะเริ่มลดบทบาททหาร ให้พลเรือนมีบทบาทมากขึ้น อาจมีบางกลุ่มไม่อยากให้ลดงบ เพราะมีผลประโยชน์อยู่ ที่ผ่านมา กองทัพเป็นเจ้าภาพหลักในการบริหารสถานการณ์ชายแดนภาคใต้ผ่าน กอ.รมน.ภาค 4 ซึ่งถือครองงบประมาณจำนวนมาก การที่สถานการณ์รุนแรงขึ้นในช่วงใกล้เปลี่ยนผ่าน จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่า เป็นเรื่องของงบประมาณหรือไม่? เป็นเรื่องที่ประชาชนตั้งข้อสงสัยงบประมาณถูกใช้ไปเพื่อดับไฟใต้จริง หรือเพื่อเลี้ยงสถานการณ์?
“รัฐบาลไม่มีจุดบวกขายในพื้นที่เลย! วาระเร่งด่วนก็ไม่มี” พล.ท.ภราดรกล่าว เขาเชื่อว่าความไม่สงบที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่การกระพือสถานการณ์ชั่วคราว แต่จะมีการก่อเหตุรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยพุ่งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่รัฐ และหน่วยงานราชการ
“จากวาทกรรมโจรกระจอก… สู่การท้าทายรอบใหม่”
พล.ท.ภราดร เตือนว่า การเข้ามาของนายทักษิณอาจกลายเป็น ชนวนความขัดแย้งรอบใหม่ มากกว่าการสร้างสันติภาพ
“คำพูดว่าจะดับไฟใต้ใน 1 ปี ไม่ต่างจากวาทกรรมโจรกระจอกในอดีต!”
ข้อผิดพลาดซ้ำรอยกันคือการประเมินสถานการณ์ต่ำเกินไป การแก้ปัญหาต้องมีความต่อเนื่องและจริงจัง ไม่ใช่แค่การสร้างภาพหรือการประกาศคำมั่นสัญญาแบบเลื่อนลอย
เกมสองหน้า – ใช้กฎหมายพิเศษแต่ประกาศเดินหน้าสันติภาพ
เมื่อถูกถามถึงการเปิดโต๊ะเจรจาสันติภาพ พล.ท.ภราดร ยอมรับว่า “ไฟใต้ไม่ดับ เพราะรัฐบาลยังไม่เดินหน้าอย่างจริงจัง ฝ่ายเห็นต่างต้องการเจรจา! แต่รัฐบาลไม่มีการขับเคลื่อนกลไกสันติภาพเลยอย่างที่ควรจะเป็น”
ปัจจุบันมีการเปลี่ยนหัวหน้าคณะเจรจาสันติภาพจาก เลขาฯ สมช. ไปเป็น พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ผู้ช่วย รมว.กลาโหม ซึ่งถือเป็นทิศทางที่ถูกต้อง แต่ก็เกิดขึ้นล่าช้า “หากรัฐบาลต้องการเจรจาจริง ต้องรีบทำให้เกิดพื้นที่ปลอดภัยอย่างเป็นรูปธรรม”
ขณะเดียวกัน การที่รัฐบาลยังคงใช้ กฎหมายพิเศษ เช่น พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และกฎอัยการศึก ควบคู่ไปกับการประกาศเดินหน้าสันติภาพ กลายเป็น ความย้อนแย้ง “ถ้าจะสร้างพื้นที่ปลอดภัย ก็ต้องให้ผู้ก่อเหตุพิสูจน์ตัวเอง กำหนดพื้นที่ปลอดภัยโดยมีสถานที่และกรอบเวลาที่ชัดเจน ถ้าฝ่ายเห็นต่างที่มาเจรจาทำไม่ได้ ฝ่ายรัฐก็ต้องมีมาตรการที่เข้มข้นขึ้น ซึ่งจะสามารถอธิบายกับสังคมได้”
“ต้องลดบทบาททหาร ให้พลเรือนนำ”
อดีตเลขาฯ สมช.เสนอว่า วิธีแก้ปัญหาที่แท้จริง ต้องปรับโครงสร้างใหม่ เพราะปัจจุบัน ระบบราชการของไทยใหญ่โต ไม่มีเอกภาพ “รัฐบาลต้องให้พลเรือนและตำรวจเป็นผู้นำ ไม่ใช่ทหาร!” โครงสร้างของไทยยังยึดกองทัพเป็นหลัก แต่เมื่อเทียบกับ มาเลเซีย ซึ่งใช้ ตำรวจ เป็นกลไกหลัก จะพบว่ามีความยืดหยุ่นมากกว่า “ถ้าไม่ลดบทบาทกองทัพ ไม่ลดกฎหมายพิเศษ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และกฎอัยการศึก ปัญหาจะไม่จบ”
ดับไฟใต้ในรัฐบาลนี้… ยังไม่เห็นอนาคต!
เมื่อถูกถามว่ามีความหวังกับรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร หรือไม่ พล.ท.ภราดร ตอบตรง ๆ ว่า “ถ้าดูจากกระบวนท่าในการทำงานแล้ว… ยังยากอยู่ รองนายกฯ ภูมิธรรม เวชยชัย ยังหันรีหันขวาง งานด้านความมั่นคงไม่เดินหน้า ทั้ง ๆ ที่มีทีมที่ปรึกษาที่ดี ซึ่งเป็นเพราะการเมืองกำลังบดบังงานด้านความมั่นคง ทำให้งานด้านความมั่นคงไม่มีความเข้มข้น
“ทักษิณต้องถอย – รัฐบาลต้องชัด”
สุดท้าย พล.ท.ภราดร แนะนำว่า ทักษิณ ชินวัตร ควรลดบทบาทลง และปล่อยให้ฝ่ายความมั่นคงเป็นผู้นำในการขับเคลื่อน “ความจริง ไม่ควรแสดงบทบาทตั้งแต่ต้น แต่ควรหนุนอยู่เบื้องหลัง” หากรัฐบาลยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจน และ ยังคงให้การเมืองนำความมั่นคง ปัญหาไฟใต้จะ ซับซ้อนขึ้น ยาวนานขึ้น และแก้ยากขึ้นเรื่อย ๆ
“ตอนนี้ไม่ได้ต่างจากยุคทักษิณเป็นนายกฯ มากนัก แต่วันนี้ปัญหาซับซ้อนกว่าเดิม! มีอาชญากรรมข้ามชาติซ้อนกับความไม่สงบ ทำให้การแก้ปัญหายากขึ้นอีก”
“รัฐบาลต้องประกาศวาระแห่งชาติ! ไฟใต้ต้องแก้จริง ไม่ใช่แค่เกมการเมือง”
สุดท้าย อดีตเลขาฯ สมช. ย้ำว่า นายกรัฐมนตรี ต้องผลักดันการแก้ปัญหานี้ให้เป็นวาระแห่งชาติ เข้ามามีบทบาทนำในงานด้านความมั่นคงมากขึ้น เพราะเป็นประธาน สมช.โดยตำแหน่งอยู่แล้ว “ต้องให้ สมช. เป็นแม่งาน กำหนดแนวทางให้ชัด แล้วนายกฯ ต้องอนุมัติ เสนอสู่ ครม. และแถลงให้สภาฯ รับทราบ”
หากไม่มีการประกาศเป็นวาระเร่งด่วน ปัญหานี้จะลุกลามต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด!