รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผอ.ศูนย์การศึกษาการค้าระหว่างประเทศ ม.หอการค้าไทย ให้สัมภาษณ์ The Publisher ผ่านรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ดำเนินรายการโดย “สมจิตต์ นวเครือสุนทร” ถึงผลกระทบจากกรณี ปธน.ทรัมป์ ขึ้นภาษีสินค้าส่งออกไทยไปสหรัฐเป็น 36 % ว่า ผบกระทบหนัก “ตึกสตง.ที่ถล่มหนักระดับหนึ่งแล้ว ทรัมป์ขึ้นภาษีหนักกว่าเพราะขึ้นถึงสามเท่า จากที่เขาเคยหาเสียงไว้ และเป็นอันดับที่สองในอาเซียนที่ถูกขึ้นภาษีรองจากเวียดนาม” รศ.ดร.อัทธ์ กล่าว พร้อมชี้ถึงสินค้าที่จะได้รับผลกระทบว่ามีหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ผลิตภัณฑ์ยางพารา วัตถุดิบยางพารา ผลไม้ ข้าว อาหารทะเล และสินค้าทุกรายการที่ไทยได้ดุลการค้าจากสหรัฐ
เวียดนามเดินเกมรุก-ไทยเอาแต่ชะล่าใจ
ผอ.ศูนย์การศึกษาการค้าระหว่างประเทศ ม.หอการค้าไทย มองว่ารัฐบาลขยับเรื่องนี้ช้า ทั้งที่รู้ล่วงหน้าสองถึงสามเดือนว่าทรัมป์จะทำแบบนี้ เพราะเขาหาเสียงไว้ เรื่องนี้ต้องทำเปิดเผยบอกผู้ประกอบการเตรียมรับมืออย่างไร มีฉากทัศน์ยังไงที่จะทดแทนการส่งออกสินค้าที่หายไปจากตลาดสหรัฐ จะกระจายไปที่ไหนอย่างไร กลุ่มสินค้าไหนจะผลักดันเป็นหลัก จะมีแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการในการส่งออกอย่างไร แต่รัฐบาลไม่ได้ดำเนินการเลย “ตรงกันข้ามกับเวียดนามเขาซื้อสินค้าอเมริกา เชิญอีลอนมัสก์ มา นักลงทุน 5-60 บริษัทไปเยือนเวียดนาม แม้จะเจอภาษี 46 % เรา 36 % แต่เขาพยายามแก้ไขให้สหรัฐเห็นและมีต้นทุนที่ถูกกว่าไทย 20 % ไม่ว่าอย่างไรก็จะกระทบขีดความสามารถในการแข่งขันน้อยกว่าไทย ถือเป็นการเดินเกมเชิงรุกท่ามกลางสงครามภาษีได้ดีกว่ารัฐบาลไทย”
ไทยเจอ 3 เด้ง ศก.เสี่ยงโตไม่ถึง 2%
ส่วนแถลงการณ์นายกฯ แม้จะบอกว่าจะมีการเจรจากับสหรัฐแต่ถือว่าแอคชันช้าไป ตอนนี้ไทยเจอสามเด้ง เด้งแรกคือการขึ้นภาษีของทรัมป์ซึ่งคาดการณ์ว่ามูลค่าการส่งออกในปีนี้น่าจะหายไปราว 7 แสนถึง 1 ล้านล้านบาท หากขึ้นภาษีที่ 36% จริง นอกจากนี้ยังต้องเผชิญกับเศรษฐกิจโลที่ชะลอตัวราว 1% ด้วย การสั่งซื้อสินค้าจากไทยก็จะชะลอตัวตามไปด้วย อีกทั้งสินค้าจีนจะเข้ามาไทยมากขึ้น ”เราเจอสามเด้งแบบนี้คนที่กระดอนก็คือประชาชนตาดำ ๆ ผู้ประกอบการ เกษตรกร คนทำมาค้าขายจะลำบากขึ้น เศรษฐกิจไทยจะต่ำที่สุดในอาเซียน เต็มที่ 2-2.4% ก็บุญโขแล้ว แต่กลัวว่าจะหลุด 2%ด้วยซ้ำ“
ตึกสตง.ถล่ม กระทบอสังหาฯ มูลค่าลด 30%
รศ.ดร.อัทธ์ ให้เหตุผลสนับสนุนแนวคิดที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยอาจโตไม่ถึง 2% ในปีนี้ว่า ประเด็นเรื่องการท่องเที่ยวก็ยังไม่สดใส เพราะมีหน่วยงานจีนรายงานว่าลดลำดับประเทศไทยในด้านการท่องเที่ยว พอมาปลายไตรมาสหนึ่งก็มาเจอตึกสตง.ถล่ม กระทบภาคอสังหาริมทรัพย์ มูลค่าอสังหาฯจะลดราว 30 % หรือมากกว่านั้น “ผมเสนอให้ภาครัฐเดินหน้าตรวจอาคารทำเครื่องหมายว่าผ่านการตรวจสอบของหน่วยงานกลางแล้วตึกหรือคอนโดนี้แข็งแรงไม่พัง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นทั้งผู้ซื้อและผู้ที่พักอาศัย”
ศก.ไทยร่อแร่…ต้องฉีดยาให้ตรงจุด
อีกปัจจัยหนึ่งที่น่าห่วงคือ จากเหตุการณ์ตึดถล่มทำให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ ก็ไม่มั่นใจเรื่องที่พัก รวมถึงทุนต่างชาติไม่มั่นใจการลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะวัตถุดิบในไทย และยังเผชิญกับกำแพงภาษีอีก ”เศรษฐกิจไทยปีนี้หนัก เรียกว่าร่อแร่อาการน่าเป็นห่วง ยังไม่ถึงขั้นเข้าไอซียู แต่ถ้าไม่ฉีดยาให้ตรงจุดจะหนักเลย“ รศ.ดร.อัทธ์ บอกด้วยว่า ยาที่จะฉีดแล้วตรงจุดคือ หาตลาดส่งออกทดแทนสหรัฐโดยเร็ว ต้นทุนการผลิตที่แพงจะลดอย่างไรเพื่อให้แข่งขันได้ นักศึกษาที่จบมาใหม่เก่งพอหรือยังที่จะสู้กับบัณฑิตของเวียดนาม การศึกษาไทยพร้อมรองรับการแข่งขันในอุตสาหกรรมสมัยใหม่หรือยัง
เลิกดันกาสิโน หันมาปรับโครงสร้างก่อน “เรือหาย”
“อย่ามัวแต่ดันกาสิโน มันไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนของประเทศไทย เรื่องเร่งด่วนคือสิ่งที่ผมพูดไปก่อนหน้านี้ เราไม่มีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ประเทศไทยไม่ล่มสลาย ทุ่มไปที่การปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เตรียมความพร้อมประเทศเยาวชนของชาติก่อนดีกว่ามั้ย เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เอาไว้ก่อนได้ไหม”
รศ.ดร.อัทธ์ บอกด้วยว่า ตึกสตง.ที่ถล่มลงมาสะท้อนภาพลักษณ์ของประเทศไทย จะแก้ปัญหาอย่างไร ”เป็นฟางหรือด้ายเส้นสุดท้ายของประเทศไทย ถ้าเราไม่เรียนรู้จากเรื่องนี้ประเทศไทย “เรือหาย”