“อยู่มา 20 ปี มาลงที่ผม!” เสียงสะท้อนความหนักใจของนายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ถืออำนาจชี้ขาด “เซ็นหรือไม่เซ็น” คำสั่งเพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ คืนเป็นสมบัติของวัดธรรมิการามวรวิหาร ให้สัมภาษณ์ไว้กับสำนักข่าวอิศรา ที่เป็นผู้เปิดประเด็นว่านายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีต รมช.มหาดไทย ตัดสินใจเซ็นคำสั่งเพิกถอนกรรมสิทธิ์ฯ ให้กลับไปเป็นที่ธรณีสงฆ์ เพียง 3 วันก่อนพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งรมช.มหาดไทย คนปัจจุบัน นายทรงศักดิ์ ทองศรี ก็ยืนยันเดินหน้าตามคำสั่งเดิม แต่กลับกลายเป็นว่าคนมีอำนาจตามกฎหมายที่จะทำให้เกิดผลทางกฎหมายคือ นายชำนาญวิทย์ ที่ต้องรับเผือกร้อนนี้ไปแบบไม่เต็มใจ
ในบทสัมภาษณ์ที่สำนักข่าวอิศรานำเสนอ นายชำนาญวิทย์ พูดอย่างหนักแน่นว่า “อำนาจอยู่ที่ผม” พร้อมยืนยันว่าจะพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงข้อกฎหมาย และประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติเป็นสำคัญ
จุดที่น่าสนใจ คือ นายชำนาญวิทย์ กำลังจะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน 2568 นี้!
“ท่านเห็นใจผมไหมล่ะ อยู่กันมาตั้ง 20 กว่าปีแล้วเรื่อง แล้วก็มาลงที่ผม และผมก็จะเกษียณแล้ว” เป็นคำพูดที่สะท้อนความกดดัน และความยากลำบากใจ ในการตัดสินคดี ที่คาราคาซังมานานกว่า 2 ทศวรรษ หากนายชำนาญวิทย์ ตัดสินใจเซ็นคำสั่งเพิกถอน ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ จะกลับไปเป็นของวัดในทันที ซึ่งอาจนำไปสู่การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายมหาศาล จากบริษัทสนามกอล์ฟ และผู้ที่เกี่ยวข้อง
แล้วทางออกอยู่ตรงไหน?
นายชำนาญวิทย์ เสนอ 2 แนวทาง คือ
- เจรจา: บริษัทสนามกอล์ฟ อาจเจรจากับวัด เพื่อขอเช่าที่ดิน และดำเนินกิจการต่อไป
- ออกกฎหมาย: ผลักดันให้มีการออก พ.ร.บ. โอนที่ดิน เพื่อให้วัดสามารถโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้กับบริษัทได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
“เซ็นหรือไม่เซ็น” เพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์คำถามที่ยังคงไร้คำตอบ และเป็นที่จับตาของสังคม ท่ามกลางปมปัญหา ความขัดแย้ง และผลประโยชน์ ที่ซับซ้อนเพราะมีตระกูลชินวัตรถือครองที่ดินอยู่ และคนในตระกูลนี้คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ คนปัจจุบัน
คดีนี้จะจบลงอย่างไร? คงต้องติดตามกันต่อไป
.
ขอบคุณข้อมูลจากสำนักข่าวอิศรา