“เรากำลังดำเนินการยุติกิจการ – ขอขอบพระคุณสำหรับวันเวลาดี ๆ ที่ได้สร้างร่วมกัน”
คือข้อความที่ปรากฏบนหน้าเพจของ Foodpanda ประเทศไทย เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2568 ซึ่งสะท้อนจุดสิ้นสุดของแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่อาหารสีชมพูที่เคยครองใจผู้บริโภคมาอย่างยาวนานถึง 13ปี
ยุติกิจการ 23 พฤษภาคม 2568 — จากขาดทุนสะสม สู่การถอนตัว
บริษัทแม่จากเยอรมนี Delivery Hero ประกาศอย่างเป็นทางการว่า Foodpanda จะ ยุติการให้บริการในประเทศไทยวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 โดยให้เหตุผลว่า เป็นการปรับกลยุทธ์เพื่อมุ่งเน้นตลาดอื่นที่มีศักยภาพในการเติบโตและผลตอบแทนที่ดีกว่า
เบื้องหลังการตัดสินใจครั้งนี้ คือ ตัวเลขขาดทุนสะสมกว่า 13,000 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจในไทย แม้ปี 2566 จะทำรายได้ 3.84 พันล้านบาท แต่ยังคงขาดทุนอีก 522 ล้านบาท
แพ้สมรภูมิแข่งขัน — ขายกิจการไม่สำเร็จ
แม้เคยเป็นเบอร์ต้นในวงการเดลิเวอรี่อาหาร แต่ในช่วงหลัง Foodpanda เหลือส่วนแบ่งตลาดเพียง 15% เทียบกับคู่แข่งอย่าง LINE MAN Wongnai (44%) และ GrabFood (39.4%) ทั้งยังพยายามขายกิจการให้กับ Grab หรือ Meituan แต่การเจรจาล้มเหลว
กระทบทั้งลูกค้า–ไรเดอร์–ร้านค้า
หลังประกาศปิดกิจการ ลูกค้าจะสามารถใช้แอปฯ ได้ถึงวันที่ 23 พฤษภาคม เท่านั้น ส่วนพนักงานและไรเดอร์บางส่วนอาจได้รับการชดเชยหรือโอนย้ายหน้าที่ในภูมิภาคที่ยังดำเนินงานต่อ
Delivery Hero ยืนยันว่า ทีมระดับภูมิภาคประจำประเทศไทยจะยังคงทำงานต่อในบทบาทอื่น เช่น วิเคราะห์ข้อมูลหรือสนับสนุนตลาดเพื่อนบ้าน
โอกาสใหม่ของ Grab และ LINE MAN
การถอนตัวของ Foodpanda คือโอกาสทองของคู่แข่งรายใหญ่ที่เหลืออยู่ โดยเฉพาะในตลาดที่มีมูลค่าสูงถึง 86,000 ล้านบาท ซึ่งกำลังกลายเป็นศึกสองเส้าเต็มรูปแบบระหว่าง LINE MAN Wongnai และ GrabFood
⸻
การอำลาของ Foodpanda คือการปิดฉากของแบรนด์เดลิเวอรี่ระดับตำนาน ที่แม้จะเคยครองใจผู้บริโภคชาวไทย แต่ต้องยอมรับความจริงทางธุรกิจ ทั้งเรื่องผลประกอบการ การแข่งขัน และความเชื่อมั่นของลูกค้าในโลกที่เปลี่ยนไป
“ขอบคุณสำหรับวันเวลาดี ๆ ที่เราเคยมีร่วมกัน” – แต่อย่างไร นี่คือบทเรียนธุรกิจที่ต้องเดินหน้าต่อ