ดร.นณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส TDRI เปิดเผยกับ The Publisher ถึงการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25 % ต่อปี เป็นครั้งแรกในรอบสี่ปีของ กนง. ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงจาก 2.50 % ต่อปี เหลือ 2.25 % ต่อปีทันที ว่า จะเป็นการเหยียบคันเร่งช่วยให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนได้ดีขึ้น ส่งสัญญาญาณให้ธนาครลดดอกเบี้ยตาม เกิดประโยชน์กับภาคธุรกิจ ทำให้ต้นทุนการกู้ยืมเงิน ขยายกิจการลดลง มีแนวโน้มการลงทุนมากขึ้น อีกขาเป็นเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ยสัญญาใหม่ ในส่วนหนี้ครัวเรือนถ้าปรับโครงสร้างแก้ไขสัญญาหนี้จะได้อัตราลดลง ช่วยเติมเงิน ลดภาระดอกเบี้ยให้กับผู้บริโภค ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากขึ้น แม้ไม่มากเท่าสหรัฐที่ลดเยอะ
แต่ถามว่ามีประโยชน์หรือไม่ก็มีประโยชน์ เพราะระดับหนี้ครัวเรือนแม้สัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีจะลดลง แต่เป็นการลดทางเทคนิค คือประชาชนไม่ได้มีเงินมากขึ้นแต่แบงก์เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ การลดดอกเบี้ยทำให้ภาระดอกเบี้ย ปชช.ลดลง จะช่วยทำให้เกิดสภาพคล่องทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
“กนง.เห็นภาพระยะสั้น ยาว คุยกับภาครัฐเห็นตรงกันว่าเศรษฐกิจต้องการการกระตุ้นระดับหนึ่ง เพราะเศรษฐกิจเปราะบางจนแบงก์ชาติเห็นด้วยต้องอัดฉีดสภาพคล่อง ซึ่งไม่ใช่ตามภาครัฐแต่เป็นการตามสถานการณ์ต่างประเทศที่ลดไปก่อนแล้ว ท่าทีที่มีลักษณะประนีประนอมระหว่างกันมากขึ้นถือเป็นสัญญาณที่ดี เพราะไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือแบงก์ชาติต่างก็อยากขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพทั้งการเงินและการคลัง ถ้าหาข้อตกลงได้ เดินนโยบายสอดประสานไม่ขัดแย้งกันก็จะทำให้การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจเป็นไปได้ดีมากขึ้น”