เรียบเรียงจากบทสัมภาษณ์ รศ.ดร. ชิดตะวัน ชนะกุล
โดย สมจิตต์ นวเครือสุนทร
⸻
”อย่าหลอกประชาชน“
ชิดตะวันเปิดสถิติรายได้กาสิNO 65-90%
ฟาดกลับ ”ทักษิณ“ ชี้ไทยซ้ำรอย ”เขมร“
“ถ้าเป้าหมายคือคอนเสิร์ตฮอลล์ เราไม่จำเป็นต้องมีบ่อนกาสิNO“
รศ.ดร. ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เริ่มต้นบทสนทนาอย่างไม่อ้อมค้อม เมื่อถูกถามถึงกรณีที่ทักษิณ ชินวัตร บิดานายกรัฐมนตรีแพทองธาร แสดงความมั่นใจว่า กาสิNO จะผ่านฉลุย และพยายามลดทอนข้อกังวลว่าเป็นแค่ “ส่วนน้อย” ของโครงการ แต่จำเป็นต้องมีเพื่อจูงใจให้นักลงทุนมาลงทุนคอนเสิร์ตฮอลล์
แต่สำหรับอาจารย์ชิดตะวัน ข้อเท็จจริงกลับสวนทางกับคำพูดนั้นโดยสิ้นเชิง
“ไม่ว่าจะที่ไหนในโลก รายได้จากกาสิNO กินสัดส่วน 65-90% ของทั้งหมด”
อาจารย์ยกตัวอย่างสิงคโปร์ แม้จะกันพื้นที่ให้กาสิNO แค่ 5% ของโครงการ แต่รายได้จริงกลับมาจากกาสิNO ถึง 64-72% ขณะที่รายได้จากโรงแรม คอนเสิร์ตฮอลล์ หรือห้องประชุมรวมกัน ยังสู้ไม่ได้
“ยิ่งฟิลิปปินส์ยิ่งชัด คนฟิลิปปินส์เองเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก รายได้จากกาสิNO 87-90% ในจำนวนนั้นส่วนหนึ่งเป็นเงินจากชาวฟิลิปปินส์ ไม่ใช่นักท่องเที่ยวต่างชาติ”
อาจารย์อธิบาย และชี้ว่า ไทยกำลังเดินตามโมเดลนี้ เพราะนายกฯ เองก็พูดตรง ๆ ว่า ต้องการแก้บ่อนผิดกฎหมาย — ซึ่งเท่ากับจะเปิดให้คนไทยเข้าบ่อนอย่างสะดวกขึ้น
“ต่อให้กำหนดสัดส่วนพื้นที่บ่อนแค่ 5-10% รายได้หลักก็หนีไม่พ้นมาจากกาสิNO และนั่นมีเงินของคนไทยรวมอยู่ด้วย ไม่ใช่แค่ชาวต่างชาติ”
“ถ้าจะสร้างคอนเสิร์ตฮอลล์ ทำไมต้องมีกาสิNO?”
อาจารย์ชิดตะวันตั้งคำถามง่าย ๆ แต่แทงลึก
เธอชี้ว่าการใช้กาสิNOเป็นข้ออ้างเพื่อสร้างธุรกิจต่าง ๆ เช่น คอนเสิร์ตฮอลล์ ไม่สมเหตุสมผลเลย
“ถ้าอยากสร้างคอนเสิร์ตฮอลล์จริง ๆ เชื่อว่ามีเอกชนพร้อมลงทุน เพราะบ้านเรายังขาด แต่การดึงกาสิNOมาผูกเงื่อนไข แปลว่าหัวใจอยู่ที่บ่อน ไม่ใช่คอนเสิร์ตฮอลล์” พร้อมเสริมว่าในความเป็นจริง นักท่องเที่ยวที่เป็นเป้าหมายหลักอย่างชาวจีน ก็กำลังลดลงเพราะภาพลักษณ์ไทยเสื่อมถอย ปัญหาความปลอดภัยและคอร์รัปชันทำให้นักลงทุนขาดความมั่นใจ ถ้าไม่ปรับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้แข็งแรงก่อน ต่อให้มีคอนเสิร์ตฮอลล์ก็ไม่มีใครกล้ามา แม้แต่ศิลปินระดับโลกก็คงลังเลถ้าต้องมาในประเทศที่ความปลอดภัยยังถูกตั้งคำถาม
“ห้ามนักการเมืองฟอกเงินในบ่อนได้จริงหรือ?”
อีกหนึ่งประเด็นที่อาจารย์ชิดตะวันไม่ปล่อยผ่าน คือคำกล่าวของทักษิณที่ยืนยันว่า นักการเมืองจะไม่สามารถใช้บ่อนฟอกเงินได้
“เรื่องนี้ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ไม่มีกฎหมายใดห้าม และถึงแม้กฎหมายจะเขียนห้าม แต่ในสภาพแวดล้อมที่ไทยติดอันดับคอร์รัปชันระดับ 107 ของโลก เป็น ‘รัฐสีเทาเข้ม’ ที่กฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ และเจ้าหน้าที่รัฐมีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ การฟอกเงินผ่านตัวแทนยังเกิดขึ้นได้ง่าย“
อาจารย์ยกตัวอย่างกัมพูชา ที่มีกฎหมายห้ามชัดเจน เช่น ห้ามสร้างบ่อนใกล้วัด หรือห้ามประชาชนเล่นพนัน แต่ในทางปฏิบัติกลับไม่มีใครทำตาม กาสิโนถูกสร้างใกล้วัด และเจ้าหน้าที่รัฐก็เล่นพนันได้โดยไม่มีใครห้าม แถมมีการเปิดห้องพิเศษให้ด้วย
“ประเทศไทยกำลังจะเดินรอยเดียวกับกัมพูชา” อาจารย์เตือนพร้อมถามไปถึงนายกฯว่า ”จะเดินตามคำพ่อที่จะผลักดันกาสิNO ปล่อยคนนอกที่ไม่ใช่รัฐบาลกำหนด หรือถูกครอบงำหรือไม่?“
ดับฝันกาสิNO ด้วยการตื่นรู้ของประชาชน
เธอแสดงความมั่นใจว่า ภาคประชาชนยังไม่หมดหวัง — คนไทยกำลังตื่นรู้ไม่แพ้ชาวฮาวาย ที่สามารถหยุดความพยายามผลักดันกฎหมายบ่อนพนันได้สำเร็จ หากพลังสังคมยังคงเคลื่อนไหวและขยายตัวไปเรื่อย ๆ ไทยก็มีโอกาสรักษาอัตลักษณ์แบบนอร์เวย์หรือฮาวาย — ดินแดนที่ไม่ยอมจำนนต่อทุนการพนัน
⸻