ครูจวง ปารมี ไวจงเจริญ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ The Publisher เรียกร้องให้ กระทรวงศึกษาธิการ ทบทวนประกาศยกเลิกการแต่งกายชุดลูกเสือของนักเรียน ซึ่งออกมาอย่างเร่งร้อนโดยไม่มีแผนรองรับชัดเจน และยังเปิดช่องให้โรงเรียนใช้ดุลยพินิจตามแต่ละพื้นที่ ส่งผลให้เกิดความไม่ชัดเจนทั่วประเทศ
“มันเหมือนทำครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไม่สะเด็ดน้ำ ทั้งที่วิชาลูกเสือมีกฎหมายรองรับอยู่ การเปิดกอง ปิดกอง หรือวันพิธีต่าง ๆ ก็ยังคงต้องใช้ชุดลูกเสืออยู่ดี กลายเป็นว่าต้องซื้อชุดลูกเสือแล้วใส่ปีละไม่กี่ครั้ง ไม่ได้ลดภาระอย่างที่กระทรวงศึกษาธิการอ้าง”
ครูจวงเสนอว่า หากกระทรวงศึกษาธิการต้องการลดภาระจริง ควรประกาศให้ชัดเจนไปเลยว่า “ไม่ต้องใส่ชุดลูกเสือ” และใช้เพียง ผ้าพันคอ เป็นสัญลักษณ์แทน พร้อมย้ำว่านักเรียนควรมีสิทธิในการแต่งกายโดยไม่ถูกบังคับให้ซื้อเสื้อผ้าเฉพาะกิจหลายประเภท
“ตอนนี้โรงเรียนบางแห่งมีตั้งแต่ชุดนักเรียน ชุดพละ เสื้อสีประจำโรงเรียน เสื้อผ้าไทย ชุดวิถีพุทธ บางแห่งแต่งครบสัปดาห์เลย แล้วอย่างนี้จะลดภาระผู้ปกครองได้อย่างไร? ต้องคิดใหม่ ทำใหม่ ยกเลิกการบังคับให้หมด”
⸻
กรณีเสื้อผ้าไทย – “มีร้านเดียว” อาจเป็นเรื่องไม่ชอบมาพากล
ครูจวงยังกล่าวถึงกรณีที่ ผู้ปกครองร้องเรียนมายัง The Publisher เกี่ยวกับโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม ที่กำหนดให้นักเรียนใส่ เสื้อผ้าไทยสีประจำโรงเรียน ซึ่งมีวางจำหน่ายเพียงร้านเดียวในจังหวัด โดยระบุว่าเรื่องนี้สะท้อนปัญหา การบังคับและการผูกขาด ที่ควรถูกตรวจสอบ
“การส่งเสริมภูมิปัญญาไทยควรเริ่มจากความสมัครใจ ไม่ใช่บังคับ ถ้ายิ่งมีเพียงร้านเดียว ก็อาจเป็นเรื่องไม่ชอบมาพากล มีการเอื้อประโยชน์กันระหว่างร้านค้ากับผู้บริหารหรือไม่? กระทรวงศึกษาธิการต้องเข้าไปตรวจสอบ และพรรคประชาชนก็จะติดตามเรื่องนี้เช่นกัน”
⸻
สพฐ. ต้องออกแนวปฏิบัติชัดเจน – อย่าปล่อยให้แต่ละโรงเรียน “ทำกันคนละทาง”
ครูจวงกล่าวทิ้งท้ายว่า ขณะนี้มีโรงเรียนในสังกัด สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กว่า 29,000 แห่งทั่วประเทศ แต่กระทรวงศึกษาธิการกลับไม่มีแนวปฏิบัติที่ชัดเจนรองรับการยกเลิกเครื่องแบบ จึงเสี่ยงให้แต่ละโรงเรียน ตีความไปคนละแบบ และผลักภาระให้ผู้ปกครองในรูปแบบต่าง ๆ
“สพฐ.ต้องทบทวนเรื่องนี้ และออกแนวทางให้ชัด ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นความเหลื่อมล้ำทางเครื่องแบบ ที่ผู้ปกครองจำนวนมากไม่สามารถแบกรับไหว”