“เลือกทางเดินเอง…ก็ต้องรับผลเอง”
และตอนนี้ ทักษิณ ชินวัตร กำลังเดินถึงปลายทางที่อาจไม่มีทางเลี่ยง
หลังกลับไทยในวันที่ 22 สิงหาคม 2566
ทักษิณได้ใช้เวลา 6 เดือนใต้ “ร่มคุ้มกัน” ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ
ท่ามกลางเสียงวิจารณ์เรื่องป่วยทิพย์-นักโทษเทวดา ทำกระบวนการยุติธรรมสั่นคลอน ระบบบังคับโทษถูกตั้งคำถามอย่างหนัก
แต่วันนี้…ชั้น 14 กำลังพังลง
และมาตรา 112 กำลังเป็นผลกรรมไล่ล่าประชิด
ศาลนัดไต่สวน “คดีชั้น 14” : ราคาที่ต้องจ่ายเพื่อรักษา “ระบบยุติธรรม”
13 มิถุนายน 2568 — ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดไต่สวนครั้งแรกกรณีมีความปรากฏต่อศาลฯ ว่า ทักษิณอาจไม่ได้รับโทษจริงตามคำสั่งศาลฯ จากกรณีรักษาตัวที่ชั้น 14 อ้างป่วยวิกฤตทั้งที่ไม่วิกฤตจริง
โดยมีหลักฐานสำคัญคือ:
มติ กสม. (คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ) ชี้ว่า การให้อยู่ รพ.ตำรวจนานผิดปกติ เป็นการละเมิดสิทธิของนักโทษคนอื่น และเป็นการเลือกปฏิบัติ
มติแพทยสภาที่ออกมาในเดือนพฤษภาคม ชี้ชัดว่าทักษิณไม่ได้มีอาการป่วยวิกฤตตามที่อ้างตลอดระยะเวลารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ
นักกฎหมายบางคนประเมินว่า หากไต่สวนเป็นไปตามกรอบ ข้อเท็จจริงชัด และไม่ถูกถ่วงโดย “มือที่มองไม่เห็น” คดีนี้อาจจบใน 3 เดือน — ภายในเดือนกันยายนนี้
คดี 112 : จบสืบพยานทั้งสองฝ่าย ก.ค.นี้
ขณะที่คดี 112 ที่ทักษิณถูกกล่าวหาว่า “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” จากการให้สัมภาษณ์กับสื่อเกาหลีใต้เมื่อปี 2558 ก็กำลังเดินทางสู่บทสุดท้ายเช่นกัน
ฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลยจะจบการสืบพยานในเดือนกรกฎาคม 2568
และอาจมีคำพิพากษาได้ในเวลาใกล้เคียงกับคดี “ชั้น 14” แต่คดีนี้ไม่ว่าผลออกมาเป็นบวกหรือลบ ทักษิณ ยังมีสิทธิอุทธรณ์ต่อได้ เรียกว่าพอมีเวลาหายใจ แตกต่างจากคดีชั้น 14 ถ้าศาลฯ ชี้ว่ายังไม่ได้รับโทษจริงตามคำสั่งศาลฯ ผลที่ตามมานั่นอาจหมายถึง “คุกรออยู่”
เกมต่อจากนี้ : หนี – ยอมติดคุก – หรือรอดหมด?
ไม่มีใครบอกได้ชัดว่าทักษิณจะเลือกทางใด
แต่ทุกเส้นทางคือจุดตัดในชีวิตที่สำคัญของ “ทักษิณ”
เขาอาจรอดทั้งสองคดี…ปูทางสู่อำนาจอย่างสมบูรณ์ แต่ความเป็นไปได้อาจเลือนราง
หรือเขารอดคดีเดียว…ก็ยังต้องดูว่าเป็นคดีไหน ถ้าเป็นชั้น 14 รอดก็จบเลย แต่ถ้าชั้น 14 ไม่รอด อันนี้มีสิทธินอนคุก ส่วนมาตรา 112 รอดหรือไม่รอดยังมีเวลาหายใจเพราะอุทธรณ์ได้
แต่ถ้าเลวร้ายกว่านั้น…ไม่รอดทั้งสองคดี อันนี้ไม่ใช่แค่หนักที่ทักษิณแต่อาจลามไปถึงรัฐบาลลูกสาวด้วย
สิ่งที่ต้องจับตาคือถ้าผลออกมาเป็นลบ…ทางเลือกของทักษิณคืออะไร?
ถ้าจะหนีก็ต้องหนีตลอดชีวิต
และสิ่งที่ต่างจากอดีตคือ ครั้งนี้…ไม่มีความชอบธรรมเหลืออยู่แล้ว
เพราะการหนีจากคดีที่เคยได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ (กรณีชั้น 14)
ย่อมไม่มีเหตุให้ใช้ช่องทางเดียวกันซ้ำได้อีก
เส้นทางของทักษิณจึงแคบลงเรื่อย ๆ
การหนีไปอีก ในขณะที่ลูกสาวมีอำนาจ
อาจเป็นตะปูตัวสุดท้ายตอกฝาโลง “ทักษิณและครอบครัว”
ที่ยากจะกลับมาเปล่งบารมีในแวดวงการเมืองได้อีก
ชั้น 14 ที่เคยปลอดภัย กำลังกลายเป็นเด๊ดโซน
และมาตรา 112 ก็ไล่ล่าเข้ามาทุกขณะ
หากสองคดีนี้จบในช่วงเวลาใกล้กัน
เดือนสิงหาคม–กันยายน
ไม่เพียงเป็น “จุดตัด” ครั้งใหญ่ของชีวิตทักษิณ…
แต่อาจเป็น “จุดตาย” ของรัฐบาลลูกสาว “แพทองธาร” ด้วย