เรียบเรียงจากบทสัมภาษณ์ในรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ดำเนินรายการโดย สมจิตต์ นวเครือสุนทร
⸻
“คุณถูกเลือกมาในนามของอุดมการณ์พรรค แต่พอได้อำนาจกลับย้ายพรรคไปหาผลประโยชน์ มันคือการไม่เคารพเสียงของประชาชน”
คือคำกล่าวของ รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก นักวิชาการด้านกฎหมาย ในรายการ เที่ยงเปรี้ยงปร้าง เมื่อถูกถามถึงกรณี น.ส.กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาชน แถลงยุติบทบาทเพื่อเตรียมย้ายไปร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม
เขาไม่เพียงสะท้อนมุมมองเชิงกฎหมาย แต่ยังวิจารณ์ปรากฏการณ์นี้อย่างตรงไปตรงมาว่า “ไร้จิตสำนึก” ทั้งในระดับตัวบุคคลและพรรคการเมือง โดยเฉพาะเมื่อการย้ายพรรคเป็นเพียงการ “เติมคะแนนเสียงให้พรรคอื่นเพื่อแลกอำนาจต่อรองทางการเมือง” ไม่ว่าจะเพื่อเก้าอี้รัฐมนตรี หรือผลประโยชน์ใด ๆ ก็ตาม
“ประชาชนเลือกคุณเพราะชื่อพรรค แต่คุณกลับย้ายพรรคกลางทาง แล้วแบบนี้เสียงของประชาชนอยู่ตรงไหน?”
⸻
กฎหมายเปิดช่อง – คนไร้สำนึก
อาจารย์เจษฎ์ อธิบายว่า ปรากฏการณ์ย้ายพรรคไม่ใช่เรื่องใหม่ และกฎหมายไทยก็เปิดช่องทางไว้ชัดเจน
ไม่ว่าจะเป็นการ “ให้พรรคขับออก” ด้วยเสียงสามในสี่ เพื่อเปิดทางให้ย้ายพรรคใหม่แบบไม่เสียสถานะ ส.ส.
เหมือนที่กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส เคยทำไว้ถึงสองครั้ง
หรือจะตีรวนในพรรค – โหวตสวน จนอยู่ร่วมกันไม่ได้
และอีกทางที่ง่ายที่สุดคือ “ยุบพรรค” เหมือนที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน เคยยุบพรรคตัวเองไปรวมกับพลังประชารัฐ
เขาชวนคิดต่อว่า ระบบที่บังคับให้สส.ต้องสังกัดพรรคใช่คำตอบที่ถูกต้องจริงหรือไม่ เพราะอ้างว่าเป็นการสกัดสส.ขายตัว ไร้อุดมการณ์ แต่สิ่งที่เราเห็นจากการบังคับสังกัดพรรคการเมืองปัญหาเหล่านี้ก็ไม่ได้ลดลง หากฐานคิดอยู่ที่ต้องการให้สส.มีอิสระ ทำไมไม่ให้กำหนดว่า สส.ไม่ต้องสังกัดพรรคการเมือง เพราะสุดท้ายผู้กำหนดทิศทางคือประชาชน แต่ก็มีปัญหาอีกว่าประชาชนของเราเข้มแข็งแค่ไหน?
⸻
ประชาชนต้องสำนึกด้วย
“เราว่าระบบต้องดีหรือคนต้องดี? สุดท้าย ‘คน’ สำคัญที่สุด เพราะคือผู้ขับเคลื่อนทุกอย่าง”
เจษฎ์เล่าว่า มีนักธุรกิจที่ทำทัวร์ต่างประเทศ มาบ่นกับเขาว่า ทำไมเลือกตั้งท้องถิ่นยังได้แต่คนมีคดี คนเคยทำร้ายคนอื่น เคยโกง ยังได้กลับมาอีก
“เราอย่าไปโทษนักการเมืองอย่างเดียว ประชาชนต้องสำนึกด้วยว่าเลือกใครเข้าไป คนไม่ดีอย่าไปสวัสดี อย่าไปทักทาย ต้องประณาม อย่าให้มีที่ยืนในสังคม ถ้าเป็นญี่ปุ่น นักการเมืองเลวเดินบนถนนไม่ได้”
เขาถึงขั้นเปรียบว่า ถ้าสังคมยังยอมรับคนเลวโดยไม่ต่อต้าน
“อย่าโทษสภาเลย สังคมนี่แหละที่ยอมให้พวกนั้นมีที่ยืน”
อาจารย์เจษฎ์ ยังสวนนายกเบี้ยว “กฤษฎา หลีนวรัตน์” ที่ระบุว่าทีมของเขาชนะเลือกตั้งทั้งนายกฯและสมาชิกสภาเทศบาล ธัญบุรี เพราะชาวธัญบุรีกินหญ้าหวานว่า ไม่เพียงเป็นการดูถูกประชาชน แต่เป็นการเหยียดหยามประชาชนด้วย ถ้าคนถูกเหยียดหยามยังเฉยหรือเลือกคนพวกนี้กลับเข้ามาอีก ก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงแล้ว
⸻
ประชาธิปไตยไทย: คำตอบที่หาไม่เจอ
“ถ้าประชาธิปไตยชั่ว ก็ไม่ต้องมี”
อาจารย์เจษฎ์โยนโจทย์แรงกลางรายการ
“แต่ถ้าเราเชื่อว่าประชาธิปไตยดี ก็ต้องกล้ากำจัดสิ่งชั่วร้ายในระบบ อย่าตะแบงว่าสิ่งนี้คือของวิเศษ ทำให้ประชาชนมีส่วนร่วม ทั้งที่เห็นชัด ๆ ว่าผลลัพธ์มันไม่จริง”
เขาอธิบายว่า จุดวิกฤตในตอนนี้ ไม่ใช่แค่ฝ่ายบริหารที่ไร้วิสัยทัศน์ แต่ยังมีสภานิติบัญญัติที่ออกกฎหมายเอื้อตัวเอง และแม้แต่ฝ่ายตุลาการ ซึ่งแม้จะพอเป็นที่หวังได้ แต่ก็ยังไม่แสดงพลังเด็ดขาดให้เป็นรูปธรรม
“เราเหมือนปีนเขา แต่ถอยหลังสองก้าวทุกครั้ง บางทีปลายทางอาจไม่ใช่ยอดเขา…แต่คือเชิงเขา และจะมีดินถล่มจากข้างบนกลบหน้าเราลงมาในที่สุด”
⸻
เมื่อรัฐกำลังล้มเหลว…อย่ารอทหาร
อาจารย์เจษฎ์ฟันธงว่า
“ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ภาวะรัฐล้มเหลว (failed state)”
เพราะผู้มีอำนาจไม่เป็นตัวของตัวเอง
ไม่คิดหาทางพัฒนาประเทศ ไม่พัฒนาระบบราชการ ไม่พัฒนาศักยภาพทางเศรษฐกิจ
“จะหวังให้ทหารมายึดอำนาจอีกหรือ? ทุกครั้งที่รัฐประหารก็แค่สงบชั่วคราว แล้วปัญหาใหม่ก็ตามมา”
เขาย้ำว่า
“หน้าที่ของทหารคือดูแลความสงบ อย่าไปทำหน้าที่ของประชาชนแทน”
และประชาชนเอง…ต้องเป็นผู้เปลี่ยนแปลงด้วยมือของตัวเอง
⸻
ถ้าตอนนี้เรากำลังอยู่ในรัฐสีเทาเข้ม
เจษฎ์ โทณะวณิก อยากให้เราถามตัวเองว่า—
เราจะอยู่เฉย…หรือจะกล้าเปลี่ยนมันให้จางลงทีละนิด ในภาวะที่มองหาสีขาวในสภาฯ ไม่เจอ