“อย่ามองว่าเป็นเวทีพิสูจน์ แพทองธาร เพราะเธอไม่มีอะไรให้พิสูจน์” เป็นคำพูดเข้ม ๆ ของ รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก นักวิชาการด้านกฎหมาย ที่กล่าวไว้ในรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ของ The Publisher ดำเนินรายการโดย สมจิตต์ นวเครือสุนทร เขาไม่เพียงมาวิเคราะห์ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 24 มีนาคมนี้ แต่ยังชำแหละทุกมิติของเกมการเมืองที่เกิดขึ้น พร้อมตั้งคำถามที่ฝ่ายค้านต้องตอบให้ได้
“อย่ามองว่าเป็นเวทีพิสูจน์แพทองธาร เพราะเธอไม่มีอะไรให้พิสูจน์!”
ประโยคนี้ถูกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนที่เขาจะขยายความว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ไม่มีอะไรให้ตรวจสอบ เพราะตราบใดที่ยังอยู่ภายใต้เงาของพ่อ ก็ไม่มีอะไรที่เธอจะพิสูจน์ตัวเองได้จริง
“ไม่มีใครเห็นเลยว่าแพทองธารมีกระดูกสันหลังและมันสมองอยู่ที่ไหน เธอไม่เคยแสดงความเป็นผู้นำให้เห็นสักครั้ง อย่าหาว่าปรามาสหรือดูถูก แต่แพทองธารไม่มีอะไรต้องพิสูจน์จริง ๆ และคนในสังคมก็เชื่อว่าแพทองธารไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้“ รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าว พร้อมแนะให้จับตาบทบาท ลูกน้อง ลิ่วล้อ หรืออาจเป็นถึงขั้นขี้ข้าของคนที่ภักดีต่อทักษิณ ชินวัตร ว่าจะทำหน้าที่กันขนาดไหนในสภาฯ
ปชน.ต้องเปลี่ยนเกม หยุดเสียเวลากับการพุ่งเป้าที่ ”ทักษิณ“
เขาอธิบายต่อว่า ในแง่ของเกมการเมือง พรรคประชาชนทำพลาดตั้งแต่ต้นที่ใส่ชื่อทักษิณในญัตติ เพราะมันเปิดช่องให้เพื่อไทยและประธานสภาฯ ใช้เป็นข้ออ้างในการเบรกการอภิปราย ทั้งให้แก้ไขเนื้อหาญัตติ ทั้ง ๆ ที่ตามรัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามการเอ่ยถึงบุคคลภายนอก หากฝ่ายค้านอ่านเกมขาดจริง พวกเขาควรเลี่ยงการกล่าวถึงทักษิณโดยตรง แล้วหันไปใช้ข้อกฎหมายเป็นอาวุธแทน
“คุณไม่ต้องพูดถึงทักษิณเลย แต่ให้ถามว่าแพทองธารถูกครอบงำหรือไม่? ครอบงำอย่างไร? ผิดกฎหมายข้อไหน? ทำชาติเสียหายอย่างไร? ” เขาเสนอแนวทางให้ฝ่ายค้านเดินเกมอย่างเฉียบขาด ด้วยการอ้างรัฐธรรมนูญมาตรา 45 ที่กำหนดให้พรรคการเมืองต้องเป็นอิสระ และพ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 28 และ 29 ที่ระบุว่า พรรคการเมืองจะให้บุคคลภายนอกครอบงำไม่ได้
“เมื่อทุกอย่างถูกอ้างอิงบนข้อกฎหมาย คนประท้วงก็ประท้วงไม่ได้ ประธานสภาฯ ก็สกัดไม่ได้ เพราะทุกคำพูดคือข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ เกมนี้ไม่ใช่แค่ศึกซักฟอกแพทองธาร แต่มันคือเวทีพิสูจน์พรรคประชาชน ว่าจะเป็นทางเลือกของประชาชนได้จริงหรือไม่?”
ฝ่ายค้านต้องตีให้แตกว่าเพื่อไทยบริหารประเทศแบบ ‘ถูกครอบงำ’
รศ.ดร.เจษฎ์ อธิบายว่าหากอภิปรายให้ถูกจุด จะทำให้เพื่อไทยปฏิเสธไม่ได้ ชี้ให้ชัดว่า แพทองธารขาดอิสระทางตรง เพราะเธอไม่เคยคิดอะไรเองได้เลย ส่วน พรรคเพื่อไทยขาดอิสระทางอ้อม เพราะต้องเดินตามคนนอกที่ชี้นำ ทุกอย่างนำไปสู่การบริหารประเทศที่ล้มเหลว
“พรรคประชาชนยังต้องทำมากกว่านั้น ต้องตีให้ชัดว่าเพื่อไทยต่างหากที่เป็นภัยต่อสถาบันฯ” รศ.ดร.เจษฎ์ ชี้ว่านี่คือจุดที่ฝ่ายค้านต้องเล่นให้ขาด เพราะประชาชนจำนวนไม่น้อยยังเคลือบแคลงสงสัยพรรคประชาชนในเรื่องจุดยืนต่อสถาบันฯ และหากพรรคประชาชนสามารถแสดงให้เห็นได้ว่า “การบริหารประเทศของเพื่อไทยต่างหากที่ทำให้สถาบันฯ ถูกสั่นคลอน” ก็จะสามารถลดข้อครหาจากฝ่ายตรงข้าม และดึงมวลชนที่ยังลังเลให้หันมาสนับสนุนได้
ในขณะเดียวกัน พรรคร่วมรัฐบาลต้องคิดให้ดี ว่าต้องการอยู่ข้างประชาชน หรืออยู่ข้างรัฐบาลที่กำลังพาบ้านเมืองลงเหว? หากพรรคร่วมฯ ยังเล่นบทพิทักษ์แพทองธาร ประชาชนจะมองออกว่าพวกเขาไม่ได้ยืนอยู่เคียงข้างประชาชนอย่างแท้จริง
หยุดรัฐบาลล้มเหลวก่อนเป็นรัฐล้มเหลว!
เมื่อถูกถามถึงแนวทางการอภิปรายของฝ่ายค้าน รศ.ดร.เจษฎ์ ให้คำแนะนำชัดเจนว่า “ฝ่ายค้านไม่ควรเสียเวลากับการเรียกร้องเวลามากเกินไป” เขามองว่า “เวลาไม่ใช่คำตอบ แต่เนื้อหาต่างหากที่เป็นคำตอบ อาจใช้เวลา 1 หรือ 2 วัน พุ่งเป้าไปแบบปิดประตูตายให้แพทองธารต้องตอบคำถามเอง สกัดทุกจุดอ่อนที่จะทำให้ถูกประท้วง และทำให้ประธานรัฐสภาต้องทำหน้าที่อยู่ในร่องในรอย ถ้าใครยังทำตัวเป็นลูกน้อง ลิ่วล้อ หรือแม้กระทั่งเป็นขี้ข้า คนเหล่านั้นก็จะยิ่งดูไม่ดีในสายตาประชาชน”
เขาตบท้ายว่า ศึกอภิปรายครั้งนี้ “ไม่ใช่แค่พิสูจน์แพทองธาร แต่มันคือบทพิสูจน์ฝ่ายค้าน ว่าจะทำให้ประชาชนเห็นว่า ไม่ใช่แค่ตีรัฐบาล แต่มีทางออกให้ประเทศจริงหรือไม่? ฝ่ายค้านต้องแสดงให้เห็นว่า ถ้าพรรคประชาชนเป็นรัฐบาล พวกเขาจะทำให้ดีกว่านี้ได้อย่างไร” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนจะทิ้งท้ายให้ฝ่ายค้านได้ฉุกคิดว่า “อภิปรายให้ตรงเป้า อย่าหว่าน อย่าเสียเวลา – ประชาชนจับตาดูอยู่!”
ที่สำคัญคือสถานการณ์การเมืองในขณะนี้อยู่ในจุดที่รัฐบาลล้มเหลว กำลังเข้าสู่รัฐสภาล้มเหลวและถ้ายังไม่หยุดเรากำลังไปสู่ ”รัฐล้มเหลว“ ถ้าจึงจุดนั้น เศรษฐกิจพัง ความมั่นคงเสื่อมถอย ประเทศจะถูกบีบจากมหาอำนาจจนเราไม่มีคำตอบอะไรให้กับโลกนี้ เมื่อถึงจุดนั้นอาจมีคนออกมาเรียกร้องการปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งเราก็ทำไม่ได้ เพราะบ้านเมืองจะตกลงไปอีก เมื่อสถานการณ์ยังไม่ถึงจุดนั้น พรรคร่วมรัฐบาลต้องทบทวนอย่าปล่อยให้พรรคเพื่อไทยพาลงเหวหรือพาไปตาย
”เวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเวทีที่ดีในการทบทวนตัวเองของพรรคร่วมรัฐบาล แต่ก็ต้องถามว่าตอนนี้รู้ตัวหรือไม่ว่าไม่ได้ดูแลชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่างที่ควรจะทำเลย เป็นเรื่องใหญ่มาก อย่าลืมว่า อนาคตพวกคุณจะถูกเลือกน้อยลง มีความสำคัญทางการเมืองน้อยลง ถ้าอยากเป็นทางเลือกที่สามให้ประชาชนเห็นว่าพาบ้านเมืองไปสู่จุดที่ดีกว่าได้ ต้องแสดงให้ประชาชนเห็นและโอกาสที่ดีที่สุดคือการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้“ รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าว แต่เขาก็ไม่เชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะทบทวนบทบาทตัวเอง เพราะสุดท้ายผลลัพธ์ของการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็คงถูลูถูกังกันไปไม่ว่าเนื้อหาสาระการอภิปรายจะดีแค่ไหนก็ตาม