ในการประชุมวุฒิสภาวันนี้ สว. อังคณา นีละไพจิตร จะเสนญัตติอภิปรายด่วนเกี่ยวกับประเด็นการป่วยทิพย์ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ รวมทั้งประเด็นสิทธิในการรักษาของผู้ต้องขัง โดยมองว่าผู้ต้องขังควรได้รับการรักษาอย่างเท่าเทียมกัน
ก่อนการเสนญัตติดังกล่าว ที่ประชุมได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญได้พิจารณาเสร็จสิ้นตามระเบียบวาระที่กำหนด
ในระหว่างการประชุม สว. อังคณา ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ตัดสินใจถอนญัตติดังกล่าวออกจากการพิจารณาในวันนี้ เนื่องจากข้อมูลยังไม่เพียงพอ จึงต้องการเวลาในการรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม ขณะเดียวกัน ประเด็นนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงต้องดูข้อกฎหมายที่อาจมีผลต่ออำนาจในการอภิปรายของวุฒิสภา แต่ยืนยันว่าไม่กลัวการฟ้องร้อง เพราะทำงานด้านสิทธิมนุษยชนมาโดยตลอด และการแสดงความคิดเห็นในครั้งนี้เป็นทางวิชาการ ไม่ได้โจมตีบุคคล
นอกจากนี้ สว. อังคณา ยังกล่าวถึงจุดยืนในประเด็นนี้ว่า ตนเห็นตรงกับรายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่ระบุว่า การที่นายทักษิณพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ 181 วัน โดยไม่ย้ายไปที่อื่น แสดงให้เห็นถึงความสงสัยในอาการป่วยที่ไม่ได้ดีขึ้น และมองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน แม้ว่าจะพยายามขอข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่กลับได้รับคำตอบว่าเป็นข้อมูลส่วนตัวของผู้ป่วยที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ อย่างไรก็ตาม สว. อังคณามองว่า ผู้ที่ถูกตั้งข้อสงสัยควรสละสิทธิ์ในส่วนนี้ เพื่อเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ
สำหรับจุดยืนในการเสนญัตติ สว. อังคณายืนยันว่า ผู้ป่วยทุกคนควรได้รับสิทธิในการรักษาอย่างเท่าเทียมกัน และเสนอให้มีการดูแลรักษาผู้ป่วยที่ไม่สามารถรักษาในเรือนจำได้ในสถานที่ที่เหมาะสม เช่น กรณีของบุ้ง เนติพร ที่ควรได้รับการรักษาอย่างใกล้ชิดจากแพทย์เฉพาะทาง
ทั้งนี้ สว. อังคณา ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า อาจจะกลับมายื่นญัตติดังกล่าวอีกครั้งในสมัยประชุมหน้า และคาดหวังให้ ป.ป.ช. ดำเนินการเคลียร์ข้อสงสัยในประเด็นนี้อย่างตรงไปตรงมา พร้อมทั้งต้องดูว่า ป.ป.ช. จะสามารถเข้าถึงข้อมูลทางการแพทย์ที่เป็นข้อมูลส่วนตัวได้มากน้อยแค่ไหน และมีอำนาจในการเรียกข้อมูลได้หรือไม่