วันนี้ (20 ก.พ.68) นายสยาม หัตถสงเคราะห์ สส. หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทยในฐานะ ประธานคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยก่อนการประชุมว่าหลังจากที่รัฐบาลมีการปราบปรามกระบวนการคอลเซ็นเตอร์อย่างเข้มข้นเข้ม
ทำให้ผู้เสียหายกล้าที่จะร้องเรียนต่อ กรรมาธิการจึงได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศอท. และ AOC และผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์
ส่วนการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบหลังจากที่เกิดความเสียหายแล้วและมีการแจ้งความแล้ว จะต้องมีการเร่งรัดให้มีความคืบหน้าในคดีโดยร่วมมือกับทุก ซึ่งผู้ที่เสียหายในวันนี้ถูกหลอกจากการใช้บริการ Tiktok และ Facebook
โดยย้ำถึงการให้ความรู้แก่ประชาชนถึงภัยจากออนไลน์ ให้เกิดการตระหนักรู้เรื่องวิธีการหลอกลวงทำให้หลงเชื่อ เช่นวันนี้ได้รับข้อมูลข่าวสารว่ามีประชาชนได้รับผลกระทบ ในกลุ่มนักเรียนนักศึกษาที่ต้องไปขอเงินผู้ปกครองเพิ่มเติมเนื่องจากถูกขบวนการคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง
สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายจากการเฉลี่ยทรัพย์ที่ได้มีการยึดทรัพย์จากบัญชีม้ามานั้น นายสยามกล่าวยอมรับว่ากฎหมายยังไม่เสร็จสิ้น ก่อนหน้านี้มีพระราชกำหนดไซเบอร์ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทยเตรียมร่างพระราชบัญญัติแล้วอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ยืนยันว่าหากกฎหมายฉบับนี้แล้วเสร็จมั่นใจว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชนแน่นอน
ส่วนความคืบหน้าในการตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตบริเวณชายแดนไทย -เมียนมาร์ตามอำนาจหน้าที่ กสทช.นั้น กรรมาธิการจะลงพื้นที่ไปตรวจสอบในสัปดาห์หน้า เพราะว่าการตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตส่งผลต่อประชาชนด้วย ขอแสดงความมั่นใจว่าภายในสิ้นเดือนนี้สามารถตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตได้เสร็จสิ้นตามแผน
“จะเชิญสาธารณูปโภคพื้นฐาน NT และโอเปอร์เรเตอร์ และ กทสช. ตรวจสอบสัญญาณทั้งบริเวณชายแดนทั้งหมด และแจ้งเป็นตัวเลขรายงานถึงผลกระทบและแนวทางแก้ไข โดยเฉพาะเกิดในกลุ่มประชาชนคนไทยจะแก้ไขอย่างไรได้บ้าง” นายสยามกล่าว
นายสยามกล่าวต่อว่า วันนี้ผู้ที่ได้รับความเสียหายแจ้งต่อกรรมาธิการกว่า 150 คนมูลค่าความเสียหายประมาณ 76 ล้านบาท