การตรวจสอบปมชั้น 14 คุกทิพย์ งวดเข้ามาทุกขณะ หลัง ป.ป.ช.มีมติตั้งกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่เป็นองค์คณะไต่สวนข้อเท็จจริง 12 เจ้าหน้าที่รัฐ จากกรมราชทัณฑ์ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และโรงพยาบาลตำรวจ มีชื่อเสียงเรียงนามชัด ไล่ตั้งแต่รับตัวเข้าเรือนจำไปจนถึงส่งตัวไปโรงพยาบาลตำรวจและอยู่ยาวถึง 181 วันว่ามีใครเข้าด้วยช่วยเหลือ เอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องนอนคุกแม้แต่วันเดียวหรือไม่
ไม่เพียงแค่นั้นแพทยสภาก็เดินเครื่องเต็มสูบ ตั้งอนุกรรมการฯ สอบคำร้องเรื่องจริยธรรมแพทย์-พยาบาลที่เกี่ยวข้อง ซุ่มตรวจสอบข้อมูลกันนานกว่า 6 เดือนจนได้ข้อสรุป “มีมูล” นำไปสู่การส่งหนังสือถึงโรงพยาบาลตำรวจให้ต้องแจงข้อมูลแบบละเอียดยิบ ไม่พลาดแม้แต่ขั้นตอนเดียว ใครทำอะไรไว้อย่างไรกำลังจะถูกขุดออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะ
The Publisher ได้รับข้อมูลว่า เมื่อเรื่องจวนตัวก็มีคนออกอาการ และมีคนบางกลุ่มคิดหาทางหนีทีไล่ ต้องการโยนบาปไปให้กับแพทย์ที่ไม่ได้เป็นผู้วินิจฉัยว่า นายทักษิณอยู่ในอาการวิกฤตสลับปกติ จำเป็นต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ มิเช่นนั้นอาจมีอันตรายถึงชีวิต โดยนายแพทย์คนดังกล่าวถูกเรียกตัวมาผ่าหัวไหล่ 4 รู ให้นายทักษิณ จนเกิดเป็นภาพตอนที่เข็นตัวทักษิณเข้าผ่าตัดออร์โธปิดิกส์ เมื่อวันที่ 23 ตุลาคมปีที่แล้ว
สำหรับการผ่าตัดออร์โธปิดิกส์ มีการเปิดเผยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ว่า…
โรคนี้อาจเกิดจากบาดแผลออกกำลังกายรุนแรง เครียด หรือหกล้ม
การแก้ไขได้ 3 แบบ คือ 1) กินยารักษาตามอาการ 2) กายภาพบำบัดหรือฝังเข็มตามแพทย์แผนจีน 3) ผ่าตัด เจาะ 4 รู ส่องกล้องทางหัวไหล่ เพื่อแก้ไขอาการ ไม่ใช่โรคร้ายแรงอันตรายถึงแก่ชีวิต เป็นโรคปกติ ของนักกีฬาหรือผู้สูงอายุ ซึ่งคนไข้ต้องมีอาการสมบูรณ์พอควรไม่มีโรคแทรกซ้อนหรือภาวะเสี่ยงจึงผ่าตัดได้ หลังผ่าตัดจะใช้เวลาพักฟื้นไม่กี่วันโดยใส่ผ้าคล้องแขนไว้ สามารถรักษาตัวที่รพ.ราชทัณฑ์ได้ ไม่จำเป็นต้องพักรักษาตัวในรพ.ตำรวจนานถึง 181 วัน
ซึ่งหากเราย้อนไปดูคำชี้แจงของกรมราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ระบุ อาการเจ็บป่วยของ “ทักษิณ” ไว้ว่ามีโรคประจำตัว 4 โรค ประกอบด้วยโรคกล้ามเนื้อขาดเลือด ซึ่งต้องรับประทานยาอยู่ตลอดเวลา ปอดอักเสบ เนื่องมาจากติดเชื้อโควิด-19 จึงทำให้เกิดพังผืดในปอด มีความผิดปกติของออกซิเจน ความดันโลหิตสูง ซึ่งมีความดันผิดปกติ ต้องรับประทานยาตลอดเวลา และกระดูกสันหลังเสื่อม เกิดจากภาวะเสื่อมตามอายุ
เมื่อไปเช็กประวัติ พ.ต.อ. ชนะ จงโชคดี นายแพทย์ (สบ 5) รพ.ตำรวจ แพทย์เจ้าของไข้ และผู้ออกใบความเห็นแพทย์ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 12 คนที่อยู่ระหว่างการไต่สวนของ ป.ป.ช. พบว่า เป็นนายแพทย์เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรม และมีความชื่นชอบพระเครื่อง ถึงขั้นเคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับงานอดิเรกสะสมพระเครื่องเอาไว้ด้วย โดยมีความรู้ลึกถึงขั้นถูกเรียกว่าเป็น “หมอเซียนพระ”
ส่วน พล.ต.ต. สามารถ ม่วงศิริ แพทย์ รพ.ตำรวจ ซึ่งเป็นผู้ออกใบความเห็นแพทย์ และเป็นอีกหนึ่งคนในกลุ่ม 12 คนที่ป.ป.ช.อยู่ระหว่างไต่สวนนั้น เป็นคนในตระกูลการเมืองดังย่านฝั่งธน ซึ่งปัจจุบันคนการเมืองตระกูลนี้ร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ โดยในส่วนของ พล.ต.ต. สามารถ ก็เคยเล่นการเมือง เป็น สส. กทม. สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ระหว่างวันที่ 3 กรกฎาคม 2554-9 ธันวาคม 2556