เป็นกรณีต่อเนื่องหลังจากที่ The Publisher นำเสนอกลุ่ม สว.เพื่อประชาชนบุก กกต.จี้ให้เร่งดำเนินการสอบสวนสืบสวนสอบสวนคดีการบล็อกโหวตในการเลือก สว.67 ที่ผ่านมา เพราะกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ทำหนังสือถึง กกต.ในเรื่องนี้แล้ว ล่าสุดมีที่เรียกว่า “เอกสารลับ” จาก DSI แจ้งความคืบหน้าผลการสอบสวน และขอความเห็นการดำเนินคดี
เป็นหนังสือ ตีตรา “ลับ” และ ด่วนที่สุด ที่ ยธ. ๐๘๒๔/๐๐๕๐ ลงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 เรื่อง แจ้งความคืบหน้าผลการสืบสวน และขอความเห็นการดำเนินคดี ถึง ประธาน กกต.อ้างถึงกรณี กกต. ขอทราบรายละเอียด และความคืบหน้าเกี่ยวกับคำร้องแต่ละคำร้องที่ DSI รับไว้ดำเนินการ 3 คำร้อง
ในหนังสือระบุระหว่างการสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐานพบข้อเท็จจริง เชื่อได้ว่า มีขบวนการในรูปแบบคณะบุคคล จัดตั้งเครือข่ายขบวนการวางแผนสลับซับซ้อน จัดการให้มีผู้สมัครสมาชิก สว.ระดับอำเภอ 928 อำเภอ มีค่าตอบแทนระดับอำเภอ 5 พันบาท ระดับจังหวัด 1 หมื่นบาท และระดับประเทศ 4 หมื่น-1 แสนบาท และถ้าได้ สว.มากกว่า 120 คน จะได้เพิ่ม 1 แสนบาท โดยหลังคัดเลือกระดับจังหวัด ได้นัดหมายจัดทำโพยขั้วสมาชิก ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนครนายก และจ่ายเงินมัดจำ 2 หมื่นบาท ส่วนที่เหลือได้รับภายหลังจาก กกต.รับรองผลเลือก
ในหนังสือระบุว่า โพยฮั้ว สว.มีหมายเลข 2 ชุด กลุ่มละ 7 คน รวม 140 คน และในการเลือก สว.ระดับประเทศ พบมีจำนวนผู้สมัครอยู่ในขบวนการ 1,200 คน จากนั้นวันเลือก สว.ระดับประเทศ 26 มิถุนายน 2567 ได้แจกเสื้อสีเหลืองให้กับผู้สมัคร และจัดหารถส่งผู้สมัครไปเมืองทองธานี เพื่อเลือก สว.ระดับประเทศ และผลการเลือกเป็นไปตามโพยขั้วทุกประการ ได้รับเลือกมีถึง 138 คน สำรอง 2 คน
การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายการกระทำผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ความผิกฎหมายอาญา ฐานอั้งยี่ และความผิดฐานฟอกเงิน เนื่องจากมุ่งหวังเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจนิติบัญญัติ กระทำผิดต่างกรรมต่างวาระ ผิดต่อกฎหมายหลายฉบับ มีการวางแผนเป็นขั้นตอน มีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรม แบ่งแยกหน้าที่ มีฝ่ายไอทีเตรียมโปรแกรมคำนวณคะแนน ออกเป็นโพยฮั้วเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
ดังนั้น DSI ประสงค์รับดำเนินการสอบสวนในส่วนกระทำผิดทางอาญา เนื่องจากมีการวางแผนที่สลับซับซ้อน กระทำการอุกอาจมิได้เกรงกลัวต่อกฎหมาย มีบุคคลที่เกี่ยวข้องยังไม่พิสูจน์ทราบจำนวนมาก จำเป็นต้องใช้วิธีการรวบรวม หลักฐานเป็นพิเศษ ซึ่ง DSI มีความพร้อมด้านบุคลากร และเครื่องมือทางด้าน เทคโนโลยีที่จะใช้ในการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ทราบเครือข่าย และองคาพยพของขบวนการทั้งหมด รวมถึงการคุ้มครองพยาน จึงควรให้ DSI รับผิดชอบสอบสวนคดีอาญาด้วย
ในท้ายหนังสือยังระบุว่า หาก กกต มีความเห็นประการใด ขอให้แจ้งยืนยันมายัง DSI ภายในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 ว่ามีความผิดทา’อาญาใดที่ กกต. ประสงค์จะรับไว้ดำเนินการสอบสวนเอง หรือให้ DSI ดำเนินการส่วนใด หรือจะรับดำเนินการเองทั้งหมด เพื่อดำเนินการต่อไป ลงชื่อรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทน อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ