สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ยังคงอยู่ในระดับค่าฝุ่นเกินค่ามาตรฐาน และไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้นเพิ่มจากระดับสีส้มสู่ระดับสีแดง ในหลายพื้นที่ของกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพ และจะเป็นอย่างนี้จนถึงวันที่ 26 มกราคม นี้ จน กทม.ต้องประกาศขอความร่วมมือให้ WFH ตลอดสัปดาห์นี้ และขอให้งดกิจกรรมกลางแจ้งโดยไม่จำเป็น เพื่อป้องกันตนเอง
แต่ยังมีคนจำนวนมากที่ต้องใช้ชีวิตท่ามกลางฝุ่นพิษ ตาม The Publisher ไปค้นหา 3 อาชีพทำงานท่ามกลางมลพิษ ได้แก่ พ่อค้าสามล้อขายน้ำ ไรเดอร์รับจ้างส่งอาหาร และมอเตอร์ไซค์รับจ้าง
ทั้ง 3 อาชีพให้ข้อมูลกับ The Publisher ว่า พวกเขาทราบดีว่าฝุ่นมลพิษ PM 2.5 นั้น มีความอันตรายแค่ไหน เพราะพวกเขาก็เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เช่น
อาการระคายเคืองตา ไอ เจ็บคอ แสบจมูก แต่ก็ไม่สามารถที่จะหยุดงานเพื่อป้องกันตนเองจากฝุ่นได้ ทำได้เพียงสวมใส่หน้ากากอนามัยและทำงานต่อเท่านั้น
เหตุผลที่ไม่สามารถหยุดงานได้นั้น หลักๆ คือ เรื่องของรายได้ เนื่องจากอาชีพที่พวกเขาทำอยู่นั้นไม่ได้ค่าตอบแทนเป็นเงินเดือน เป็นเพียงแค่รายได้รายวันเท่านั้น หากหยุดงานจะขาดรายได้ไป ซึ่งแต่ละคนก็มีภาระ และครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบทั้งนั้น แค่รายได้ต่อวันก็แทบจะไม่เพียงพอ หรือเหลือเก็บแล้ว ต่อให้จะต้องทำงานท่ามกลางฝุ่นพิษ ก็ต้องยอมทน อดทนเพื่อนำรายได้มาจุนเจือครอบครัว
นอกจากนี้ The Publisher ยังได้สอบถามต่อว่า หากต้องเลือกระหว่าง ทำงานที่ต่างจังหวัดแต่คุณภาพดี กับ ทำงานในเมืองหลวงฯ แต่คุณภาพอากาศย่ำแย่ จะเลือกอะไร?
คำตอบที่ได้คือ ทำงานในเมืองหลวงฯ แต่คุณภาพอากาศย่ำแย่ ดีกว่า เนื่องจากเหตุผลทางด้านรายได้ที่มากกว่า แม้จะต้องทนอยู่ในท่ามกลางฝุ่นพิษก็ยอม เพื่อปากท้องของคนในครอบครัว