30 มีนาคม 2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาคดีที่ พล.ต.ท.ธีรยุทธ กิติวัฒน์ ผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับพวกรวม 9 คน ตามคำร้องของป.ป.ช.กรณีทุจริตโครงการก่อสร้างอาคารที่พักข้าราชการตำรวจ ด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-bidding จำนวน 163 หลัง วงเงินกว่า 3,709 ล้านบาท ในความผิดข้อหาร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบมีเจตนาแสวงหาผลประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายและเอื้อประโยชน์ แก่บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเมนท์ แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม โดยพบว่าจำเลยทั้ง 9กระทำผิดจริง มีข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1-6 คือ พล.ต.ท.ธีรยุทธ กิติวัฒน์, พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ, พล.ต.ต.สมาน สุดใจ, พ.ต.อ.ปัทเมฆ สุนทรานุยุตกิจ, พ.ต.อ.จิรวุฒิ จันทร์เพ็ญ, พ.ต.ต.สิทธิไพบูลย์ คำนิล เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมาย อาญามาตรา 151, มาตรา 157 และเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม และมีความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ให้จำคุกตลอดชีวิต ปรับคนละ 390,000 บาท
ส่วนจำเลยที่ 7 พ.ต.ท.คมกริบ นุตาลัย จำคุก 5 ปี จำเลยที่ 8 ด.ต.สายัณ อบเชย จำคุก 19 ปีและจำเลยที่ 9 บริษัทพีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอน สตรัคชั่น จำกัด ปรับ 260,000 บาท แต่ให้การเป็นประโยชน์มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสาม คงเหลือลงโทษจำเลยที่ 1-6 จำคุกคนละ 33 ปี 4 เดือน และปรับคนละ 260,000 บาท จำเลยที่ 7 จำคุก 3 ปี 4 เดือน จำเลยที่ 8 คงจำคุก 12 ปี 8 เดือน
นอกจากนี้ ศาลยังสั่งริบทรัพย์สินจำเลยที่ 7 เป็นเงิน 60,000 บาท และริบทรัพย์สินของจำเลยที่ 8 เป็นเงิน 91,618,000 ให้ตกเป็นของแผ่นดิน โดยต้องส่งสิ่งที่ศาลสั่งริบภายใน 1 เดือนนับตั้งแต่วันที่อ่านคำพิพากษา อย่างไรก็ตามจำเลยทั้งหมดยังอยู่ระหว่างสู้คดีในศาลชั้นที่สูงกว่า
นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง “โกงติดคุก” อุทาหรณ์ “อย่าคิดโกง“