การขับเคลื่อนแก้ปัญหาความเดือนร้อนของชาวบ้าน ที่เขาไม่สามารถพึ่งพาหน่วยงานรัฐ หรือความยุติธรรมมาช้าเกินไป ต้องหันหน้าหาคนที่อาสา ทั้งที่เป็นทนาย ทั้งที่เป็นเจ้าของเพจตัวกันให้ควั่ก รับอาสานำเสนอเรื่องราวผ่านสื่อมวลชน และสาธารณชนรับรู้ กลายเป็นแรงกดดันให้หน่วยงานรัฐแอ็กชันเร่งเยียวยาปัญหาของชาวบ้าน
ที่ผ่านมาสังคมมักมองกลุ่มคนนี้ด้วยสายตาที่เป็นมิตร อาสาใช้ความรู้ความสามารถในวิชาชีพ หรือคอนเนกชันช่วยชาวบ้าน ยิ่งสื่อมวลชนกระพือความสำคัญเท่าไหร่ พลังอำนาจของคนกลุ่มนี้ยิ่งมากเท่านั้น กลายเป็นด้านหลักชี้นำกระแสสังคมไปเลยทีเดียว
เมื่อการแอ็กชันผ่านสื่อฯ ที่เป็นเสมือนกระบอกเสียงแต่ละครั้งดังกระหึ่ม การกระทำของพวกเขาได้รับการตอบสนองแทบจะทันที ก็ยิ่งเป็นสิ่งเร้าให้คนที่เข้ามาพึ่ง สัมผัสได้ว่าเสียงของเขาเริ่มมีความหมาย ความหวังได้รับการแก้ไขปัญหาเยียวยาอยู่ใกล้แค่เอื้อม
ด้านหนึ่งต้องยอมรับว่าผู้ที่ต้องการช่วยเหลือชาวบ้านให้ได้รับความยุติธรรมนั้นมีอยู่จริง และก้มหน้าทำหน้าที่มองไปที่เป้าหมาย ให้คำร้องของชาวบ้านหรือเหยื่อสัมฤทธิ์ผล พวกเขายังทำหน้าที่กันอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ไม่เคยร้องขอสิ่งใดจากชาวบ้านหรือเหยื่อที่ก็รู้กันอยู่ว่าเดือดร้อน ไม่เช่นนั้นจะมาลำบากเรียกร้องทำไม
แต่ก็มีจำนวนไม่น้อย ที่ทำให้เราเห็นอีกด้านของกลุ่มคนอาสา ซึ่งมีทั้งวิธีรับเรื่องร้องเรียน นำรายชื่อชาวบ้านไปจี้รีดทรัพย์จากผู้บริหารหน่วยงาน หรือเอกชน เมื่อได้เศษเงินไปแล้วก็ทิ้งเหยื่ออย่างไร้เยื่อใย บางอ้างมีคอนเนกชันหน่วยงานใหญ่สามารถฝากงาน ฝากอนาคตทางการเมืองให้ได้ แต่ต้องจ่ายเบี้ยบ่ายรายทางเป็นหลักแสน หลักล้าน
กรณีดิ ไอคอน ก็เป็นอีกตัวอย่าง เพราะก่อนจะเป็นข่าวโด่งดัง เคยมีนักร้องเรียนคนหนึ่งพาผู้เสียหายเคลียร์ก่อนแล้ว เมื่อสำเร็จก็จะมีค่าประสานงาน ค่าใช้จ่ายสำนักงานและอื่น ๆ และหากตัวเลข 20% เป็นจริงค่าประสานงงานครั้งนี้มีตัวเลข 7 หลักเลยทีเดียว ซ้ำยังได้อีกส่วนจากบอสพอลผู้บริหารหลัก ไม่รู้จะใช้เป็นการรับ 2 ทางหรือไม่ นี่ไม่ใช่แค่ตัวอย่างเดียว
ยังมีกรณีทนายความบอสพอลปูดข่าวอีกว่า ทนายความดัง หนึ่งในชุดดรีมทีมที่พาผู้เสียหายมาร้องเรียน ยังโทรศัพท์หาบอสพอลเรียกเงิน 7 ล้านบาทแลกไม่พาเหยื่อไปแจ้งความอีก นี่มันเป็นแท็กติกเดียวกันหรือเปล่า ที่เอาเหยื่อมาขู่เรียกเงิน หรือแค่ปูดข่าวลือแก้เกี้ยวของบอสพอล ไม่นานคงรู้กัน เพราะเขาว่ามีคลิปเสียงชัดเจน
ล่าสุดทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ก็มีคดีให้ฮือฮาและติดตามกันต่อ เมื่อเขาอาสาช่วยเหลือคดีให้เศรษฐีนีคนไทยในต่างประเทศ แต่ถูกฝ่ายเศรษฐีนีฟ้องฐานหลอกลงทุนแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ 2 ล้านยูโร หรือ 71 ล้านบาท ขณะที่เจ้าตัวอ้างลูกความคนนี้โอนให้ด้วยความเสน่หา แต่กลับถูกสร้างเรื่องโกงเงิน จึงเตรียมแจ้งความกลับ ก่อนสุดท้ายยกเลิกกระทันหันไม่ไปแจ้งความกลับ บอกจะขอเจรจาพูดคุยก่อน ไม่อยากเป็นคดีความกัน
เรื่องนี้เมื่อกลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ที่หลายคนอยากจะมีคนเสน่หาแบบนี้บ้าง
นี่แค่ส่วนหนึ่งที่ The Publisher ได้รวบรวมมาให้เห็น แต่ที่ไม่เห็นหรือเป็นที่รับรู้ยังมีอีกมาก เรียกว่าคนที่เดือดร้อนกลายเป็นเหยื่อซ้ำซาก แล้วอย่างนี้ชาวบ้านจะหันหน้าไปพึ่งใคร “เมื่อหน่วยงานรัฐล่าช้า และคนอาสาเป็นปัญหาเสียเอง”
.
บทความโดย : อนันต์ จารุนันทภาคย์ The Publisher