”
.
กลายเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจจากการโยนหินถามทางผ่านการแสดงวิสัยทัศน์ของนายทักษิณ ชินวัตร เสนอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. (แบงก์ชาติ) ปรับลดเงินนำส่งของสถาบันการเงินสำหรับการใช้หนี้คืนกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาสถาบันการเงิน (FIDF) ที่ปัจจุบันจัดเก็บอยู่ที่ 0.47 % ให้เหลือ 0.23 % และนำส่วนต่างดังกล่าวมาแก้หนี้ ลดหนี้ให้คนไทย
.
เรื่องนี้มีคำตอบจากนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าแบงก์ชาติ แบบระแวดระวังว่า “ยังเร็วเกินไปที่จะให้ความเห็นในเรื่องนี้”
.
แต่มีความเห็นที่น่าสนใจ ตรงไปตรงมา ของนางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธปท. แจกแจงให้เห็นว่า 0.47 % ที่เก็บจากกสถาบันการเงินมา เอาไปทำอะไรบ้าง ก็จะแบ่งเป็น 0.1 % เข้าสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ที่เหลือ 0.46 % ใช้หนี้คืน FIDF ซึ่งจะเป็นเงินประมาณ 7 หมื่นล้านบาทต่อปี ปัจจุบันมีหนี้คงค้างที่ต้องใช้คืนราว 580,000 ล้านบาท เฉพาะดอกเบี้ยต่อปี 16,000 ล้านบาท แต่หลังชำระหนี้เดือนกันยายนนี้ยอดหนี้จะลดลงเหลือ 5.5 แสนล้านบาท
.
คีย์เวิร์ดสำคัญอยู่ตรงที่คุณสุวรรณี กางข้อเสียให้เห็นชัด ๆ ว่าถ้าทำตามวิสัยทัศน์นายทักษิณ ผลกระทบที่ตามมาคืออะไร
.
“เงินนำส่ง 0.46 % ต่อปี ไม่ใช่ ธปท.ไปอมไว้ หรือเก็บไว้แต่อย่างใด แต่เป็นการนำไปชำระหนี้กองทุน FIDF หากให้ลดเงินนำส่งเหลือ 0.23 % ตามข้อเสนอจะทำให้เงินสำหรับนำไปชำระดอกเบี้ยละลง 5 พันล้านบาท และจะเกิดต้นทุน ทำให้เงินต้นลดลงช้าไปอีกครึ่งปี หากให้ลดเงินนำส่งเหลือ 0.23 % เป็นเวลา 1 ปี”
.
จากเหตุผลของทักษิณ และตัวแทนแบงก์ชาติ ใครมีน้ำหนักกว่ากัน ผู้อ่านลองตัดสินกันเอง แต่สิ่งที่อยากให้จับตาต่อจากนี้ไปคือ อาจมีการปรับแก้ พ.ร.บ.หนี้สาธารณะ ที่คำนิยามเพื่อโยกหนี้ FIDF ไปไว้กับแบงก์ชาติ จะช่วยลดหนี้สาธารณะลงได้ 5.15 % เหลือพื้นที่ให้ฝ่ายบริหารกู้เงินลงทุนได้เพิ่มขึ้น หรืออาจจะมีการไปแก้ไข พ.ร.ก.กองทุน FIDF โดยตรงเลย
.
ถ้าทำแบบนี้ก็เรียกว่า “สบายรัฐบาล ลำบากแบงก์ชาติ” และแนวคิดแบบนี้ไม่ได้เพิ่งคิดกันวันนี้ แต่ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็เคยพยายามทำมาก่อน มีข่าวคราวปลดผู้ว่าแบงก์ชาติในขณะนั้นเป็นระยะ ๆ ไม่ต่างจากยุคนายเศรษฐา ที่ถูกมองว่าเป็นไม่เบื่อไม้เมากับ ผู้ว่าแบงก์ชาติคนปัจจุบัน ซึ่งเชื่อได้เลยว่าน่าจะสืบเนื่องมาถึงรัฐบาลลอุ๊งอิ๊งค์ด้วย
.
ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #ค่าต๋งแบงก์ #แบงก์ชาติ #ทักษิณ #หนี้สาธารณะ
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://thepublisherth.com/