วิเคราะห์บทบาท ทักษิณและพรรคเพื่อไทย จากการขึ้นปราศรัยบนเวทีหาเสียงการเลือกตั้งท้องถิ่นว่าจะมีท่าทีชัดเจนขึ้นมากกว่าลูกสาวที่เป็นนายกรัฐบมนตรีหรือไม่ และวิเคราะห์เกี่ยวกับการดำเนินนโยบายของพรรคเพื่อไทย ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทยจะถึงจุดแตกหักหรือไม่ จากการพูดถึงนโยบายกัญชาที่เดิมพรรคภูมิใจไทยเคยเสนอให้เป็นกัญเสรี พูดคุยกับ รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐศาสตร์ นิด้า ในรายการเที่ยงเปรี้ยงปร้าง ดำเนินรายการโดย คุณสมจิตต์ นวเครือสุนทร The Publisher
The Publisher: การปราศรัยของคุณทักษิณจะส่งผลกระทบใดๆ กับพรรคร่วม รบ. หรือไม่?
รศ.ดร.พิชาย: การพูดปราศรัยที่ศรีสะเกษ ที่เป็นพื้นที่ภูมิใจไทยที่ไปยึดคืนได้หลายที่นั่ง และมีสส.ท่านหนึ่งที่เคยอยู่เพื่อไทยมานาน และย้ายไปอยู่กับภูมิใจไทย นำชื่อของทักษิณในทางที่ไม่ดีเท่าไหร่ ทักษิณเองก็คงไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ก็ตั้งใจหาเสียงมากกว่า เพื่อแสดงว่าจะชนะในพื้นที่ในศรีสะเกษให้ได้ เพื่อเป็นการลบรอยแค้นอะไรต่างๆ
The Publisher: การปราศรัยจะส่งผลต่อความสัมพันธ์ของการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลของเพื่อไทยและภูมิใจไทยหรือไม่?
รศ.ดร.พิชาย: คิดว่าเป็นจุดหนึ่งที่เติมเข้าไปในโครงสร้างใหญ่ทั้งหมด สองพรรคนี้ มีความสัมพันธ์เชิงแข่งขันและร่วมมือกัน ต่างฝ่ายต่างแข่งขันและวิพากษ์วิจารณ์ลดคุณค่าอีกฝ่ายเมื่อมีโอกาส พยายามที่จะร่วมมือกัน การร่วมรัฐบาลกันได้ในปัจจุบัน ก็เลี่ยงไม่ได้ ยกเว้นว่าทักษิณจะมีเป้าหมายใหญ่กว่านี้ โดยเฉพาะตอนหลังเขาพูดบ่อยว่าเมื่อปี48 เคยได้ 377 เสียง เมื่อไปพูดเป้าหมายในลักษณะนั้นก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะบอกว่า ตนนั้นได้เป็นเสียงส่วนใหญ่ แต่ก็อาจจะเลี่ยงไม่ได้ที่จะกระทบต่อพรรคภูมิใจไทย เพราะภาคอีสาน พรรคที่เข้ามารุกพื้นที่ขึ้นคือพรรคภูมิใจไทย ปี66 ก็ชิงพื้นที่ของเพื่อไทยได้หลายเขตด้วยกัน ในระหว่างนี้ก็มี
การเลือกตั้ง แม้ว่าจะเป็นท้องถิ่น แล้วมีการวิพากษ์วิจารณ์ ก็เป็นปกติของการเล์อกตั้ง โดยพื้นฐานก็ประครองกันต่อจนหมดวาระ แต่ก็รับประกันไม่ได้หากมีการสะสมความขัดแย้งไปเรื่อยๆ ก็ต้องแข่งขันกันไป
The Publisher: มีโอกาสเป็นไปได้ที่ทักษิณจะเข้าไปจัดการกับนโยบายกัญชาของพรรคภูมิใจไทย?
รศ.ดร.พิชาย: มีความเป็นไปได้อยู่เมหือนกัน ในแง่ของนยบยาเสพติดพูดเกือบทุกเวที และคงคิดว่าเป็นนโยบายที่เป็นที่นิยม เพราะเนื่องจากเมื่อก่อนกัญชาเคยเป็นยาเสพติด หากว่าดึงจากเสรีไปสู่ยาเสพติดได้ก็อาจจะตอบสนองนยบปราบยาเสพติดได้ เพราะก็มีคนรจำนวนหนึ่งที่รับไม่ได้กับนยบกัญชาเสรีและผลของมัน ก็อาจจะมานิยมชมชอบคุณทักษิณก็ได้
The Publisher: จะนำไปสู่การแตกหักของสองพรรคหรือไม่?
รศ.ดร.พิชาย: ผมว่ายัง เพราะอนุทินก็คงไม่อยากออกจากรบ หรือถ้าหากว่าจะแตกหักเรื่องนยบนี้ก็อาจจะประเมินสถานการณ์แล้วแตกหักช่วงท้ายๆของรบนี้ หรือในช่วงที่มีการยุบสภาในปีนี้หรือปีหน้า
ก่อนที่จะมีการยุบสภาเค้าก็ต้องยับยั้งนยบกัญชา หรืออยู่ได้ถึง 70 ใกล้ๆ เลือกตั้ง ก็มีนยบต่างออกมา ถ้าเค้าจะทำ
ก็จะทำช่วงที่จะถึงการใกล้ช่วงเลือกตั้งมากกว่า เพราะจะได้เปรียบ ในการเลือกตั้งครั้งถัดไป จะใช้แบบนี้ในการตอกย้ำนยบปรายาเสพติดของเชาว่ากัญชาแม้ว่าเป็นนยบของพรรคร่วมแต่เพื่อประโยชน์ของปชช. ก็กล้าทำ ก็เป็นเงื่อนไขในการเติมคะแนนิยม
The Publisher: การปราศรัยครั้งนี้ ลดโทนลงมากกว่าครั้งที่ผ่านมา?
รศ.ดร.พิชาย: คิดว่าก่อนหน้านั้นใช้ภาษาที่รุนแรงก้าวร้าว และค่อยข้างใช้คำหยาบเยอะ เมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์ก็ปรับท่าทีในการหาเสียง หันไปพูดถึงผู้สมัครนายกอบจ. มากขึ้น อย่างศรีสะเกษ ภาพค่อนข้างชัดว่าเขาค่อนข้างจะพูดเนื้อหาสาระเกี่ยวกับนายก-อบจ.มากขึ้น ลดโทนในการวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้น ยกเว้นกับภูมิใจไทย ที่จะต้องช่วงชิงกัน แต่คำพูดที่ดูก้าวร้าวก็ดูจะลดลง คงสรุปบทเรียนมาแล้วมุ่งเป้าไปที่ผู้สมัครมากขึ้น
The Publisher: ดูเหมือนว่าตอนนี้ทักษิณจะนำพรรคเพื่อไทยมากกว่าลูกสาวหรือไม่?
รศ.ดร.พิชาย: มันเป็นเช่นนั้นมาโดยตลอด โดยเฉพาะในจังหวะนี้มันพอดีที่มีการเลือกตั้งท้องถิ่น และมีเวทีในการพูด มีการชี้นำนโยบายต่างๆ ที่ผ่านมา ทำให้คนรับรู้ได้ว่านโยบายต่างๆ ที่ผ่านมา มาจากคุณทักษิณเป็นหลัก เรียกได้พว่า มีพื้นที่ข่าวเป็นส่วนใหญ่ของรัฐบาล แสดงให้เห็นว่าอิทธิพลของคุณทักษิณที่มีต่อรัฐบาล ซึ่งมีอยู่แล้ว เดิมอาจจะแฝงๆ ซ่อนเร้นอยู่ แต่ช่วงเดือนที่ผ่านมาก็ปรากฎชัด
The Publisher: สามารถนำเป็นหลักฐานเพิ่มเติม ในคดีเก่าที่ยังค้างอยู่ เกี่ยวกับการครอบงำพรรค ได้หรือไม่?
รศ.ดร.พิชาย: ในการหาเสียง การครอบงำรบ. ผมคิดว่าเขาคงมองว่าเหมือนกับเป็นคนที่เป็นเพียงคนแนะนำ เหมือนที่คุณแพรทองธารพูดว่า ถ้าข้้อเสนอดีก็คงเอามาใช้ เพราะงั้นคิดว่า ก็คงมีข้อเหตุผลอ้างได้ หากถูกสอบคงจะไม่เกิดความกลัว หรือมองว่าคุมสภาพความคิดของกกต. ได้ ก็เลยทำให้ไม่กังวล และมั่นใจว่า ตัวเองก็ดำรงตำแหน่งเป็นกลุ่มคนชนชั้นนำเหนือกลุ่มหรือองค์กรอิสระต่างๆ ได้
The Publisher: สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการทำให้สถานการณ์ทางการเมืองดูอึมครึมขึ้นหรือไม่?
รศ.ดร.พิชาย: แรงต้านจะมีความเข้มข้นขึ้นในกลุ่มคนที่ไม่ชอบคุณทักษิณ แต่ต้องยอมรับอย่างนึงในเรื่องการเมืองว่ากระแสมันไม่ได้เข้มข้นเหมือนในอดีต กลุ่มคนที่เคยต่อต้านคุณทักษิณ กลุ่มต่อต้าน กลุ่มแกนนำพันธมิตร กลุ่มชนชั้นกลาง หรือกลุ่มชนชั้นสูง แนวคิดอนุรักษ์นิยม มีนักวิชาการ NGO เครือข่ายพรรคประชาธิปัตย์ แต่ปัจจุบัน แรงต่อต้านลดลง เพราะมองว่าใช้เป็นแรงต่อต้านกับพรคคประชาชน หรือบางกลุ่มต่อต้านที่มองว่าทักษิณแม้ว่าจะมีคดีทุจริตที่ชัดเจน แต่ไม่ได้มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการ เป็นเพียงตัวแสดงทางการเมืองตัวหนึ่ง กลุ่มชนชั้นกลางก็คิดเสรีนิยมหน่อยก็คิดว่ามีทางเลือก คือมีพรคการเมืองใหม่ๆ เกิดขึ้น เป็นเพียงทางเลือกหนึ่ง หากเปรียบเทียบกับเมื่อก่อนที่มีคนไม่ชอบคุณทักษิณอยู่ 100% ปัจจุบันเหลืออยู่ 25% ส่วนกลุ่มอื่นแม้ว่าไม่ชอบคุทักษิณแต่ไม่มีแรงจูงใจที่จะเสียสละเอาตนเองไปลงถนน เพราะมองว่ามีการเมืองพรรคอื่นมาดำเนินแทน ปัจจุบันเองกระแสก็ไม่เข้มขนพอที่คนจะลงถนนได้