กิตติรัตน์ ณ ระนอง ซึ่งได้รับการเสนอชื่อจากกระทรวงการคลังให้เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ และได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการคัดเลือกให้เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ดังนี้
1 เคยดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย โดยพ้นตำแหน่ง 14 สิงหาคม 2567 คณะกรรมการกฤษฎีกาคณะที่ 1 คณะที่ 2 และ คณะที่ 13 มีมติเสียงข้างมากว่า การดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของนายกฯ ของนายกิตติรัตน์ ถือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เนื่องจากมีส่วนไปเกี่ยวข้องกับการกำหนดนโยบาย ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามของประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย
2 พฤติการณ์ของนายกิตติรัตน์ก่อนได้รับการเสนอชื่อเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ เคยเป็นรองประธานกรรมการในคกก.ด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย และภายหลังลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวเมื่อวันที่ 30 ส.ค.66 ยังคงปฏิบัติภารกิจที่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย โดยการเยี่ยมชมภาคการเกษตรและโคนมในนามพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 1 ก.ย.66
3 การปฏิบัติหน้าที่ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี นาย ก. มิได้มีหน้าที่และอำนาจเฉพาะแต่การให้คำปรึกษาเสนอความเห็น หรือข้อเสนอแนะตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายแต่เพียงอย่างเดียว แต่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการในลักษณะควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปตามนโยบายสำคัญด้วย เช่นการมอบให้ นายกิตติรัตน์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 316/2566 ประกอบด้วยข้าราชการประจำซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องเพื่อนำนโยบายสำคัญเรื่องการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อยไปปฏิบัติให้เกิดผลขึ้นจริง ซึ่งนโยบายการแก้ไขหนี้สินของประชาชนเป็นนโยบายที่พรรคเพื่อไทยใช้ในการหาเสียง ตลอดจนเป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นแถลงต่อรัฐสภาด้วย จึงถือเป็น “ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” เพราะได้รับการแต่งตั้งมาโดยเหตุผลและความสัมพันธ์ทางการเมือง และมีหน้าที่ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปตามนโยบายสำคัญของพรรคการเมืองและของรัฐบาล นายกิตติรัตน์ จึงมีลักษณธต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ