29 มกราคม 2568 งานแถลงข่าวล่า 50,000 รายชื่อ ทำประชามติ ไม่เอากาสิโน ณ โรงแรม มิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น โดยมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน มีผู้เข้าร่วม ได้แก่ ภาคประชาชน เยาวชนระดับอุดมศึกษา ทั้งออนไซต์ และออนไลน์ อันมีเป้าหมายสำคัญเพื่อรวบรวมรายชื่อให้ครบ 50,000 ราย เสนอต่อกกต. เพื่อให้ประชาชนได้ทำประชามติในเรื่องกาสิโนถูกกฎหมาย
รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล ชี้แจงให้เห็นเหตุผลของการทำประชามตินั้น เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำเนื่องจากเป็นส่งผลต่อภาพรวมของประเทศชาติ ไม่เพียงแต่ด้านเศรษฐกิจ แต่ยังรวมถึงสังคมอีกด้วย นอกจากนี้ทุกพรรคการเมืองไม่ได้มีการชูนโบายด้านกาสิโน ตามระเบียบกฎการเลือกตั้งของกกต. มาตรา 57 ต้องระบุนโยบายที่ต้องใช้งบประมาณ หากไม่ระบุถือว่าฝ่าฝืนจะต้องมีบทลงโทษ ซึ่ง 1 ใน 70 นโยบายของรัฐบาลนั้นระบุเพียงแค่การทำแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นกาสิโน ไม่ถูกทั้งหลักนิติรัฐ หลักนิติธรรมตั้งแต่ต้น
ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางด้าน คุณจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.กระทรวงการคลังได้ออกมาชี้แจงถึงกาสิโนถูกกฎหมายว่า ได้มีการทำประชาพิจารณ์แล้ว ประชาชนเห็นด้วยกว่า 80% นั้น ในมุมมองของ รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล ก็ได้ชี้แจงต่อว่า การทำ “ประชาพิจารณ์” ไม่เท่ากับ การทำ “ประชามติ” เนื่องจากการเข้าถึงและรับรู้ข้อมูลของประชาชนไม่เท่ากัน การทำประชามตินั้น รัฐบาลจะต้องชี้แจงข้อมูลโดยละเอียดถึงข้อดีข้อเสีย ผลกระทบของกาสิโนอย่างชัดเจน กลุ่มรายได้น้อยได้ผลประโยชน์อะไรบ้าง หรือเรียกได้ว่า ผู้ที่ไม่มีความรู้มากอ่านแล้วจะต้องเข้าใจ แต่สำหรับการทำประชาพิจารณ์ที่ผ่านมานั้นทำเพียงแค่ออนไลน์ ไม่มีการประชาสัมพันธ์ และไม่มีการชี้แจงข้อมูลโดยละเอียด ชี้แจงเพียงด้านดีเพียงด้านเดียว ไม่มีผลเสีย ทั้งนี้อาจารย์ยังได้ยกตัวอย่างกาสิโนถูกฎหมายของเมืองประชาธิปไตยอย่าง Atlantic City ที่มีการทำประชามติถึง 2 ครั้ง ผ่านในครั้งที่สอง เนื่องจากรัฐบาลมีการจำกัดพื้นที่ทำกาสิโนอย่างชัดเจน พร้อมกล่าวต่อว่าการทำประชามตินั้นไม่จำเป็นต้องทำทุกนโยบายที่ทำ แต่สำหรับนโยบายสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับอบายมุขนั้นเหมือนเป็นการเปลี่ยนแปลง DNA ของประเทศเพราะเป็นการส่งผลกระทบในทุกมิติ
อ.ชิดตะวัน ได้กล่าวถึงมุมมองของประเทศที่ไม่เห็นด้วยกับกาสิโน/การพนัน
สาธารณรัฐประชาชนจีน นำโดย ประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ที่มีการปราบการพนันอย่างจริงจัง และไม่มีความคิดจะทำกาสิโนให้ถูกกฎหมาย หรือนำการพนันเข้ามาในประเทศ โดยให้เหตุผลว่าแม้ว่าการพนันจะสามารถสร้างรายได้อภิมหาศาลเป็นสิ่งที่ทำลายทรัพยากรมนุษย์ชาวจีน แต่ยังมีชาวจีนจำนวนไม่น้อยที่เข้าไปเล่นการพนัน/กาสิโนที่ต่างประเทศ อย่าง POKO ในประเทศฟิลิปปินส์ แม้ว่าแหล่งพนันจะถูกกฎหมายในประเทศนี้ แต่ไม่ได้เปิดให้คนในประเทศเล่น แต่ดึงดูดทั้งนักลงทุนและนักท่องเที่ยวชาวจีนไม่น้อยที่เข้ามาเล่นในพื้นที่นี้ และดำเนินกิจการผิดกม. หลายอย่าง จน ปธน. สี จิ้น ผิง จึงได้มีการเจรจาในการปราบปราม และต่อต้านการเล่นพนัน การกระทำผิดกม.ต่างๆ ของคนจีน จนสุดท้าย ผู้นำ มากอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ ได้ประกาศยกเลิกแหล่ง POKO เพื่อป้องกันการกระทำผิดทางกม. / แหล่งอาชญกรรมที่จะขึ้นตามมาในอนาคต
ต้นแบบ Hawaii ที่ไม่ยอมให้การพนันทุกชนิดถูกกม.แม้กระทั่งล็อตเตอรี่ เพราะเชื่อว่าจะนำมาซึ่งนักท่องเที่ยวที่ไม่มีคุณภาพ หากเปรียบเทียบกับประเทศไทยที่จะมีแหล่งสถานบันเทิงครบวงจน กาสิโนถูกกม. ภาพรวมของประเทศจะเป็นอย่างไร?
มิติเศรษฐกิจ – กาสิโนแม้ว่าจะนำรายได้เข้าสู่ประเทศอย่างมหาศาลนั้น แต่ส่งผลให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้น การมีแหล่งการค้าขนาดใหญ่เป็นแม่เหล็กที่มีพลังดึงดูดสูง SMEs ได้รับผลกระทบ ไม่มีกำลังมากพอจะไปแข่งขันกับธุรกิจขนาดใหญ่ ทางเลือกงานของคนรุ่นใหม่ตีบแคบลง เปรียบเทียบกับอุตสาหกรรมที่เข้าไปทำในชุมชน กลุ่มนักเรียนเบนเข็มการศึกษา เส้นทางอาชีพเข้าทำงานเป็นแรงงานรับจ้าง ไม่ศึกษาต่อ ทั้งที่มีศักยภาพ
มิติสังคม – สังคมไร้ระเบียบ เมาเกลื่อนเมือง จากแหล่งกินดื่ม การเกิดอาชญากรรม ยกตัวอย่างในประเทศการพนันถูกกม. ที่มีการก่ออาชญากรรมค่อนข้างต่ำ ปรากฎว่ามีสาเหตุมาจากการเล่นการพนัน ผู้คนติดพนันมากขึ้น ตามข้อมูลของ FBI สหรัฐอเมริกา ชี้ชัดว่า ในช่วง 3-4 ปี หลังจากทำกาสิโนถูกกม. ปรากฎว่า อาชญากรรมในแต่ละพื้นที่เพิ่มขึ้น 8 – 10% ไม่นับรวมปัญหาภายในครอบครัว
หากมองลึกไปในรายละเอียด ยังมีช่องว่างที่ปรากฎให้เห็นอยู่มาก เช่น
- ความไม่ชัดเจนของผู้ได้รับผลประโยชน์ ไม่ระบุการจัดเก็บภาษี มูลค่ารายได้ที่เข้าประเทศ ไม่ระบุการส่งเสริมอาชีพสร้างรายได้ที่ระบุว่าต้องเป็นคนไทยเท่านั้น
- การให้อำนาจกับคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงเป็นเด็ดขาด โดยไม่ระบุว่า สถานบันเทิงจะมีกี่แห่ง ตั้งที่ใด มีสัดส่วนกาสิโนเท่าใดของพื้นที่ เอกชนรายใดจะเป็นผู้ประกอบกิจการ เก็บค่าธรรมเนียมคนไทยเท่าใด ระบุเพียงแค่ ครั้งละไม่เกิน 5,000 บาท แต่ไม่ระบุขั้นต่ำ และจะยกเลิกหรือแก้กฎหมายเมื่อใดก็ได้หากไม่เอื้อต่อการทำงานของคกก.
- โมเดลกาสิโนถูกกม.ตามรอยสิงคโปร์ ที่มี กลไกการป้องกันและฟื้นฟูผลกระทบทางสังคมจากการมีกาสิโน แต่ไม่ปรากฎในร่างกม.เกี่ยวกับกองทุนลดผลกระทบทางสังคมในภายหลัง
- มีการลดสเปค อย่างน้อย 4 กิจการ กิจการประกอบด้วยห้างสรรพสินค้า(คำว่า “ครบวงจร” หายไป) โรงแรม (“ระดับ 5 ดาว” หายไป) ศูนย์การประชุม/สถานที่จัดนิทรรศการขนาดใหญ่และศูนย์สุขภาพครบวงจร(หายไป) แตกต่างจากร่างเดิมที่เสนอโดยกมธ.การศึกษาฯ ชุดล่าสุด
ส่วนการจะทำประชามติได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับ 1. รัฐมนตรีเห็นว่าสมควร 2. ออกเสียงตามที่กม.กำหนดไว้ 3. รัฐสภาเห็นว่าสมควรออกเสียงประชามติ 4. ผู้มีสิทธิ์เข้าชื่อ ไม่น้อยกว่า 50,000 คน สามารถเสนอชื่อเพื่อขอให้ทำประชามติได้ ซึ่งก็คือการดำเนินการ ณ ตอนนี้ มี 5 ขั้นตอน
การดำเนินการต่อจากนี้ คุณธนากร คมกฤส เลขธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ได้กล่าวว่า หลังจากรวบรายชื่อได้ครบตามจำนวน 50,000 รายชื่อแล้วนั้น ขั้นตอนต่อไปคือการส่งต่อให้กกต. ตรวจสอบรายชื่อใช้เวลาไม่เกิน 30 วัน หากตรงตามเงื่อนไข และคุณสมบัติ จะส่งต่อให้เลขาครม. ดำเนินการต่อไป สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ระยะเวลาดำเนินการจะขึ้นอยู่กับเลขานายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ได้มีกรอบระยะเวลาระบุไว้ชัดเจน เกรงว่าจะไปติดอยู่ที่ขั้นตอนสุดท้าย