ในขณะที่การเลือกตั้งท้องถิ่นกำลังเป็นประเด็นร้อน คำร้องของ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นักตรวจสอบ ที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติผู้ช่วยหาเสียงที่ไม่มีสิทธิเลือตั้งในท้องถิ่นนั้น ขัดกับกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องของ กกต.หรือไม่ กำลังกลายเป็นจุดสนใจ เพราะมีผู้ช่วยหาเสียงเบอร์ใหญ่จากทั้งแดงและส้ม ยกขบวนไปขึ้นเวทีปราศรัยแบบออนทัวร์ ไม่ว่าจะเป็น ทักษิณ ชินวัตร ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หรือ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งล้วนไม่มีสิทธิเลือกตั้งในท้องถิ่นที่ตัวเองไปช่วยหาเสียงทั้งสิ้น ประเด็นนี้จะส่งผลลบต่อผู้สมัครอย่างไร
พูดคุยกับ สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกกต. ในรายการเที่ยงเปรี้ยงปร้าง ดำเนินรายการโดย สมจิตต์ นวเครือสุนทร The Publisher
The Publisher : มองมุมกม. ประเด็นคำร้องคุณเรืองไกรเกี่ยวกับผู้ช่วยหาเสียงส่งผลต่อผู้สมัคร แดง-ส้ม อย่างไร?
สมชัย: เวลาล่วงเลยมาพอสมควร แล้วกกต.ไม่มีท่าทีชัดเจนในเรื่องพวกนี้ ปล่อยเลยตามเลยไหม เหมือนรอให้เลือกตั้งจบไป แล้วถ้ามีคำร้องค่อยกันอีกที ประเด็นอยู่ที่การตีความผู้ช่วยหาเสียงนั้น ต้องเป็นคนที่มีสิทธิเลือกตั้ง จะตีความแบบกว้างหรือแคบ หากตีความแบบกว้าง ก็คือผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั่วประเทศที่ใดก็ได้ หากเป็นแบบแคบ ก็ต้องเป็นของที่ใครที่มัน เพราะเจตนาของผู้ช่วยหาเสียงคือต้องการคนมาช่วยในการเดินหาเสียง แจกใบปลิว ติดป้าย เข้าเส้นทางต่าง ๆ ก็รู้ดีในพื้นที่ เป็นผู้ช่วยหาเสียงจึงกำหนด เป็นค่าตอบแทนที่ไม่มากนัก เท่ากับค่าจ้างแรงขั้นต่ำในจังหวัดนั้น ๆ คือ 300 กว่าบาท แต่ตอนนี้เราได้ผู้ช่วยหาเสียงประเภทรับน้อยแต่เล่นใหญ่ รับ 400 กว่าแต่เล่นสามแสน เลยกลายเป็นว่าจะผิดกับเจตนารมณ์หรือไม่ และทำให้เกิดการเลี่ยงกัน ทุกคนก็ประกาศตนเป็นผู้ช่วยหาเสียง รับเงินผู้สูงอายุ 800 บาท และรับค่าช่วยหาเสียง 300 ก็ไม่รู้จะมีคนเชื่อหรือเปล่านะ ก็ต้องดูว่า กกต.จะมีท่าทีอย่างไรกับเรื่องนี้
The Publisher : หาก อ.ยังเป็นกกต. อยู่จะชี้อย่างไร?
สมชัย: ก็คงต้องเตือนครับ อันนี้มันเป็นเรื่องของการผิดระเบียบ ไม่ถึงระดับกม.ไม่ใช่ พ.ร.บ. หากผิดก็ต้องเตือนให้แก้ไขไป อย่างเช่น เรื่องติดป้ายเกินขนาด ก็เตือนให้เอาลงก็จบ เรื่องของการผิดระเบียบไม่ได้เป็นเรื่องร้ายแรง เมื่อรู้ก็ระงับการกระทำ ยกเว้นว่าแจ้งแล้วเตือนแล้วแต่ฝืนทำอีก ก็ถือว่าไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง เอาเรื่องถึงใบแดงได้
The Publisher : กรณีนี้เสี่ยงถึงใบเหลือง ใบแดงหรือไม่?
สมชัย: ต้องดูว่าผิดระเบียบจริงหรือไม่ แล้วผลที่เกิดขึ้นรุนแรงถึงขั้นทำให้การเลือกตั้งนั้นดำเนินไปด้วยความไม่สุจริตหรือไม่ ถ้าเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ไม่มีปัญหาถึงขั้นใบเหลืองใบแดง แต่หากว่าผู้ช่วยหาเสียงทรงอิทธิพลมาก ไปพูดไปทำอะไรก็แล้วแต่ เพื่อทำให้เกิดการโน้มน้าวจูงใจแล้วพลิกโฉมจากแพ้เป็นชนะ คนซึ่งได้รับผลกระทบเขาก็ร้องได้ว่า อีกฝ่ายหาเสียงไม่สุจริต ไม่เคารพกติกา
The Publisher : เท่ากับว่าจากผิดระเบียบจะกลายเป็นผิดกม.หากก่อให้เกิดการเลือกตั้งไม่สุจริตจากการนำผู้ช่วยหาเสียงที่ไม่มีคุณสมบัติเข้าไป?
สมชัย: ใช่ครับ มันจะต้องตีความเป็นสองรอบก่อน รอบที่หนึ่งคือการมีผู้ช่วยหาเสียงแบบนี้ผิดหรือไม่ ถ้าผิดส่งผลกระทบอย่างไรต่อการเลือกตั้ง รุนแรงมากน้อยแค่ไหน ตอนนี้เรียกว่าการเลือกตั้งนายกอบจ.เที่ยวนี้ “เละตุ้มเป๊ะ”อภิสิทธิ์ก็ลงไปพัทลุงแล้ว ธรรมนัส ชาดา ก็ลงไปสตูล แล้วก็ไม่ได้หาเสียงให้กับผู้สมัครของพรรคตนเองด้วยซ้ำ คือถ้าคุณชาดาลงไป แล้วไปหาเสียงให้แก่ผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทยแบบนี้ไม่ผิด เพราะว่าพรรคส่งและเป็นแกนนำพรรค เป็นสมาชิกพรรค ไปช่วยสนับสนุนได้ แต่อย่างอภิสิทธิ์ไม่ได้เป็นอะไรเลยกับประชาธิปัตย์ แต่ไปหาเสียงให้กับคนที่รู้จักกัน เคารพกัน ช่วยเหลือกันมา มันก็ประหลาด ๆ อยู่ตอนนี้
The Publisher : การเอานโยบายระดับชาติเข้ามาเกี่ยวด้วย มีอะไรที่ต้องเรียนรู้จากควรต้องเรียนรู้จากการเลือกตั้งครั้งนี้บ้างหรือไม่?
สมชัย: เยอะแยะเลย ตั้งแต่การลาออกก่อนครบวาระ เพราะการลาออกก่อนครบวาระ ทำให้ต้องมีค่าใช้จ่าย ทำให้จังหวัดต้องจัดการเลือกตั้ง 2 รอบ จากเดิมเสียค่าใช้จ่าย 50 ล้าน ก็ต้องเสียถึง 100 ล้าน เพียงแค่ตอบสนองหนทางของผู้สมัครคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้บริหารเก่า ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบ 180 วันก่อนการเลือกตั้ง ก็ใช้วิธีลาออกก่อน เจ๊า ๆ กันไป กติกานี้ไม่ต้องบังคับกับเขา เป็นเรื่องที่กกต.ต้องคิดว่า กฎหมายที่เขียนแบบนี้เป็นผลดีหรือเป็นผลเสีย ฝ่ายการเมืองหาทางเลี่ยงอย่างไร อันนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องของผู้ช่วยหาเสียงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เจตนาต้องการคนมาช่วยแจกในปลิว คนถือป้าย เข้าชุมชน แต่นี่เป็นตัวหลักเลยในการปราศรัย เรียกว่า มาพูดหน้าด้าน ๆ ฉันได้ 300 นะ ต่อจากนี้ เดี๋ยวเอาดารา เอานักร้อง เอาลิซ่า ไปปรากฏตัว แล้วลิซ่าบอกได้ 350 บาท มาขึ้นเวที ได้ไหมครับ? แบบนี้กกต.ต้องคิดนะครับ เพราะถ้าเป็นแบบนี้ลิซ่าขึ้นได้ทุกเวที ทุกจังหวัดเลย
The Publisher : ตอนนี้มีคลิปปรากฏเรื่องทุจริตเลือกตั้งในบางพื้นที่ด้วย แต่กกต.ไม่ได้มีท่าทีจะขยับอะไร?
สมชัย: ใช่ครับ การเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ สู้กันหนักทีเดียว มีการใช้เงินมากมาย ทั้งที่เมื่อก่อนผมพูดตลอดว่า การเลือกนายกอบจ.ไม่มีใช้เงินซื้อเสียงหรอก เพราะพื้นที่กว้างทั้งจังหวัดใครจะมีปัญญาใช้เงินซื้อ แต่ตอนนี้คงต้องกลับคำพูดแล้ว เพราะมีการใช้จ่ายเงินทั้งจังหวัดเกิดขึ้นแล้ว
The Publisher : แบบนี้คิดว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 1 ก.พ. ที่จะถึงนี้ จะกล้าพูดได้มั้ยว่านี่คือการเลือกตั้งที่สุจริต?
สมชัย: กกต.จะบอกว่าทุกอย่างเป็นไปโดยเรียบร้อย แล้วก็ประกาศชื่อ ไม่ได้การประกาศมีใบเหลืองใบแดง ใบส้มใด ๆ ทั้งสิ้น คาดว่าจะเป็นแบบนี้ไว้ก่อน เพราะ กกต.เองก็ทำงานแบบราชการ ก็คือทำให้เสร็จ ๆ ไป เลิก ๆ กันไป อีก 4ปี ก็มาเลือกใหม่ แต่จริง ๆ กกต. ต้องสรุปบทเรียน ก็เหมือนเลือกตั้ง สว. ครับ เลืือกเสร็จแล้วได้หน้าตาแบบนี้ สุดท้ายกกต. ก็ไม่ได้สรุปว่า กติกาที่วางไว้มันเข้าท่าหรือไม่ มันป้องกันการฮั้วได้จริงหรือเปล่า ป้องกันกลุ่มการเมืองที่จะเข้ามา ทำให้ปลอดจากการเมืองได้จริงหรือเปล่า แล้วก็เสนอแก้ไขกม. เพราะกกต.เป็นผู้บังคับใช้กม. ก็ต้องดูว่ากม. มันมีจุดอ่อน มีข้อบกพร่องอย่างไร แต่ยังไม่เห็นการขยับของกกต.ใด ๆ น่าเสียดายว่ากกต.ทำงานแบบเชิงรับเกินไป
The Publisher : อาจารย์ช่วยนิยามการเลือกตั้งครั้งนี้จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจะนิยามว่าอย่างไร?
สมชัย: ถือว่าเป็นการเลือกตั้งที่พิสูจน์ความแข็งแกร่งของพรรคการเมือง กลุ่มการเมือง บ้านใหญ่ กลุ่มผู้มีอิทธิพล กับการตัดสินใจของประชาชนที่จะเลือกคนที่จะทำงานท้องถิ่นอย่างแท้จริงว่า อะไรจะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ ก็ต้องดูกัน ไม่รู้ว่าจะเป็นการให้บทเรียนกับคนที่ทำผิดกติกาได้หรือไม่ ถ้าให้บทเรียนได้ก็ถือว่าเป็นข่าวดี แต่หากฝ่ายที่กระทำผิดกติกาต่าง ๆ ใช้อิทธิพล ใช้กำลัง ใช้อำนาจ ใช้เงิน ให้ได้รับชัยชนะ ก็อาจเป็นการถอยหลังทางการเมืองอีกครั้งหนึ่งของประเทศไทย