ประเด็นการตัดไฟชายแดนที่อาจส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ การพิจารณา การดำเนินการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในสถานการณ์ที่มีความซับซ้อนและต้องอาศัยการประสานงานจากหลายฝ่ายในการตัดสินใจที่สำคัญ พร้อมทั้งยังเตรียมปรับสัญญาตรวจพื้นที่ก่อนจ่ายไฟ พูดคุยกับ รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก นักวิชาการด้านกม.-บอร์ดกฟภ. ในรายการ เที่ยงเปรี้ยงปร้าง ดำเนินรายการโดย สมจิตต์ นวเครือสุนทร The Publisher
The Publisher: กฟภ. จัดการกับปัญหาที่มันเกิดขึ้นอย่างไร?
รศ.ดร.เจษฎ์: ต้องเรียนอย่างนี้ครับว่าที่สังคมไทยรับรู้ก็คือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคก่อนที่จะดำเนินการใช้ไฟไปต่างประเทศได้ มีการขอไปที่คณะรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีที่เคยมีมติเมื่อปี 2539 โดยที่บอกว่าให้ กฟภ. ไปดำเนินการโดยมีกรอบและเกณฑ์ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง ส่วนหนึ่งของการดำเนินการนั้นก็คือ ต้องไปคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีหน่วยงานความมั่นคงอยู่ในส่วนเหล่านั้นด้วย ไม่ได้มีเพียงแค่หน่วยงานความมั่นคง อย่างที่ใครหลายๆ คนตั้งคำถามว่าหน่วยงานความมั่นคงแปลว่าอะไร? ทหารอย่างเดียวหรือ? ผมว่าทางมหาดไทยก็คงไม่ได้ปฏิเสธหรอกว่าตัวเองก็เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงานความมั่นคง ตำรวจ ทหารอะไรต่างๆ ก็มี แต่ถ้ากระทรวงการต่างประเทศก็มีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับความมั่นคง ทั้งภายในประเทศและชายแดน มันเป็นเรื่องทั้งระหว่างประเทศและภายในประเทศด้วย พอคุยแล้วทาง กฟภ.เห็นว่ามันสรุปมาได้ว่า เราไม่มีอะไรที่กระทบต่อความมั่นคง เราไม่มีอะไรที่เป็นปัญหาต่อบ้านเมือง รวมถึงกำลังไฟที่เราจะดูแลพี่น้องของเรา ที่ทาง กฟภ. ดูแล้วว่าเขาจะจ่ายไฟไป พอจะตัดไฟก็คือเลิกจ่ายไฟไป มันไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ คนใดคนนึงพูด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นคนที่ไม่ได้อยู่ในสายการบังคับบัญชาที่สามารถพูดแล้วมันต้องดำเนินการตาม ถ้าไปทำมันก็เท่ากับกระบวนการตอนจ่ายศูนย์สิ้นไปเลย กระบวนการตอนจะงดจ่ายหรือตัดไฟมันก็ต้องทำเช่นเดียวกัน มันก็ต้องคุย ต้องถาม ต้องหาข้อมูล ต้องมีข้อสรุป อันที่จริงก็มีอยู่สองเรื่อง ถ้ามีตามสัญญาที่ได้กำหนดไว้
1. ถ้าไม่จ่ายไฟก็คงไม่ต้องไปถามใครหรอก ทางฝั่งนู้นไม่จ่ายไฟก็ตัด
2. เรื่องความมั่นคง
อย่างที่คุณอนุทินได้ให้สัมภาษณ์เป็นตัวอย่างการกำกับดูแลภาครัฐวิสาหกิจที่ดีมาก เพราะรัฐต้องทำงานทำหน้าที่ ต้องมีพรบ. พรก.ที่ทำให้เขาต้องทำงานได้ รมว. ในฐานะที่กำกับก็จริง แต่หากรมว.บอกว่าทำแบบนั้นสิ ทำแบบนี้สิก็เหมือนเป็นการก้าวล่วง การที่คุณอนุทินบอกว่า ในฐานะ รมว.กระทรวงมหาดไทยจะไม่เป็นคนสั่งการหรือกำหนดให้ทำนู่นทำนี่ก็ต้องส่งให้ กฟภ.จัดการ จะให้ผู้ว่าการ จะให้คณะกรรมการพูดคุยกัน ผมถือว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทำได้ ในฐานะที่กระทรวงมหาดไทยดูแล แต่ว่าสิ่งที่คุณอนุทิน ชาญวีรกูล แสดงให้เห็นคือ กฟภ. เขาสามารถทำของเขาได้ ในฐานะที่เป็นรมต.กำกับ แน่นอนต้องประสานงาน ต้องอะไร แต่ต้องไม่ใช่เป็นคนสั่ง ในที่สุดก็คือว่าคนที่จะเป็นคนสั่ง ถ้าจะบอกว่าจะเป็นคุณภูมิธรรม เวชยชัย คุณทักษิณ ชินวัตร ท่านเหล่านี้จะไปสั่งได้ยังไง ท่านอาจจะให้ความเห็นได้ไม่ว่าอะไร ใช่ไม่ใช่ก็แล้วแต่ คนก็ไปพิจารณากัน แต่หากว่าเป็นการสั่งจากนายกฯ ในฐานะนายกฯ เป็นผู้กำกับของการบริหารราชการแผ่นดินโดยรวม แน่นอนรัฐวิสาหกิจทั้ง 52 แห่ง ไม่ใช่เพียง กฟภ. ถ้านายกฯ สั่งการใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันสามารถดำเนินการได้โดยกม. นายกฯ ก็คงไม่สั่งโดยที่ไม่ดูกม. ว่ากม.ให้ทำอะไรได้บ้าง หรือมีข้อมูลข้อเท็จจริงที่ควรทำในลักษณะไหน ถ้าได้พิจารณาโดยรอบแบบนั้นแล้ว นายกฯ สั่งมา มันก็ดำเนินการตามนั้น หรือหน่วยงานความมั่นคง เช่น ถ้าเกิดคุณภูมิธรรมพิจารณาในลักษณะของการเป็นรมว.กระทรวงกลาโหม จากหน่วยต่างๆ ที่เป็นหน่วยของกองทัพ เห็นว่ามีสิ่งที่มีผลกระทบต่อบ้านเมืองเรา อันนี้ถ้าเกิดบอกมา ผมว่า กฟภ. ก็คงพร้อมพิจารณา หรือถ้ามีกฎหมายกำหนดเอาไว้ว่าเขาต้องทำ เขาก็ไม่ล่วงละเมิดตัวกฎหมายหรอก ท้ายที่สุดคือข้อสัญญา ก็อย่างที่บอกว่าเขาไม่ได้นิ่งนอนใจ อันนี้คือกรอบแรก
กรอบสอง กฟภ. กำลังพิจารณาโดยการไปดูสัญญาที่เราสามารถที่จะเพิ่มเติมได้ หรือเขียนเพิ่มไป เช่น ขอต่อไฟ ขอใช้ไฟต่อไป ก่อนจะจ่ายไฟก็อาจจะขอสิทธิ์ไปตรวจสอบในพื้นที่ว่าเป็นอะไรยังไงแบบไหน คำนึงถึงความปลอดภัยของคนทำงาน สอง ถ้ามีข้อมูลที่เชื่อได้ว่าการจ่ายไฟที่ส่งผลให้เกิดความมั่นคงก็ขออนุญาตตรวจสอบ สาม ในแต่ละช่วงเวลาที่จำเป็นต้องดูแลกัน อาจต้องขอสิทธิ์เข้าไปสำรวจว่ามีอะไรที่ต้องแก้ไขปรับปรุง อันนี้เขาไม่ได้นิ่งนอนใจ เขาก็ทำอยู่ กฟภ. ก็ส่งคนเข้าไปดูพื้นที่ มันก็ไม่ได้ข้ามไปในเมียนมาได้ แต่ก็อยู่ชายแดนไทย เข้าไปในแต่ละจุด สามารถที่จะเห็นอะไรได้ว่าอะไรเกิดขึ้นในแต่ละจุด กฟภ. ก็ทำได้แค่เข้าไปดูในส่วนพื้นที่จ่ายไฟของเขาเท่านั้น ต้มยำว่ากฟภ. ก็ทำได้แค่ไปดูในส่วนที่เป็นพื้นที่จ่ายไฟของเขา เขาคงไม่สามารถไปสำรวจตรวจสอบทุกทิศทุกทางหมดได้ และที่สำคัญคือเขาคงไม่สามารถไป รื้อ ไปค้นเข้าไปในพื้นที่ เพื่อไปดูว่า มีคอลเซ็นเตอร์ คุณมีใครอ่ะ คุณมีทำบ่อนอะไรหรือไม่ ซึ่งอันนี้แม้กระทั่งทางการของรัฐบาลเมียนมาร์เองเขาก็ไม่ได้ทำแบบนี้ทุกพื้นที่ ทางการจีนก็ไม่ได้ทำแบบนี้ เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจด้วยว่าแม้ทาง กฟภ. เองก็ทำไม่ได้หมดแบบนั้น ทางหน่วยงานความมั่นคงไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารไทยตำรวจไทยก็ไม่ได้ทำแบบนั้นได้แล้วถ้าอยู่ดีดีจะไปทำก็อาจจะเป็นอันตรายด้วย ถูกไหมครับ เพราะงั้นในภาพรวมเหล่านี้มันก็จะเห็นครับว่าทั้งหมดไม่ได้มีใครนิ่งนอนใจ
The Publisher: บทสรุปของเรื่องนี้ควรจะเป็นอย่างไร ?
รศ.ดร.เจษฎ์: ผมคิดว่า ณ ขณะนี้อย่างที่บอก ดำเนินการเข้าไปแล้วสุดท้ายมีคนให้ข้อมูลมาว่ามันมีเรื่องที่มันจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคง คอลเซ็นเตอร์ เอย ขายยา อะไรก็ว่าไป ทาง กฟภ. เขาก็คงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาคุยเหมือนกับที่ผมบอกว่า หรือว่าทาง กฟภ. เขาจ่ายไฟไปเขาทำยังไง พอเขาทำอย่างนั้นเชิญทุกฝ่ายมาคุยมาหารือได้ข้อสรุปว่าเอาละคุณไม่ได้มีคำตอบที่มันชัดเจน ท้ายที่สุดทาง กฟภ. ก็จะต้องเอาข้อมูลที่ทาง กฟภ. มีประกอบกับสิ่งที่ยังไม่ได้อะไรจากใครแล้วก็หารือในคณะกรรมการ แล้วก็มีข้อสรุปมาว่าจะทำอย่างไร แต่ถ้าได้ข้อมูลเพิ่มแล้วมันเป็นข้อมูลที่ชี้ชัดเลยว่าจ่ายไฟต่อไปไม่ได้ ผมว่าทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค คงตัดไฟ
The Publisher: ข้อมูลที่ชี้ชัดเลยว่าจ่ายไฟต่อไม่ได้ควรจะมาจากไหน?
รศ.ดร.เจษฎ์: คืออันนี้ถ้ามันมีคนที่ได้มีโอกาสเข้าไปในพื้นที่แล้วชี้ได้ แม้กระทั่งถ้าเกิดเป็นจีน ถ้าจีนให้ข้อมูลมาแล้วจีนบอกเลยว่า ณ จุดนี้ที่สายไฟของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาควิ่งไปแล้วมีการใช้ไฟจากสายไฟนั้นเป็นคอลเซ็นเตอร์ จีนยืนยันเลย ผมว่าแบบนั้นก็ใช้ได้ เพราะว่าในฐานะที่แต่ละประเทศก็มีผลประโยชน์อยู่ในสภาพเรียนมา และอาจจะมีผลประโยชน์มากพอที่จะถือได้ว่าจำเป็นที่จะต้องมีการดำเนินการใด ๆ ถ้าหากว่าทางจีนเขาก็ทำส่วนของเขา ทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมีส่วนกฎหมายที่เขาจะทำ เช่น ตัดไฟเขาก็คงทำ แต่ว่าอันนี้ต้องยืนยันมาจากทางการจีน ถ้าไม่ยืนยันมาก็อาจจะต้องอาศัยหน่วยใดหน่วยหนึ่งของทางการไทยนี่แหละ ถึงจะยืนยันแบบนั้นได้ อย่างที่บอกไปว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคไม่ได้เข้าไปได้ทุกพื้นที่หมด
The Publisher: คิดเห็นอย่างไรตัวแทนรัฐบาลจีนที่เข้ามาช่วยรัฐมนตรีความมั่นคงก็ขอสี่เรื่องหนึ่งในนั้นก็คือเรื่องการตัดไฟฟ้ารวมอยู่ด้วย?
รศ.ดร.เจษฎ์: คือผมถึงได้เรียนไงครับว่ารัฐมนตรีช่วยจีนนั้นหรือทางการจีนจะบอกมาชัด ๆ เลยไม่ได้บอกมาแค่ขอให้ตัดไฟนะ จบแล้ว ผมคิดว่าทางการจีนเขาก็คงมีมุมมองที่ลึกไปกว่านั้น ไม่น่าจะตื้นเพียงแค่ว่าตัดไฟแล้วจบ ผมว่าเขาคงรู้ว่าตัดไฟก็อาจจะไม่ได้จบนะ ถามว่าถ้าเกิดตัดไฟที่มันไปจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค คนที่ไปขายยาคนที่ไปทำคอลเซ็นเตอร์บ่อน เขาใช้เครื่องปั่นไฟเองไม่ได้หรอก แล้วเครื่องปั่นไฟใช้น้ำมัน ถามว่าน้ำมันซื้อจากใคร ซื้อจากฝั่งไหน แล้วใครเป็นคนขายไป ทางการจีนเขาจะไม่สำรวจตรวจดูเลยหรอ? แล้วถ้าทำคอลเซ็นเตอร์มันทำได้ด้วยไฟฟ้าอย่างเดียวหรือครับ? สัญญาณนำมาจากไหน? สัญญาณจากสาย? สัญญาณจากดาวเทียม? เอามาจากไหน? ผมคิดว่าทางการจีนเขาคงไม่ตื้นเขินแค่ไหน เขาน่าจะลึกซึ้งมากกว่านั้น แต่ อันนี้อาจจะเป็นส่วนช่วยส่วนหนึ่ง ซึ่งถ้าเขายืนยันมา ก็ว่ามาผมคิดว่าทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคก็คงพร้อมดำเนินการอยู่แล้ว ส่วนที่ไปบอกว่ารัฐมนตรีช่วยจีนไปบอกว่าคุณไม่ดูแลบ้านเมืองคุณเลยหรอ? ไม่รู้พูดจริงหรือไม่จริง แต่สมมุติว่าพูดจริงก็ไม่เป็นไร เพราะว่าทุกคนพูดแบบนี้ได้หมด คุณไม่ดูแลบ้านเมืองคุณเลยหรอ? ใครก็คงถามกันได้ เราก็ถามสหภาพเมียนมาร์ได้ จีนก็ถามไทยได้ ไทยก็คงถามจีนถามเมียนมาได้ว่าคุณไม่ดูแลบ้านเมืองคุณเลยหรอ? แต่ท้ายที่สุดมันอยู่ที่ว่ามันต้องช่วยกันด้วยไหม? ไทยกับเมียนมาร์มีดินแดนต่อติดกัน ข้ามน้ำมาเจอกัน แผ่นดินที่มันข้ามถึงกันก็มี ทางจีนต่อให้ไม่ติดกับไทยก็ติดกับเมียนมาร์ แล้วก็เป็นคนที่มีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับไทยดีงาม ก็ช่วยกันสิ ผมว่าไม่ได้มีอะไรแปลก
The Publisher: ในเนื้อหาพิพากษามีระบุถึงตัวบริษัทนี้อยู่ด้วย?
รศ.ดร.เจษฎ์: สมมุติว่ามีบุคคลหนึ่งอยู่ในบริษัทหนึ่ง แล้วบุคคลนั้นทำผิดกฎหมาย กลายเป็นทั้งบริษัททำหรือไม่เราก็ไม่รู้นะ หรือถ้าบริษัทนั้นเขาโดนพิพากษาว่าเขาขายยา ถามว่าบริษัทนั้นเขาทำอะไรอย่างอื่นด้วยหรือไม่ ถ้าเขาโดนลงโทษเรื่องค้ายาแล้ว แล้วสมมุติว่าการค้ายาเขาใช้เครื่องปั่นไฟ เขาไม่ได้ใช้ไฟจากการส่งไฟไปของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เราจะบอกว่าอย่างไร? คุณค้ายาเพราะว่าเครื่องปั่นไฟ? ฉันตัดคุณแบบนี้? หรือมันก็ต้องคิดให้รอบคอบ แต่ อย่างที่บอกไหมว่าท้ายที่สุดไม่ได้บอกว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเขาจะตัดหรือไม่ตัด แต่มันต้องประมวลรวมแล้วก็เห็นว่า มันสมควรจะทำ ก็ทำ
The Publisher: ตอนนี้มีประเด็นหนึ่งที่รอการตัดสินใจอยู่คือมีข้อมูลว่าทางการเมียนมาร์มีการขอเพื่อต่อไฟฟ้าไปยังสองจุด ซึ่งเดิมถูกตัดไฟฟ้าไปแล้ว คิดว่าจะต้องเข้าสู่ทางผู้บริหารของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเพื่อเข้าไปมีส่วนร่วมในการตัดสินใจว่าจะต่อไฟฟ้าเข้าไปสองจุดนี้ด้วยหรือไม่ ?
รศ.ดร.เจษฎ์: แน่นอนอย่างที่ผมบอกว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคก็คงต้องดำเนินการแบบที่ได้ดำเนินการไปแล้ว ก็คือ ต้องคุยกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง แต่สิ่งที่จะต้องเพิ่มเติมคือ ต้องมีการปรับสัญญาแล้วในสัญญานั้นอย่างน้อยต้องมีในสามส่วนง่าย ๆ ที่มันต้องเกี่ยวข้องที่เราต้องหาข้อมูลได้หรือไม่ ก็คือ 1. ก่อนจ่ายไฟก็ต้องมีการเข้าไปตรวจ ระหว่างที่จ่ายไฟ ถ้าหากว่ามันมีข้อมูลที่มันเชื่อได้ว่าที่จะกระทบความมั่นคงหรือเป็นไปในทางลบ ก็ต้องดูได้ และ 3. คือ มีการเข้าไปตรวจดูเรื่อย ๆ ถูกไหม? ว่าไฟจ่ายดีไหม ไฟตกไหม มีสายอะไรที่มีปัญหาหรือเปล่า? มีเทคโนโลยีอะไรที่เราสามารถสนับสนุนทำให้การจ่ายไฟมันดีขึ้น มันก็ต้องไปในแต่ละวาระแต่ละช่วงเวลา แต่มันต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานด้วย และเวลาเข้าไปแบบนั้น สมมุติว่าต้องมีฐานตำรวจเข้าไป ต้องมีทางการกับเมียนมาร์ ต้องมั่นใจว่าพื้นที่ของเมียนมาร์มันเป็นพื้นที่ที่ไม่ได้มีใครสามารถคุมได้เบ็ดเสร็จ เวลาเราบอกว่าทางการสหภาพเมียนมาร์ สมมุติ (นะครับ) พม่าเป็นชนกลุ่มใหญ่ มันก็มีชนกลุ่มอื่นด้วย เช่น ชนกะเหรี่ยง ชนไทยใหญ่ ยะไข่ มอญ สารพัด เขาก็มีพื้นที่ที่เขาสามารถคุมได้ของเขาพวกนี้ต้องระมัดระวัง ไม่ใช่ว่าอยู่ดี ๆ สมมุติว่าคุยกับทางการเมียนมาแล้ว เมียนมาร์ไม่รู้ว่าคุยกับทางกะเหรี่ยงได้ไหม คุยกับทางไทยใหญ่ได้ไหม เราก็จะไปบอกว่าคุยกับทางการมาแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่อง มันก็ต้องมีการประสานงานอย่างรอบคอบ ระมัดระวัง และดูแลคนของเราเราด้วย แล้วเราก็ไม่ต้องไปละเมิดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย เพราะงั้นผมคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย ท้ายที่สุดก็คือว่ามีชาวบ้านที่เขามีความจำเป็นต้องใช้ไฟ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากทางฝั่งไทยก็มีส่วนด้วย ทำมาหากินด้วยกัน ผมว่าพอสรุปได้ว่าคนตัวเล็กตัวน้อย ชาวบ้านทั่วไปที่ได้ใช้ไฟที่จะได้ประโยชน์เกื้อกูลกันทั้งสองฝั่ง ผมว่าก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
The Publisher: ที่ตัดไฟฟ้ายากเพราะว่าไปเจอต่อผลประโยชน์อะไรหรือเปล่า?
รศ.ดร.เจษฎ์: ก็ต้องดูว่าผลประโยชน์ที่ว่ามันมีจริงไหม เอาหลักฐานมาว่ากัน เอาประจักษ์พยานถ้ามี ถ้าสมมติว่าผลประโยชน์ในแง่ของการขายไฟ ต้องเรียนอย่างนี้ว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเขาขายไฟในประเทศไทย ปีนึงรายได้จากการขายไฟ 600,000,000,000 ขายไฟไปพื้นที่สหภาพเมียนมาร์ทั้งหมดประมาณ 800,000,000 ซึ่งอันนี้มันไม่ได้กระทบอะไรเลย ไม่ได้รายได้เพิ่มขึ้นอะไรเลย ผมคิดว่าคงไม่มีใครเสี่ยงภัยมาเอาส่วนต่างจากการขายไฟในส่วนนี้ แต่ถ้าเกิดจะไปมีส่วนเอี่ยว เช่น ไปเปิดบ่อนไปขายยาด้วย ไปทำคอลเซ็นเตอร์ด้วย อันนี้ต้องมีพยานหรือหลักฐานที่ชัดเจน นะ ไปกล่าวหาใครลอย ๆ ไม่ได้