Author: admin

แม้สถานการณ์โลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร มหาวิทยาลัยมหิดล โดย คณะทันตแพทยศาสตร์ ไม่เคยหยุดที่จะสร้างสรรค์ผลงานนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและเศรษฐกิจของชาติ เมื่อเร็ว ๆ นี้ รองศาสตราจารย์ ดร. ทันตแพทย์หญิงจีรภัทร จันทรัตน์ หัวหน้าภาควิชาทันตกรรมหัตถการและวิทยาเอ็นโดดอนต์ คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.สามารถคว้ารางวัลสภาวิจัยแห่งชาติ : ผลงานประดิษฐ์คิดค้นระดับดี สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ ประจำปีงบประมาณ 2564 จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในฐานะผู้สร้างสรรค์และพัฒนา “กัตตาเคลียร์” สำหรับทันตแพทย์ใช้ในการรักษารากฟันซ้ำ ซึ่งได้มีการต่อยอดสู่ภาคธุรกิจ.”กัตตาเคลียร์” นับเป็นผลงาน “ปัญญาของแผ่นดิน” ตามปณิธานของมหาวิทยาลัยมหิดล ที่มากด้วย “คุณค่า” และ “มูลค่า” จากคุณสมบัติพิเศษที่เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับทันตแพทย์ใช้ทำละลายวัสดุคลองรากฟันให้กับผู้เข้ารับบริการรักษารากฟันซ้ำ.ทำมาจากน้ำมันสกัดจากธรรมชาติ ซึ่งทดสอบแล้วว่าเป็นอันตรายน้อยมากต่อทั้งผู้เข้ารับบริการ และต่อทันตแพทย์ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ อีกทั้งยังสร้างความพึงพอใจต่อผู้เข้ารับบริการจากกลิ่นหอมพิเศษของซิทรัส หรือกลิ่นพืชตระกูลส้ม จากน้ำมันหอมระเหยที่ใช้เป็นส่วนผสม อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องด้วยเป็นทันตเวชภัณฑ์ที่เป็น Organic หรือสารสกัดที่ได้จากธรรมชาติ 100%.นอกจากนี้ รองศาสตราจารย์ ดร. ทันตแพทย์หญิงจีรภัทร จันทรัตน์ เป็น “อาจารย์ทันตแพทย์นักวิจัย” ที่มีชื่อเสียงในระดับประเทศ และมีผลงานที่สร้างชื่อเสียงอีกมากมายหลายชิ้นซึ่งได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสารทันตกรรมระดับโลกอีกหลายฉบับ.รวมทั้งยังเป็นหนึ่งในทีมวิจัยของผลงาน “Mahidol Study” ที่สามารถรักษาฟันตายรากเปิด ทำให้ฟันตายสามารถเจริญต่อไปได้อย่างน่าทึ่ง จากการเข้าร่วมแสดงผลงานในที่ประชุมวิชาการทันตแพทย์ระดับนานาชาติซึ่งต่อมา “Mahidol Study” ได้เป็นที่รู้จักในเรื่องการรักษาฟันปลายรากเปิดจากทันตแพทย์ทั่วโลก.โดยมี Mahidol Guideline ในการรักษาฟันตายปลายรากเปิดที่ทันตแพทย์หลายประเทศใช้เป็นแนวทางในการรักษาผู้ป่วยแบบ Regenerative Endodontics.ทั้งนี้ รองศาสตราจารย์ ดร. ทันตแพทย์หญิงจีรภัทร จันทรัตน์ ในฐานะหนึ่งในคนไทยคุณภาพ สามารถคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมขึ้นได้เองนี้ สามารถช่วยเศรษฐกิจของประเทศไทย จากการลดการนำเข้าทันตเวชภัณฑ์จากต่างประเทศได้คิดเป็นมูลค่าปีละมหาศาล.นอกจากนี้ “กัตตาเคลียร์” ได้รับการจดความลับทางการค้า (Trade Secret) ดำเนินการโดย สถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (iNT) มหาวิทยาลัยมหิดล และได้มีการจัดจำหน่ายในประเทศไทย และประเทศฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ตลอดจนกำลังอยู่ระหว่างการประสานเตรียมพร้อมบุกตลาดในประเทศแถบเอเชียต่อไป..#Social#ThePublisher #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม

Read More

 เวียนมาบรรจบอีกครั้ง สำหรับเทศกาล “กินเจประจำปี 2564” เทศกาลถือศีลกินผักสุดยิ่งใหญ่ ที่คนไทยเชื้อสายจีนยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน โดยในปีนี้จะเริ่มกินเจกันอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 – 14 ตุลาคม.แต่รู้หรือไม่ว่า เทศกาลกินเจในแผ่นดินใหญ่อย่างจีนเองนั้น ไม่มีการจัดการอย่างเป็นทางการเหมือนที่ไทย ถึงแม้ที่มาของเทศกาลจะมาจากชาวจีนก็ตาม เพียงแต่ว่าเทศกาลดังกล่าว ไม่ได้ทำกันอย่างแพร่หลาย หรือเป็นเทศกาลใหญ่ที่มีประเพณีร่วมกันทั่วโลกเหมือนอย่างวันตรุษจีน.เพราะการกินเจนั้นเป็นเรื่องเฉพาะถิ่น ไม่ได้ทำกันทั่วทั้งประเทศ คนจีนที่กินเจส่วนใหญ่เป็นชาวจีนฮกเกี้ยน และแต้จิ๋ว อยู่ในมณฑลฟูเจี้ยน ซึ่งชาวจีนในละแวกนี้ก็มักอพยพย้ายถิ่นฐานมาอาศัยอยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ และภาคใต้ของประเทศไทย.ในส่วนของประเทศไทยนั้น เทศกาลกินเจเกิดขึ้นครั้งแรก เมื่อ 194 ปีก่อน (ประมาณ พ.ศ. 2368-2400) ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่คนไทยรู้จักกับการกินเจเป็นครั้งแรก! สมัยนั้นคนจีนจากมณฑลฮกเกี้ยน(ฝูเจี้ยน), แต้จิ๋ว, ซัวเถา ได้อพยพเข้ามาอยู่อาศัยและทำมาหากินในเมืองไทย บริเวณพื้นที่หมู่บ้านกะทู้ ตำบลกะทู้ จังหวัดภูเก็ต จำนวนมาก เพื่อทำอาชีพขุดแร่ดีบุกและทำเหมืองแร่กันตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา (ในสมัยรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช) และมีการค้าขายแร่ดีบุกกับโปรตุเกส ฮอลันดา ฝรั่งเศส อังกฤษ เป็นต้น.คนจีนกลุ่มนี้เองที่นำเอาประเพณีกินเจ หรือ เจี๊ยะฉ่าย เข้ามาในประเทศไทย ซึ่งเป็นประเพณีที่ได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาเต๋า (ลัทธิเต๋า) ที่พวกเขานับถือ โดยพวกเขามีความเชื่อเกี่ยวกับเทพเจ้าประจำตระกูลหรือเทพเจ้าประจำหมู่บ้าน เช่น เทวดาฟ้าดิน และเซียนต่าง ๆ.หากมีเหตุเภทภัยอันใดเกิดขึ้น ก็จะแก้เคล็ดด้วยการอัญเชิญเทพเจ้าแต่ละพระองค์ที่ตนนับถือ มาบูชากราบไหว้เพื่อให้คุ้มครองปกป้องรักษาตน พร้อมกับการ “ถือศีลกินผัก” งดบริโภคเนื้อสัตว์ทุกชนิด งดทำบาปเพื่อหวังให้เภทภัยต่าง ๆ หายไป โดยมักจะกินเจ 9 วัน เพราะถือว่าเป็นการบูชา 9 เทวกษัตริย์ ที่เชื่อว่าจะมารับเคราะห์หรือเภทภัยต่าง ๆ แทนมนุษย์.แต่ถ้าหากสืบสาวราวเรื่องลึกลงไป พบว่าประเพณีกินผักดังกล่าว จริง ๆ แล้วมีต้นกำเนิดมาจากจีนนั่นเอง เพียงแต่มีเฉพาะในชุมชนจีนบางมณฑลเท่านั้น เป็นประเพณีที่ชาวจีนกลุ่มเล็ก ๆ ทำกัน ไม่ได้มีแพร่หลายไปทั่วทั้งประเทศจีน เมื่อคนจีนกลุ่มนี้อพยพมาที่ไทยก็นำประเพณีนี้ติดตัวมาด้วย.ปัจจุบันประเพณี “ถือศีลกินผัก” ของชาวจีนที่นับถือ “ลัทธิเต๋า” ในบางมณฑลดังกล่าว ได้สูญหายไปแล้วทั้งหมด.แต่กลับยังคงมีให้เห็นได้ที่ภูเก็ตบ้านเรา และกระจายไปทั่วประเทศไทย สมัยแรก ๆ มีแค่การถือศีลกินผักธรรมดาตามโรงเจ ไม่ได้มีขบวนแห่ม้าทรงหรือจัดงานเทศกาลยิ่งใหญ่เหมือนในปัจจุบัน..#Culture#ThePublisher #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม

Read More

 ในวันที่ 1 ตุลาคม ของทุกปีจะตรงกับวันสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน หรือวันชาติของจีน ซึ่งในปีนี้ เป็นปีที่ประเทศจีนก่อตั้งมาครบ 72 ปี กลุ่มเครือข่ายนักเรียนไทยในจีน จึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมยินดีต่อวันสำคัญดังกล่าว ให้แก่ประชาชนชาวจีน ท่านผู้นำ และรัฐบาลจีน เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-จีน ที่เปรียบดั่งพี่น้อง มาอย่างยาวนาน.โดยภายในคลิปกลุ่มนักเรียนไทยในจีน ได้กล่าวแสดงความยินดีเป็นภาษาจีน มีเนื้อความว่า.“เนื่องในโอกาสครบรอบ 72 ปีการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนพวกเราขอเป็นตัวแทนนักเรียนไทยที่ศึกษาอยู่ที่ประเทศจีนแสดงความยินดีจากใจจริงต่อเพื่อน ๆ ชาวจีน ท่านผู้นำ และรัฐบาลจีนขอให้ประเทศจีนเจริญรุ่งเรือง ประชาชนชาวจีนสงบสุข ปลอดภัยพวกเราหวังว่าจะได้กลับไปที่จีนไปศึกษาต่อที่ประเทศจีนโดยเร็ว”.“สุขสันต์วันชาติ !”.“在中华人民共和国成立 72 周年佳节之际我们代表泰国留学生,向中国领导中国政府和中国朋友们表示衷心的祝福祝全体中国人民繁荣昌盛,平安幸福,国庆节快乐!我们希望早日返回中国继续我们的学业。”.“国庆节快乐!”.ทั้งนี้ กลุ่มนักเรียนไทยในจีน ยังคงคาดหวังที่จะสามารถกลับไปเรียนที่จีนได้โดยเร็ว หลังจาก 1 ปี ที่ได้มีการเรียกร้องและประสานกับหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ที่มีความสามรถในการช่วยเหลือมาโดยตลอด ซึ่งทางกลุ่มมีความคาดหวังว่าจะสามารถกลับไปศึกษาต่อได้ภายในปลายปีนี้ สังเกตุได้จากท้ายคลิปที่มีการพูดทิ้งทายว่า.“พวกเราหวังว่าจะได้กลับไปศึกษาต่อที่ประเทศจีนโดยเร็ว”.พร้อมติดแฮชแท็ก #พาเด็กไทยกลับจีน..#Social#ThePublisher #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม

Read More

 วันนี้ (21 ก.ย. 2564) ตรงกับเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ของจีน กลุ่มเครือข่ายนักเรียนไทยในจีน ได้ทำการโพสต์คลิปส่งคำอวยพรให้กับประเทศจีน ประชาชนชาวจีน ท่านผู้นำ และรัฐบาลจีน เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-จีน ที่เปรียบดั่งพี่น้อง.โดยภายในคลิป กลุ่มนักเรียนไทยในจีนได้กล่าวอวยพรเป็นภาษาจีน โดยมีเนื้อความว่า.“เนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์ปี 2564พวกเรานักเรียนไทยในจีนขอให้ชาวจีนทุกคนมีสุขภาพแข็งแรงเปี่ยมด้วยความสุขสวัสดิภาพพวกเราหวังว่าจะได้กลับไปศึกษาต่อที่ประเทศจีนโดยเร็วสุขสันต์เทศกาลไหว้พระจันทร์”.“2021年的中秋节,我们泰国学生愿你幸福水建廳度,平平安安长伴你,祝福中秋节快乐。我们希望早日返回中国继续我们的学业。”.ทั้งนี้ กลุ่มนักเรียนไทยในจีน ยังคงคาดหวังที่จะได้กลับไปเรียนที่จีนหลังจาก 1 ปี ที่ได้เรียกร้องและประสานงานเพื่อดำเนินการกับภาครัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ที่มีความสามารถในการช่วยเหลือ โดยทางกลุ่มคาดว่าจะสามารถกลับได้ภายในปลายปีนี้ สังเกตุได้จากในตอนท้ายคลิปที่มีการพูดทิ้งทายว่า.“พวกเราหวังว่าจะได้กลับไปศึกษาต่อที่ประเทศจีนโดยเร็ว” พร้อมติดแฮชแท็ก #พาเด็กไทยกลับจีน..#GoodStory#ThePublisher #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม

Read More

 เมื่อวันที่ (1 ต.ค.) เพจ “โปลิศไทยแลนด์ – Police Thailand News” โพสต์เล่าเรื่องราวของหนูน้อยที่พลัดหลงจากบ้านไปยังตึกร้างแห่งหนึ่งในจังหวัดเลย เคราะห์ดีมีเจ้าหน้าที่สายตรวจช่วยไว้ได้ จากนั้นหนูน้อยไปจุดตรวจมะลิวัลย์ เพื่อรอผู้ปกครองมารับ.ทางเพจรายงานว่า “วันที่ 1 ต.ค. 64 เวลาประมาณ 04.00 น.รับแจ้งเหตุเด็กพลัดหลงจากบ้าน ตำรวจเมืองเลยตรวจสอบที่เกิดเหตุพบเด็กที่ตึกร้าง (แยก กม.0) ใกล้บ้านพัก สอบถามเด็กบอกว่าตามหาแม่ จึงได้พาเด็กไปพักที่จุดตรวจมะลิวัลย์รอแม่มารับ ภายหลังผู้ปกครองมารับแจ้งว่าได้ออกไปทำธุระเร่งด่วนจึงปล่อยให้เด็กนอนอยู่ภายในห้อง และได้นำหลักฐานแสดงตนมารับลูกกลับบ้านด้วย”.ทั้งนี้ หลังจากโพสต์ดังกล่าวได้เผยแพร่สู่โลกออนไลน์ มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นตำหนิผู้เป็นแม่ที่ประมาทปล่อยลูกน้อยไว้เพียงลำพัง..#GoodSociety#ThePublisher #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม

Read More

 เมื่อวันที่ (25 ก.ย.) มีเรื่องราวที่เรียกเสียงชื่นชมจากคนในโลกออนไลน์จำนวนมาก เมื่อ นายอานนท์ กิ่งเกาะยาว หรือ คุณกระดาษ พนักงานขนส่งของบริษัทแห่งหนึ่ง ได้เปิดเผยว่า.ตนได้นำกล่องพัสดุที่มีการระบุชื่อบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งมีที่อยู่ในเขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ มาส่งให้กับลูกค้าคนหนึ่งใน อ.สิเกา จ.ตรัง ซึ่งทราบภายหลังว่าลูกค้าได้สั่งแท็บเล็ต ให้ลูกชายวัย 6 ขวบเรียนออนไลน์ ในราคา 1,789 บาท โดยมีการเก็บเงินปลายทาง ซึ่งมีเบอร์โทรของบริษัทแต่โทรไปไม่ติด เมื่อลูกค้าชำระเงินแล้ว เปิดออกมากลายเป็นเขียง 1 อัน ราคาหลักร้อย.ถึงแม้ทางลูกค้าจะชำระเงินแล้ว แต่เขาอยากที่จะช่วยเหลือลูกค้า จึงทำการเช็กยอดเงินที่โอนไปยังบริษัท และได้ทราบว่าจำนวนเงินที่ชำระยังไม่เข้าบัญชีของผู้รับ เขาจึงได้ทำการระงับเงินเอาไว้ และรอส่งสินค้าคืนบริษัทต้นทาง.เพื่อช่วยเหลือลูกค้า และถ่ายคลิปเตือนภัยให้กับสังคม นอกจากนี้เขายังให้ข้อมูลว่า พนักงานขนส่งถ้าปิดงานไปแล้วคนที่รับผิดชอบคือพนักงานส่งของ ถ้าลูกค้าไม่แน่ใจก็แนะนำไม่ต้องรับ เช็กให้ดีก่อน..#GoodSociety#ThePublisher #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม

Read More

 เมื่อวันที่ (29 ก.ย.) นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผู้อำนวยการบริหารโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยในงานเสวนา THAILAND COVID-19 VACCINE FORUM 2021 ถึงความก้าวหน้าการพัฒนาวัคซีนไทยสู้โควิด-19 โดยทีมประเทศไทย ของสถาบันวัคซีนแห่งชาติ.โดยระบุว่า ความคืบหน้าของวัคซีนชนิด mRNA ภายใต้การดูแลของจุฬาฯ ปัจจุบันผ่านการทดลองสัตว์แล้ว เบื้องต้นการกระตุ้นภูมิในหนูพบค่า titer สูง สะท้อนประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสไม่ให้เข้าสู่เซลล์ได้ดี ขณะที่ในลิงได้ค่าสูงราว 5,000 titer.ส่วนการทดลองในมนุษย์อยู่ระหว่างระยะที่ 1 และเข้าสู่ระยะที่ 2 แล้ว ควบคู่กับการทดลองในกลุ่มอาสาสมัคร พร้อม ๆ กับเตรียมโรงงานในไทย คือ ไบโอเนท เอเชีย พันธมิตรของจุฬาฯ และได้มีการทำวัคซีนคู่ขนาน 2 รุ่น.“เบื้องต้นการทดลองในหนูที่ฉีดวัคซีนเทียบกับหนูที่ไม่ฉีดวัคซีน พบว่ากลุ่มที่ได้รับวัคซีนแม้ได้ปริมาณต่ำ แต่สามารถป้องกันการเจ็บป่วย และป้องกันไม่ให้เชื้อเข้ากระแสเลือดได้ 100% และลดปริมาณเชื้อที่ใส่ในจมูกและปอดลงได้มากกว่า 10 ล้านเท่า.ส่วนประเด็นภูมิจะตกเมื่อไรนั้น จากการทดลองในลิง จะอยู่ได้ราว 8 เดือนขึ้นไป ขณะที่เชื้ออู่ฮั่นภูมิจะอยู่ได้เกินปี”.เมื่อถามถึงประสิทธิภาพการป้องกันเชื้อโควิดกลายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นเดลต้า แกมม่า เบต้า นพ.เกียรติ กล่าวว่า ผลจากห้องปฏิบัติการของ สวทช. ที่ใช้เลือดของหนูและลิงที่ฉีดวัคซีนมาทำการทดลองพบว่า ภูมิคุ้มกันขึ้นสูง โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลต้าป้องกันได้ดี ยิ่งใช้โดสสูง แม้ภูมิคุ้มกันตกก็ยังสูง ป้องกันได้หมด.นอกจากนี้ การวิจัยในอาสาสมัครที่เริ่มกลางเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยจากการทดลองเฟส 1 / 2 กลุ่มอายุ 18-55 ปี ยังไม่เจอผลข้างเคียงรุนแรง ส่วนใหญ่มีอาการเล็กน้อยและดีขึ้นภายใน 1-2 วัน มักพบอาการหนาวสั่น ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย โดยเฉพาะเข็ม 2 แต่ผลยังอยู่ในวงจำกัด เพราะกลุ่มอาสาสมัครยังไม่มากนัก.ทั้งนี้ ผลรายบุคคล 10 กว่าท่านนั้น หากฉีดโดสสูง 50 ไมโครกรัม ตัวเลขขึ้นสูง 1 อาทิตย์หลังเข็ม 2…

Read More

 นายวิรัติ แข็งขัน ผอ.สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ขณะนี้ เว็บไซต์ https://www.forbes.com/…/top-50-best-places-to-visit/ โดย Forbes advisor จัดอันดับแหล่งท่องเที่ยวของแต่ละประเทศที่ควรท่องเที่ยวหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย.ยกให้ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็น 1 ใน 50 สุดยอดจุดหมายปลายทางของโลกและเป็น 1 ใน 8 แห่งของทวีปเอเชีย.พร้อมให้เหตุผลว่าในซีกโลกตะวันตกไม่มีการเรียนการสอนเกี่ยวกับอยุธยา แต่จริงๆ แล้วอยุธยา คือเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกในช่วงทศวรรษ 1700 เป็นแหล่งโบราณสถาน อุทยานประวัติศาสตร์เก่าแก่ สามารถย้อนอดีตไปถึงปี ค.ศ.1350 อีกทั้งมีพื้นที่กว้างขวางก่อเกิดมาจากความแตกต่างทั้งยุคสมัยและวัฒนธรรมที่หลากหลาย.การเดินทางก็สะดวกมีขบวนรถไฟจากกรุงเทพฯ ถึงอยุธยา ใช้เวลาเพียง 90 นาที แต่ยังพบว่าส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวนิยมเที่ยวชมอยุธยาแบบไปเช้าเย็นกลับ หากพักค้างคืนทุกคนจะได้สัมผัสกับภาพวัด โบราณสถานต่าง ๆ ในช่วงเช้าและช่วงเย็น ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบพร้อมสัมผัสกับแสงอาทิตย์ที่สวยสดงดงาม.นอกจากนี้ยังระบุว่าในทวีปเอเชียได้รับคัดเลือกแหล่งท่องเที่ยวรวม 8 แห่ง จาก 50 แห่งของโลก ประกอบด้วย จ.พระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย ฮาร์บิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศภูฏาน อัสสัม ประเทศอินเดีย ลอมบก ประเทศอินโดนีเซีย ไทเป ดินแดนไต้หวัน อุซเบกิสถาน และโดฮา ประเทศกาตาร์..#GoodStory#ThePublisher #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม

Read More

 เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2485 ประชาชนชาวไทยยืนตรงเคารพธงชาติไทยครั้งแรก ในเวลา 08.00 น. และ เวลา 18.00 น. หลังก่อนหน้านี้มีการกำหนดเป็นกฎหมาย แต่ไม่ได้รับความนิยม.โดยต่อมาการยื่นเคารพธงชาติ ก็กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของคนไทยทุกคน ที่ต้องหยุดยืนนิ่งเมื่อได้ยินสัญญาณเพลงชาติดังขึ้น.เมื่อย้อนกลับไปใน พ.ศ. 2477 ซึ่งเป็นปีที่ประเทศไทยมีเพลงชาติเป็นครั้งแรก แต่ยังคงใช้ชื่อว่า “เพลงชาติสยาม” (เปลี่ยนชื่อเป็น เพลงชาติไทย ปี พ.ศ. 2482) และในปีต่อมา คือ พ.ศ. 2478 ทางราชการก็ได้ประกาศกฎหมายให้ประชาชนยืนเคารพธงชาติในเวลา 08.00 น. และเวลา 18.00 น. แต่ในสมัยนั้นกฎหมายดังกล่าวไม่ได้รับความนิยมและไม่มีการปฏิบัติอย่างแพร่หลายเท่าที่ควร.จนในที่สุดก็มาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อรายการวิทยุกระจายเสียง “นายมั่น-นายคง” ซึ่งผู้ดำเนินการ 2 คนจะสนทนากับผู้ฟังทางบ้านในประเด็นต่าง ๆ เป็นรายการที่จัดทำขึ้นมาเพื่อโฆษณาแนวคิดรัฐนิยมของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น.โดยการออกอากาศวันที่ 13 กันยายน 2485 ได้เชิญชวนและนัดหมายกับประชาชนให้ยืนตรงเคารพธงชาติพร้อมกันว่า.“เวลา 8.00 น. นับตั้งแต่เช้าวันพรุ่งนี้เปนต้นไปผู้ที่มีเครื่องรับวิทยุ ก็ขอได้โปรดเปิดไห้ดัง ๆ ด้วย เพื่อเพื่อนบ้านไกล้เรือนเคียง และคนสัญจรไปมาจะได้ยินทั่ว ๆ กันสิ่งแรกฉันหยากขอไห้ยุวชนช่วยฉันไห้พร้อมเพรียง.เมื่อเวลาประกาสไห้เคารพทงชาติไห้ทำทุกคนเปนการเคารพชาติที่มีคุนแก่เรา และไห้บอกคนไนบ้านทุกคนทำการเคารพด้วยบอกว่าทงชาติยังหยู่ชักขึ้นแล้ว เอกราชของไทยยังบุญมั่นขวันยืนดี เราต้องพร้อมไจกันทำการเคารพทั่วทั้งชาติ และไนเวลาเดียวกันแหละ.ฉันเชื่อมั่นว่าการเคารพทงชาติคราวหน้านี้จะสำเหร็ดได้ด้วยความรักชาติของยุวชนเปนสำคัน ทำตามนี้เรียกว่ายุวชนสร้างชาติ ”.ภายหลัง จอมพล ป. พิบูลสงคราม ก็ได้กล่าวผ่านทางวิทยุกระจายเสียงในทำนองว่า ตนเองรู้สึกสบายใจ และพบความเป็นไทยมากขึ้น รวมทั้งประณามคนที่ไม่เคารพธงชาติไทยว่า.เป็นผู้คิดทรยศต่อชาติ เท่ากับการด่าพ่อแม่ ครูอาจารย์ และพระพุทธเจ้า เนื่องจากสีของธงชาติไทยมีสีแทนชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งแนวคิดดังกล่าวก็มีการทำตามมาจนถึงปัจจุบัน..#Onceuponatime#ThePublisher #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม

Read More

 เรื่องราวสุดประทับใจเกิดขึ้นในระหว่างการแข่งขันกีฬาในประเทศอีกัวดอร์ อย่างรายการ The Adventure Racing World Series ที่เต็มไปด้วยการผจญภัยสุดยิ่งใหญ่ ความท้าทายจากธรรมชาติ เดินลุย ป่า ปั่นจักรยาน ปีนเขา และอื่น ๆ ที่บอกได้เลยว่าโหดสุด ๆ แต่กลับมีเข้าสุนัขจรจัดเข้าร่วมการแข่งขันกับผู้เข้าแข่งขันทีมหนึ่งตั้งแต่ต้นจนจบรายการ.เจ้าสุนัขตัวนี้มีชื่อว่า Arthur โดยในช่วงการแข่งขันปี 2014 มีการยกเว้นผู้เข้าร่วมแข่งขันให้จบได้จำนวน 5 คน ปกติแล้วจะมีเพียงแค่ 4 คน เท่านั้น แต่ครั้งนี้ได้รวมถึงเจ้าสุนัขจรจัด Arthur เข้าไปด้วย.ระยะทางการแข่งขันสุดหฤโหด เป็นระยะทางไกลถึง 435 ไมล์ หรือประมาณเกือบ 700 กิโลเมตรเลยทีเดียว.ผู้เข้าแข่งขันเดินทางมาจากสวีเดน และโชคชะตาทำให้พวกเขาได้พบกับ Arthur และได้แบ่งอาหารให้กับมันก่อนการแข่งขันจะเริ่ม 20 นาที ภาพหลังการออกสตาร์ทอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งมีผู้คนกว่าร้อยทีมเข้าร่วมกันแข่งขันนี้เลยทีเดียว และเมื่อเริ่มการแข่งขันไป ทีมจากสวีเดนก็ต้องประหลาดใจ.เมื่อเจ้า Arthur ได้ตามพวกเขามาตั้งแต่จุดสตาร์ท และนั้นเองเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยในครั้งนี้.Mikael หนึ่งในสมาชิกทีม รู้สึกเสียใจนิด ๆ เพราะจากการให้อาหารของเขาทำให้เจ้า Arthur ต้องมาผจญภัยแสนลำบากนี้ แต่ดูเหมือนเจ้า Arthur จะไม่คิดแบบนั้น เพราะไม่ว่าการเดินทางจะลำบากเพียงใด มันก็ไม่เคยเรียกร้อง และเฝ้าติดตามกลุ่มทีมจากสวีเดนอย่างใกล้ชิด.อาจจะเป็นเพราะมันเป็นสุนัขจรจัดที่รู้สึกโดดเดี่ยว และเมื่อได้รับอาหารจากคนใจดี มันจึงเลือกที่จะติดตามเขาไปทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่ามันจะลำบากซักเพียงใด เมื่อการแข่งขันเริ่มลำบากขึ้นเรื่อย ๆ Mikael ก็เป็นห่วงเจ้า Arthur ว่ามันจะไหวมั้ย แต่มันเป็นสุนัขที่แกร่งมาก ๆ มันติดตามการผจญภัยครั้งนี้ โดยที่ไม่มีอุปกรณ์ช่วยเหลือใด ๆ สำหรับสุนัขเลย.เมื่อถึงจุดพักผ่อนพวกเขาก็นอนหลับด้วยกัน แสดงถึงมิตรภาพที่สวยงามแบบที่หาได้ยากจากการแข่งขันสุดหฤโหดแบบนี้ และแล้วก็มาถึงจุดที่ต้องพายเรือคายัค พวกเขาคิดว่าจะต้องปล่อย Arthur ไว้ข้างหลัง เพราะว่าการพายเรือกินระยะทางกว่า 36 ไมล์.แต่เมื่อเขาพายออกไปได้เพียงนิดเดียว เจ้า Arthur จึงกระโดดลงน้ำตามไป เหมือนมันจะยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อติดตาม Mikael ไปจนถึงที่สุด เมื่อเขาเห็นดังนั้น จึงรีบอุ้ม Arthur ขึ้นมาจากแม่น้ำขึ้นเรือ ก่อนที่จะเดินทางไปด้วยกัน.เมื่อพวกเขาเข้าถึงเส้นชัยในฐานะทีม 5 คน ก็ได้รับเสียงปรบมืออย่างล้นหลามจากผู้เข้าชม ซึ่งเป็นเหตุการณ์สุดประทับใจเท่าที่หลาย ๆ…

Read More