- Original
- Urban Culture
- Writer
- About us
- คุยกับสส
- The Persona
- Brief
- Thai Treasure
- Urban life
- On this day
- News
- Home
- Editir pick
- Good
- Persona
- Persona
- Urban
- Business
- Politics
- Playlist
- Home
- People Voice
- Culture
- นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
- Urban Wealth
- Law
- Update
- I’m Youth Ranger
- Urban History
- Issues
- Check
Subscribe to Updates
Get the latest creative news from FooBar about art, design and business.
Author: Writer Publisher
นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ได้รับรายงานจาก นายกฤษดา มูลสวัสดิ์ ปลัดอำเภออาวุโส และสมาชิก อส.อ.ทองผาภูมิที่ 9 ว่า พบรถพ่วง 22 ล้อ ทะเบียน จ.กาญจนบุรี ต้องสงสัยว่าบรรทุกแรงงานต่างด้าวมาจาก อ.สังขละบุรี จึงเร่งสั่งการเจ้าหน้าที่ตั้งจุดตรวจสกัดรถพ่วง 22 ล้อคันดังกล่าว เมื่อเข้าตรวจรถพ่วง 22 ล้อ พบแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาทั้งชายและหญิงนั่งแออัดมาเต็มคันรถกว่า 169 ชีวิต โดยแบ่งออกเป็น ชาย 102 ราย หญิง 67 ราย เบื้องต้นคดีนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่เพื่อหาต้นตอผู้ว่าจ้างต่อไป ขอบคุณที่มาข่าว : ภูมิภาคกาญจนบุรี
ในขณะที่การเลือกตั้งท้องถิ่นกำลังเป็นประเด็นร้อน คำร้องของ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นักตรวจสอบ ที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติผู้ช่วยหาเสียงที่ไม่มีสิทธิเลือตั้งในท้องถิ่นนั้น ขัดกับกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องของ กกต.หรือไม่ กำลังกลายเป็นจุดสนใจ เพราะมีผู้ช่วยหาเสียงเบอร์ใหญ่จากทั้งแดงและส้ม ยกขบวนไปขึ้นเวทีปราศรัยแบบออนทัวร์ ไม่ว่าจะเป็น ทักษิณ ชินวัตร ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หรือ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งล้วนไม่มีสิทธิเลือกตั้งในท้องถิ่นที่ตัวเองไปช่วยหาเสียงทั้งสิ้น ประเด็นนี้จะส่งผลลบต่อผู้สมัครอย่างไรพูดคุยกับ สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกกต. ในรายการเที่ยงเปรี้ยงปร้าง ดำเนินรายการโดย สมจิตต์ นวเครือสุนทร The Publisher The Publisher : มองมุมกม. ประเด็นคำร้องคุณเรืองไกรเกี่ยวกับผู้ช่วยหาเสียงส่งผลต่อผู้สมัคร แดง-ส้ม อย่างไร? สมชัย: เวลาล่วงเลยมาพอสมควร แล้วกกต.ไม่มีท่าทีชัดเจนในเรื่องพวกนี้ ปล่อยเลยตามเลยไหม เหมือนรอให้เลือกตั้งจบไป แล้วถ้ามีคำร้องค่อยกันอีกที ประเด็นอยู่ที่การตีความผู้ช่วยหาเสียงนั้น ต้องเป็นคนที่มีสิทธิเลือกตั้ง จะตีความแบบกว้างหรือแคบ หากตีความแบบกว้าง ก็คือผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั่วประเทศที่ใดก็ได้ หากเป็นแบบแคบ ก็ต้องเป็นของที่ใครที่มัน เพราะเจตนาของผู้ช่วยหาเสียงคือต้องการคนมาช่วยในการเดินหาเสียง แจกใบปลิว ติดป้าย เข้าเส้นทางต่าง ๆ ก็รู้ดีในพื้นที่ เป็นผู้ช่วยหาเสียงจึงกำหนด เป็นค่าตอบแทนที่ไม่มากนัก เท่ากับค่าจ้างแรงขั้นต่ำในจังหวัดนั้น ๆ คือ 300 กว่าบาท แต่ตอนนี้เราได้ผู้ช่วยหาเสียงประเภทรับน้อยแต่เล่นใหญ่ รับ 400 กว่าแต่เล่นสามแสน เลยกลายเป็นว่าจะผิดกับเจตนารมณ์หรือไม่ และทำให้เกิดการเลี่ยงกัน ทุกคนก็ประกาศตนเป็นผู้ช่วยหาเสียง รับเงินผู้สูงอายุ 800 บาท และรับค่าช่วยหาเสียง 300 ก็ไม่รู้จะมีคนเชื่อหรือเปล่านะ ก็ต้องดูว่า กกต.จะมีท่าทีอย่างไรกับเรื่องนี้ The Publisher : หาก อ.ยังเป็นกกต. อยู่จะชี้อย่างไร?สมชัย: ก็คงต้องเตือนครับ อันนี้มันเป็นเรื่องของการผิดระเบียบ ไม่ถึงระดับกม.ไม่ใช่ พ.ร.บ. หากผิดก็ต้องเตือนให้แก้ไขไป อย่างเช่น เรื่องติดป้ายเกินขนาด ก็เตือนให้เอาลงก็จบ เรื่องของการผิดระเบียบไม่ได้เป็นเรื่องร้ายแรง เมื่อรู้ก็ระงับการกระทำ ยกเว้นว่าแจ้งแล้วเตือนแล้วแต่ฝืนทำอีก ก็ถือว่าไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง เอาเรื่องถึงใบแดงได้ The Publisher :…
หลังครม.มีมติรับหลักการทั้งร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร และการพนันออนไลน์ถูกกฎหมายไปเมื่อวันที่ 13 ม.ค.68 ล่าสุดมีรายงานว่า กรมการปกครอง เดินหน้ายกร่าง พ.ร.บ.การพนัน ฉบับใหม่ อ้างว่าเพื่อแก้ปัญหาพนันออนไลน์ที่กำลังระบาดหนัก พร้อมกำหนดบทลงโทษที่รุนแรงขึ้น หลังกฎหมายเดิมล้าสมัย โดยอยู่ระหว่างรับฟังความเห็น ปูทางสู่การบังคับใช้ ฟังดูดีแต่เมื่อไปดูไส้ในจะพบว่าเปิดช่องให้ “พนันออนไลน์” ถูกกฎหมาย มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การพนันออนไลน์ทุกประเภทเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เว้นแต่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง โดยบรรจุรายชื่อการพนันไว้ในบัญชี ก. และบัญชี ข. เช่นเดียวกับกฎหมายเดิม ขีดเส้นที่คำว่า “เว้นแต่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง แสดงว่าการขออนุญาตทำพนันออนไลน์ถูกกฎหมายได้ แม้ในร่างกฎหมายดังกล่าวจะมีการเพิ่มบทลงโทษทั้งผู้เล่น ผู้จัดให้มีการเล่น และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ให้มีความรุนแรงและเหมาะสมกับความผิดมากขึ้น แต่ถ้าการพนันนั้นได้รับการอนุญาตบทลงโทษเหล่านี้ก็ไร้ความหมาย
พล.ท. ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาฯ สภาความมั่นคงแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ The Publisher ผ่านรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ดำเนินรายการโดย “สมจิตต์ นวเครือสุนทร” ถึงกรณีการตัดไฟฟ้าที่จ่ายไปยังประเทศเมียนมา เพื่อสกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่า สภาความมั่นคงแห่งชาติต้องเป็นเจ้าภาพ เพราะในสภาความมั่นคงแห่งชาติมีหน่วยงานด้่านความมั่นคงอยู่ครบถ้วน โดยประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ จะหยิบยกขึ้นมาเพื่อเรียกประชุมด่วน มีมติเรื่องนี้ก็ได้ และทันทีที่มีมติก็แจ้งไปที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคก็จะดำเนินการตัดไฟฟ้าได้ทันที เพราะเรื่องนี้ชัดเจนว่ากระทบความมั่นคงประเทศ และในสัญญาระบุไว้อยู่แล้วว่าเราสามารถตัดไฟฟ้าได้ “เรื่องนี้เป็นเรื่องระดับนโยบายเพราะไฟฟ้าที่ขายไปมีความถูกต้องชอบธรรม แต่สถานการณ์มันเปลี่ยนแปลงไปจากธุรกิจสีขาวกลายเป็นเทาและดำ ถ้าจะให้การไฟฟ้าฯ ตัดไฟฟ้า ก็ต้องมีหนังสืออย่างเป็นทางการไป เพื่อให้ใช้เป็นเหตุผลในการแจ้งคู่สัญญา ระดับนโยบายทั้งนายกฯ หรือ นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ดูแลความมั่นคง ควรเร่งดำเนินการเพื่อจบปัญหาโดยเร็ว แต่ที่ยังล่าช้ากันอยู่อาจเป็นเพราะนายกฯ เพิ่งเข้ามายังหันรีหันขวาง ขาดประสบการณ์ ดังนั้นสภาความมั่นคงฯ อาจเสนอไปก็ได้ จะได้รีบแก้ไข เพราะตอนนี้ภูมิภาคอาเซียนถูกมองว่าเป็นแหล่งอาชญากรรมข้ามชาติรวมถึงไทยด้วย ซึ่งส่งผลกระทบในหลายมิติ ทั้งเรื่องความมั่นคง และเศรษฐกิจ รวมถึงความเสี่ยงที่จะถูกลดอันดับสถานการณ์การค้ามนุษย์ ที่ปัจจุบันอยู่ในระดับ “Tier 2” ด้วย“ พล.ท.ภราดร กล่าว อดีตเลขาฯ สภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวด้วยว่า การที่ทางการจีนส่งนายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ มาประสานงานในประเทศไทย เป็นการสะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหา และน่าจะเป็นแรงกระตุ้นให้รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการแก้ปัญหานี้อย่างจริงจังด้วย ซึ่งปัญหาคอลเซ็นเตอร์ต้องยอมรับความจริงว่า จีนเทาเหล่านี้หนีออกมาจากประเทศจีนกระจัดกระจายไปอยู่ตามประเทศต่าง ๆ รวมถึงไทยด้วย จึงต้องแก้ปัญหาร่วมกันระหว่างประเทศ เพราะตอนนี้ภาพลักษณ์อาเซียนเสียหายไปหมดแล้ว เนื่องจากไม่ได้มีแค่เรื่องคอลเซ็นเตอร์ แต่ยังมีปัญหายาเสพติดร่วมด้วย ต้องกำหนดเป็นปฏิบัติการร่วมกัน “ที่จริงมันเป็นโอกาสนะ ที่จะแก้ปัญหาทั้งคอลเซ็นเตอร์และยาเสพติดไปพร้อม ๆ กัน เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ปัญหาของประเทศใดประเทศหนึ่ง อาเซียนต้องทำงานร่วมกับจีน ขณะที่รัฐบาลต้องมีนโยบายเร่งด่วนออกมา อีกปัญหาที่ต้องจัดการคู่ขนานไปด้วยคือ เจ้าหน้าที่นอกแถวที่แสวงหาประโยชน์จากธุรกิจสีเทา เพราะถ้าผู้บังคับใช้กฎหมายไม่มีธรรมาภิบาลหรือคอร์รัปชันปัญหาก็แก้ยาก เช่นเดียวกับการจะมีกาสิโน กฎหมายต้องเคร่งครัด เจ้าหน้าที่ต้องไม่ทุจริต เนื่องจากหากกำกับดูแลไม่ดี การพนันก็ไม่ต่างจากยาเสพติด ควบคุมไม่อยู่จะอันตรายมาก ไฟไหม้ยังเหลือที่ดิน แต่การพนันที่ดินก็ไม่เหลือ อย่าลืมว่าเราถูกตั้งข้อสังเกตจากกรณีชิงชิงด้วยว่า ที่ส่งตัวกลับจีนได้เร็ว เพราะเจ้าหน้าที่ของไทยไปมีความสัมพันธ์อะไรกับอาชญากรเหล่านี้หรือไม่“ เลขาฯ สภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าว
เรียกว่าปักหลักสู้ไม่ขอเป็นแพะหน่วยงานเดียว เมื่อการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ กฟภ.เปิดเอกสารที่อ้างว่าได้สอบถามความเห็น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วว่าตัดการขายไฟฟ้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชายแดนไทย-เมียนมาหรือไม่ แต่เงียบกริบไร้คำตอบ หนังสือดังกล่าวออกมาเผยแพร่หลังนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย บอกกระทรวงมหาดไทยเคยเสนอเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้ว แต่ไม่มีหน่วยงานไหนให้ความเห็นกลับมา ทั้งที่หลายหน่วยงานเคยรับรองบริษัทคู่สัญญาจากเมียนมาให้ กฟภ.ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าได้ โดย กฟภ.เคยทำเรื่องขอให้พิจารณาผลกระทบ และเตรียมความพร้อมหากระงับการให้บริการจำหน่ายไฟฟ้าข้ามพรมแดนผ่านหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม- สิงหาคม 2567 แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ รวมถึง กฟภ.ยังทำหนังสือถึงอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 7 สิงหาคม และ 17 ธันวาคม 2567 เรื่องขอให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการควบคุมกำกับดูแลการซื้อขายไฟฟ้า ณ จุดซื้อขายบริเวณบ้านก๊กโก่ อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง และ ณ จุดซื้อขายบริเวณสะพานมิตรภาพ และบ้านเมืองแดง อ.แม่สาย จ.เชียงราย-อ.ท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน สาธารณรัฐแห่งสภาพเมียนมา และเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2568 ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.), เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรื่องขอให้ตรวจสอบบริษัทผู้ขอซื้อไฟฟ้า และกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัท โดยมีประเด็นเกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ายาเสพติด และกระบวนการฟอกเงินของผู้ได้รับสัมปทาน รวมถึงประเด็นความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของประเทศ แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ
หลังเกิดการโยนกันไปมาหาเจ้าภาพที่จะสั่งการให้ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตัดไฟฟ้าที่ส่งไปยังประเทศเมียนมา ซึ่งกลายฐานที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ได้ กระทั่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานด้านความมั่นคงแจ้งมาให้ชัดว่าการจ่ายไฟฟ้าดังกล่าวกระทบความมั่นคงประเทศหรือไม่ จึงจะนำไปสู่การตัดไฟฟ้าได้ The Publisher ค้นข้อมูลพบว่าในรัฐบาลเศรษฐา มีมติครม. ที่ระบุชัดว่าหน่วยงานไหนต้องดำเนินการในเรื่องนี้ คือ มติครม.เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 เรื่อง การแก้ปัญหาอาชญากรรมที่ตั้งบริเวณชายแดน มีเนื้อหา ดังนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๒ เมษายน ๒๕๖๗) กำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะกองบัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเร่งบูรณาการการปฏิบัติงานตามหน้าที่และอำนาจร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน เช่น การพนันออนไลน์ การหลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์ นั้น เนื่องจากผู้ก่อปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีดังกล่าว รวมถึงปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและอาชญากรรมจากการผลิตและลักลอบค้ายาเสพติด ส่วนหนึ่งมักตั้งฐานอยู่บริเวณชายแดนและใช้ทรัพยากรของไทย ทั้งไฟฟ้า น้ำประปา และการสื่อสารในการกระทำความผิด จึงขอให้กระทรวงมหาดไทย (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการประปาส่วนภูมิภาค) เร่งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการระงับการให้บริการสาธารณูปโภคข้ามพรมแดน รวมทั้งให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการด้านการสื่อสารดำเนินการควบคุมการให้บริการให้อยู่เฉพาะภายในพื้นที่อาณาเขตของประเทศไทยเท่านั้น โดยมิให้มีการปล่อยสัญญาณการสื่อสารข้ามแดนไปยังพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้านอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมดังกล่าวข้างต้นเกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นต่อไป จะเห็นได้ว่ามติครม.ชัดเจนแล้วให้กระทรวงมหาดไทย กฟภ.และกปภ. เร่งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการระงับการให้บริการสาธารณูปโภคข้ามพรมแดน รวมทั้งให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการด้านการสื่อสารดำเนินการควบคุมการให้บริการให้อยู่เฉพาะภายในพื้นที่อาณาเขตของประเทศไทยเท่านั้น โดยมิให้มีการปล่อยสัญญาณการสื่อสารข้ามแดนไปยังพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้านอย่างเคร่งครัด แบบนี้แล้ว “เสี่ยหนู อนุทิน” ยังคิดว่าไม่ใช่หน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยอยู่หรือเปล่า ?
สำนักงาน ก.พ. เปิดรับสมัครสอบ ก.พ. 68 ภาค ก. รอบ Paper & Pencil เพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไป โดยมีรายละเอียดดังนี้: จำนวนที่นั่งสอบ: 450,000 ที่นั่งศูนย์สอบ: 14 ศูนย์วันเปิดรับสมัคร: 30 ม.ค. 68 เวลา 08.30 น. จนกว่าจะเต็ม (หากที่นั่งไม่เต็มจะปิดรับสมัครวันที่ 20 ก.พ. 68)ประกาศรายชื่อผู้สมัครสอบ: 19 มี.ค. 68ประกาศวัน, เวลา, สถานที่สอบ: 26 มิ.ย. 68สอบข้อเขียน: 3 ส.ค. 68ประกาศผลผู้สอบผ่าน: 9 ต.ค. 68 ขั้นตอนการสมัครสอบ:เข้าเว็บไซต์ https://job3.ocsc.go.thเลือกศูนย์สอบ อัปโหลดรูปถ่าย และพิมพ์แบบฟอร์มชำระเงินชำระเงินค่าธรรมเนียมสอบภายในเวลา 22.00 น. ของวันถัดไปหากต้องการเปลี่ยนรูปถ่ายให้ยื่นคำร้องระหว่าง 24 ก.พ. – 3 มี.ค. 68ตรวจสอบรายชื่อผู้สมัครสอบและวันสอบภายในวันที่ 19 มี.ค. และ 26 มิ.ย. 68 ตามลำดับ สิ่งที่ต้องเตรียม:บัตรประจำตัวประชาชนไฟล์รูปถ่ายหน้าตรงตามข้อกำหนดข้อมูลส่วนตัวและรหัสผ่านสอบผ่านสามารถเป็นข้าราชการได้ในปี 2568!
เป็นคดีที่สร้างความฮือฮาในปี 2566 ที่ไม่เพียงกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นมือยิงถูกวิสามัญฯ และถูกดำเนินคดี รวมถึงตำรวจที่อยู่ในงานเลี้ยงเท่านั้น ยังรวมถึงการขยายผลไปถึงคดีทุจริตการประมูล การจัดซื้อจัดจ้างของเครือข่ายกำนันนกในจังหวัดนครปฐมด้วย โดยวันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ นำตัวนายประวีณ จันทร์คล้าย อายุ 37 ปีหรือกำนันนก ออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมายังศาลอาญาเพื่อฟังคำพิพากษา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและจ้างวานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พยายามฆ่าผู้อื่นตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 โดยศาลพิพากษาว่า กำนันนกเป็นผู้ใช้ให้ฆ่าผู้อื่นกระทำความผิดตามฟ้อง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานฆ่าอื่น ซึ่งเป็นบทที่หนักที่สุด แต่ในระหว่างพิจารณาคดีจำเลยได้เยียวยาโจทย์ร่วมทั้ง 5 คน จนถอนคำร้อง มีเหตุ บรรเทาโทษ คงเหลือโทษจำคุกตลอดชีวิต และให้นับโทษต่อจากคดีที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ตัดสินจำคุกไปแล้วก่อนหน้านี้ คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2566 โดย พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรแบงค์ สว.ทล.1 กก.2 บช.ก. ถูกยิงเสียชีวิตภายในงานเลี้ยงที่บ้านของนายประวีณฯ หรือกํานันนก หลังจากเกิดเหตุ มีกลุ่มบุคคลที่ให้การช่วยเหลือนายธนัญชัยฯ หรือ หน่อง ผู้ก่อเหตุหลบหนี จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการวิสามัญนายธนัญชัยฯ เนื่องจากยิงต่อสู้ขณะที่ถูกติดตามจับกุม เสียชีวิตในเวลาต่อมา และกำนันนกฯ ได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ตรวจสอบกรณีไข้หวัดใหญ่ระบาดในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เมื่อเดือนเมษายน 2567 ซึ่งมีผู้ต้องขังติดเชื้อกว่า 3,000 คน และเสียชีวิต 2 คน โดยชี้แจงว่า เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ได้ดำเนินการควบคุมโรคและรักษาผู้ต้องขังอย่างเต็มความสามารถ ภายใต้ข้อจำกัดที่มี และไม่ได้ละเลยการเยียวยาผู้เสียชีวิต จึงยังไม่พบการละเมิดสิทธิมนุษยชน อย่างไรก็ตาม กสม. มีข้อเสนอแนะไปยัง กรมราชทัณฑ์ และ กระทรวงสาธารณสุข ให้ร่วมกันพัฒนาระบบการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อในเรือนจำ เช่น จัดหาชุดตรวจ วัคซีน และหน้ากากอนามัยให้เพียงพอ อบรมเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับโรคติดเชื้อ และกำชับให้บันทึกข้อมูลผู้ป่วยอย่างละเอียด นอกจากนี้ ยังแนะนำให้กรมราชทัณฑ์ ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาให้เงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตตามสิทธิ รวมถึงแจ้งสิทธิและให้ความช่วยเหลือผู้ต้องขังหรือทายาทในการเข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ด้วย
ช่วงปลายปีที่ผ่านมา นายทักษิณ ชินวัตร บิดา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ประกาศทลายรังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ราบคาบภายในปี 2568 ให้ข้อมูลละเอียดยิบรู้หมดตั้งอยู่ที่ไหน อาคารเป็นอย่างไร แถมขู่ว่าถ้าประเทศเพื่อนบ้านจัดการไม่ได้จะส่งคนไปจัดการเอง แต่ล่าสุดเขายอมรับว่า ”การปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต้องอาศัยประเทศจีนช่วยด้วย” เป็นการตอบคำถามของนายทักษิณ หลังนายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน และคณะ เดินทางมาประชุมกับเจ้าหน้าที่ไทย เรื่องการปราบปรามกระบวนการคอลเซ็นเตอร์ โดยระบุว่า มีโอกาสพูดคุยกับจีนอย่างไม่เป็นทางการอยู่บ่อยครั้ง จึงได้ฝากไปถึงผู้นำและผู้ใหญ่ในประเทศจีนว่า ปัญหาความร่วมมือในภูมิภาคก็ต้องอาศัยจีนช่วยเรื่องนี้ด้วย เพราะจีนมีอิทธิพลกับเมียนมาเยอะ และรัฐบาลทหารเมียนมาในวันนี้ก็ยังต้องพูดคุยกัน แต่เราไม่สามารถคุยโดยตรงได้มากนัก จึงต้องให้จีนช่วย เนื่องจากปัญหาการสู้รบในเมียนมายังไม่ยุติ “ปัญหา คือ คอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ข้างบ้าน แต่ใช้สื่อสารไทย ซึ่งเราได้เข้มงวดไปแล้วว่า ให้บริษัทสื่อสารทั้งหลาย อย่าขายซิมเป็นแสนซิม จะไปหวังรายได้ตรงนั้นไม่ได้ เพราะครั้งที่แล้วที่เราจับได้มีซิมเป็นแสน โดยได้เตือนบริษัทที่ทำธุรกิจด้านนี้แล้วว่า ขอให้ร่วมมือกัน เพื่อให้ปราบปรามได้เต็มที่ ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านในวันนี้ก็อยู่ในฐานะที่พอคุยกันได้มากขึ้น โดยเฉพาะทางเมียวดีที่มีรัฐบาลทหารชนกลุ่มน้อยดูแลอยู่ เราก็พยายามประสานกันไป บางทีเจ้าหน้าที่ไทยเรานี่แหละไม่เข้มแข็ง ปล่อยให้คนเข้าออกได้ง่ายเกินไปโดยไม่มีการตรวจ วันนี้เราพยายามหาทางแก้หลายอย่าง รวมทั้งเศรษฐกิจด้วย” นายทักษิณ ระบุ พร้อมยืนยันต้องมีการตัดไฟฟ้าและการสื่อสารควบคู่ไปด้วย ส่วนกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย บอกว่ายังดำเนินการไม่ได้ เพราะว่าเป็นสัญญาที่ถูกต้องนั้น นายทักษิณ กล่าวว่า สัญญาสามารถยกเลิกได้ ถ้าสัญญานั้นนำไปใช้ในสิ่งไม่ถูกต้อง
