Author: Writer Publisher

ดร.ประชา คุณธรรมดี กรรมการเจ้าหนี้ บมจ.การบินไทย เปิดเผยกับ The Publisher ผ่านรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ถึงผลการพิจารณาของศาลล้มละลายกลาง เกี่ยวกับการแก้ไขแผนฟื้นฟูของการบินไทย 3 ฉบับ ว่า ศาลฯ เริ่มพิจารณาจากคำร้องว่าการแก้ไขทั้ง 3 ฉบับ มีความจำเป็นหรือไม่ โดยฉบับแรกที่ขอลดมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (Par Value) เพื่อล้างผลขาดทุนสะสมหลักทรัพย์ที่มีประมาณ 60,000 ล้านบาท ศาลฯ เห็นว่าเป็นอำนาจผู้บริหารแผนฯ อยู่แล้ว ส่วนกรณีการขอพิจารณาชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟู โดยการบินไทยจะเสนอชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ก่อนกำหนด เป็นจำนวนเงินไม่น้อยกว่าจำนวนเงินปันผลที่จะมีการเสนอจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นในครั้งนั้น ๆ ศาลฯ ก็เห็นว่าเป็นอำนาจของผู้บริหารแผนฯ อยู่แล้ว ส่วนประเด็นที่ 3 ที่ขอเพิ่มผู้บริหารแผนฟื้นฟู 2 ราย ประกอบด้วย นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบาย และแผนการขนส่ง และจราจร กระทรวงคมนาคม และนายพลจักร นิ่มวัฒนา รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง ศาลฯ เห็นว่าไม่จำเป็น เนื่องจากผู้บริหารแผนฯ ที่มีอยู่สามคน ก็ทำงานได้อย่างดี ไม่ปรากฏมีข้อติดขัดใด ๆ “เมื่อพิจารณาว่าไม่จำเป็นต้องแก้ไขแผนทั้ง 3 ฉบับ ประเด็นที่สองเรื่องการจัดประชุมเจ้าหนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ก็ไม่ต้องพิจารณาต่อ โดยผลจากคำสั่งของศาลฯ จะทำให้ไม่มีการเพิ่มตัวแทนผู้บริหารแผนฯ จากภาครัฐเข้าไปอีกสองคน ตามที่เจ้าหนี้และหลายฝ่ายมีความกังวลว่า การเมืองจะเข้าไปแทรกแซงการบริหารของการบินไทย ผมคิดว่าเจ้าหนี้ก็พอใจ เพราะไม่มีผู้บริหารแผนฯ เพิ่ม น่าจะทำงานได้ดีและเร็วขึ้นด้วยซ้ำ และคิดว่าเมื่อออกจากแผนแล้วมีเงินจ่ายเจ้าหนี้ได้ก็เพียงพอ” ดร.ประชา กล่าวด้วยว่า การบริหารการบินไทยหลังจากนี้ขึ้นอยู่กับผู้บริหาร ซึ่งจะต้องเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้น โดยสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ที่มีความกังวลว่าการเมืองจะเข้ามาแทรกแซง ก็แสดงให้เห็นเป็นรูปธรรมแล้วจากการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่พลาดเป้าไปแม้จะไม่มาก แต่สะท้อนว่า ตลาดไม่รับกับเรื่องการแทรกแซงการบินไทย เพราะฉะนั้นในโอกาสที่มีคำสั่งศาลฯ แล้ว ก็ควรพัฒนาการบินไทยร่วมกัน เลือกผู้บริหารที่สอดคล้องกับการพัฒนาการบินไทย ทั้งภาครัฐ เจ้าหนี้และผู้ลงทุนทั่วไป จะทำให้การบินไทยรอด และรอดอย่างดีด้วย เพราะต่อจากนี้การบริหารจะเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการมีผู้บริหารตามสิทธิของการถือหุ้น ถ้าเราเห็นเป้าหมายร่วมกัน กระทรวงการคลังหรือภาครัฐ ต้องเห็นว่า จะต้องเลือกผู้บริหารที่สามรถนำพาการบินไทยไปตลอดรอดฝั่งได้ โดยหลังจากนี้น่าจะได้เห็นหน้าตาผู้บริหารได้อย่างเร็วในช่วงเดือนเมษายน จากนั้นออกจากแผนฟื้นฟูประมาณกันยายนหรือมิถุนายนเข้าสู่ระบบตลาด ที่เหลือจะเป็นเรื่องปัจจัยภายนอกมาเป็นตัวกำหนด ทั้งราคาน้ำมัน กลไกต่าง…

Read More

เป็นความเคลื่อนไหวของแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ กปปส.คปท.ศปปส. กองทัพธรรม และ นปช.ที่รวมตัวมากันครบครัน รวมถึงนักวิชาการที่เคยเคลื่อนไหว ได้นำมวลชนไปที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร เพื่อเร่งหาข้อเท็จจริงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร พักรักษาตัวบนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ 180 วันโดยไม่ได้อยู่ในเรือนจำระหว่างต้องโทษ นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการที่เคลื่อนไหวเรื่องนี้ และยื่นให้ ป.ป.ช.เดินหน้าสอบเรื่องนี้ เรียกร้องให้นางสาวแพทองธาร ใช้อำนาจนายกฯ สั่งทุกหน่วยงานตั้งแต่โรงพยาบาลตำรวจ เรือนจำ และกรมราชทัณฑ์ ให้ส่งหลักฐาน เวชระเบียน ให้กับ ป.ป.ช. แพทยสภา และศาล เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยบอกว่านางสาวแพทองธารต้องรู้หน้าที่ตัวเอง ทำหน้าที่เพื่อประชาชนโดยไม่มีพ่อมีแม่ ถ้าไม่ทำเจอข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต “คำว่านายกฯ ทรพี ไม่มีในพจนานุกรม มีแต่นายกฯ ทรยศประชาชน” นายแก้วสรร อติโพธิ กล่าวทิ้งท้าย ด้านนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี บอกถึงเวลาที่นายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ ต้องร่วมรับผิดชอบเรื่องนักโทษชั้น 14 เพราะขณะนี้นักโทษกำลังออกมาอาละวาดประเทศไทย ประชาขนต้องช่วยกันต้อนกลับเข้าคุก พร้อมระบุมีข้อมูลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญชี้ชัดว่ามีการสร้างละครชั้น 14 ไม่ว่าจะเป็นการส่งเวชระเบียนไม่ครบ และชัดเจนว่าอาการของนายทักษิณไม่วิกฤต ดังนั้นนายกฯ ต้องดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ไม่เช่นนั้นก็ควรลาออกไป ถึงช่วงนี้มวลชนตะโกนพร้อมกันให้ลาออก ลาออก ซึ่งนายแพทย์วรงค์บอกนี่เป็นเพียงเสียงเล็กๆ แต่ต่อไปถ้าไม่ดำเนินการเรื่องนี้ให้ชัดเจนขบวนการเรียกร้องให้ลาออกจะเพิ่มมากขึ้น.

Read More

หลัง “ทักษิณ ชินวัตร“ ปราศรัยที่จ.มหาสารคามเมื่อวันที่ 20 ม.ค.68 ระบุว่า ”…มีคนบอกว่าผมโกง โกงพ่อมึงสิ ผมเข้ามาการเมืองเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ตอนนั้นประกาศทรัพย์สิน ทั้งที่ ป.ป.ช.ไม่บังคับ ผมประกาศมีทรัพย์สินกว่า 6 หมื่นล้านบาท เพราะทำธุรกิจมา สร้างเนื้อสร้างตัวมา วันนี้โดนยึดทรัพย์ 46,000 ล้านบาท ยังไม่ร้องสักคำเลย คำก็โกง สองคำก็โกง ก็มึงตั้งคณะกรรมการเฮงซวยมาสอบกู…“ “คกก.เฮงซวย” ที่ ”ทักษิณ“ พูดถึงน่าจะหมายถึง คณธกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐหรือ คตส. ตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 30 ลงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2549 ซึ่งถือเป็นฐานการตรวจสอบที่นำไปสู่คดีความของทักษิณทั้ง 4 คดีที่เขาถูกศาลฯ สั่งจำคุก ทั้งที่ดินรัชดา 2 ปี (หนีจนคดีขาดอายุความ) หวยบนดิน 2 ปี ปล่อยกู้เมียนมา 3 ปี และ แก้ไขสัญญาสัมปทานเอื้อชินคอร์ปอีก 5 ปี โดยทุกคดีอัยการเป็นผู้ส่งฟ้อง นั่นหมายถึงว่ายังมีอัยการกลั่นกรองสำนวนจาก คตส.อีกชั้นหนึ่ง บางคดีที่เห็นไม่ตรงกัน คตส.ก็ส่งฟ้องเอง เพราะมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับ ป.ป.ช. เช่น คดีหวยบนดิน มากไปกว่านั้นคือทุกคดีผ่านการพิจารณาตัดสินจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่ง “ทักษิณ” ได้ใช้สิทธิสู้คดีอย่างเต็มที่ หนึ่งในนั้นคือการกล่าวหา ไม่ยอมรับการปฏิบัติหน้าที่ของ คตส. ซึ่งศาลฎีกาฯ ตีตกทั้งหมด เป็นการตอกย้ำว่า คตส. ทำงานภายใต้การรองรับของกฎหมาย แม้จะออกโดยประกาศ คปค.ฯ แต่กระบวนการยุติธรรมล้วนเดินหน้าตามครรลองมีอัยการตรวจสอบสำนวน และตัดสินโดยศาลฎีกาฯ ซึ่ง 4 คดีที่คตส.ยื่นฟ้อง มีหนึ่งคดีที่ศาลฎีกาฯ ยกฟ้อง คือ การจัดซื้อพันธุ์กล้ายางพารา 90 ล้านต้น ของกรมวิชาการเกษตร ส่วนคดีอื่น ๆ ที่ คตส.ดำเนินการจนหมดอายุการทำงานก็ส่งต่อไปให้ ป.ป.ช.เดินหน้าต่อ เมื่อไปถึงศาลฎีกาฯ ก็ถูกตัดสินลงโทษ…

Read More

หลังนายชํานาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงนามเพิกถอนการจดทะเบียนและนิติกรรมต่าง ๆ ในที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา เริ่มมีการพูดถึงการจ่ายเงินชดเชยให้ผู้ได้รับผลกระทบ โดยมีการระบุตัวเลขว่ากรมที่ดินอาจต้องจ่ายสูงถึง 7.7 พันล้านบาทขณะที่นายทักษิณ ชินวัตร บอก พร้อมรับทุกออปชัน ไม่ได้โกงวัด ซื้อมาโดยสุจริต ต้องมีการจ่ายเงินชดเชย เกิดคำถามว่า ใครควรเป็นคนจ่ายเงินชดเชย เหตุใดต้องเอาเงินภาษีประชาชนไปจ่ายจากการโกงที่ธรณีสงฆ์ไปเป็นของเอกชน ?หากไล่ไทม์ไลน์เหตุการณ์จะพบว่า ตัวละครสำคัญที่ทำให้ที่ธรณีสงฆ์ตกไปอยู่ในมือเอกชนคือ นายเสนาะ เทียนทอง ขณะดำรงตำแหน่งรมช.มหาดไทย ลงนาม ไม่อนุญาตให้ที่ดินกับวัดธรรมิการามวรวิหาร และให้เจ้าอาวาสโอนกรรมสิทธิให้มูลนิธิมหามกุฏฯ เพื่อทำประโยชน์ จากนั้นมีการจัดตั้งบ.อัลไพน์ ซึ่งมีภรรยาและน้องชายของนายเสนาะถือหุ้น ก่อนที่มูลนิธิมหามกุฏฯ จะขายที่ดินให้บริษัทดังกล่าว โดยทั้งหมดเกิดขึ้นในปี 2533 จากนั้นที่ดินถูกขายต่อไปให้ ”ทักษิณ“ ปี 2541 มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นเป็นชื่อ รปภ. แม่บ้าน คนขับรถของ ”ทักษิณ“ ช่วงปี 2543-2544 สื่อเริ่มขุดคุ้ยปมปัญหานี้ ปี 2544 กฤษฎีกายืนยันเป็นที่ธรณีสงฆ์ ปีเดียวกันมีการเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ถือหุ้นเป็นคุณหญิงพจมาน พิณทองธา และ แพทองธาร20 ธ.ค. 44 มีการสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนที่ดินทั้งสองแปลง จากนั้น 13 มี.ค.45 ”ยงยุทธ วิชัยดิษฐ“ ยกเลิกคำสั่งเพิกถอนที่ดินอัลไพน์ ซึ่งอยู่ในห้วงที่ ”ทักษิณ“ เป็นนายกฯ ต่อมาในปี 63 ศาลฯ สั่งจำคุก ”ยงยุทธ“ 2 ปี ใช้ดุลพินิจมิชอบ เอื้อเอกชนผ่านไป 23 ปี นับจากวันที่ ”ยงยุทธ“ ยกเลิกคำสั่งเพิกถอนที่ดินอัลไพน์ มาถึงปัจจุบัน 16 ม.ค.68 มีการยกเลิกคำสั่งของ ”ยงยุทธ“ คืนเป็นที่ธรณีสงฆ์ หากต้องมีการชดเชยเกิดขึ้นจริง และทักษิณอ้างว่าซื้อมาโดยสุจริต ต้องไปไล่ฟ้องกับผู้ขายคือ บ.อัลไพน์เดิมที่มีภรรยา น้องชาย นายเสนาะ นายชูชีพ หาญสวัสดิ์ และนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ถือหุ้นอยู่ ไม่ใช่ให้กรมที่ดินเอาเงินภาษีคนไทยไปจ่าย…

Read More

นายถาวร เสนเนียม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกมาจวกนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีเรียกร้องให้กรมที่ดินจ่ายค่าเสียหายจากกรณีการโอนที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ไม่ถูกต้อง เพราะการซื้อขายที่ดินดังกล่าวเป็นโมฆะ เนื่องจากเป็นที่ดินของวัดซึ่งไม่สามารถซื้อขายได้ โดยนายเสนาะ เทียนทอง และพวก ได้สมคบกันกระทำนิติกรรมที่ผิดกฎหมาย ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี จึงเข้าข่ายเป็นโมฆะกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150 “นายทักษิณไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย วัดต่างหากที่ต้องเรียกค่าเสียหาย เพราะนายทักษิณนำพื้นที่ไปแสวงหาผลประโยชน์” นายถาวร กล่าว พร้อมย้ำว่า หากเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนรู้เห็นในการทุจริต ก็ต้องรับผิดชอบในทางส่วนตัว ต่อให้นายทักษิณ เรียกร้องค่าเสียหายเป็นหมื่นล้าน ก็ต้องไปพิสูจน์ความเสียหายในชั้นศาล พร้อมท้าทายว่า “แค่นี้ยังไม่เพียงพออีกหรือ ยังจะข่มขู่เอากับรัฐไทย” ส่วนกรณีที่กรมที่ดินประเมินค่าเสียหายไว้ที่ 7.7 พันล้านบาทนั้น นายถาวร ชี้ว่า หากอธิบดีกรมที่ดิน จ่ายเงินดังกล่าวก็จะถือว่ามีความผิด ต้องติดคุก เพราะเป็นการใช้งบประมาณแผ่นดินโดยมิชอบ “ถ้าตั้งงบประมาณแผ่นดินไปจ่ายเรื่องนี้ ก็ติดคุกกันทั้งสภา” นายถาวร กล่าวทิ้งท้าย

Read More

วันนี้ (21 ม.ค.68) ศาลล้มละลายกลาง นัดฟังคำสั่งการแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หลังเกิดปัญหาเจ้าหนี้การบินไทย 8 ราย ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาว่า กระทรวงการคลังมีสิทธิร่วมโหวตการแก้ไขแผนดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจากเห็นว่าพ้นสภาพความเป็นเจ้าหนี้ไปแล้วจากการแปลงหนี้เป็นทุน แต่กลับมีหนังสือไปถึงกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ให้ชะลอการจะทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้ว เพื่อไม่ให้เสียสิทธิในการลงมติออกเสียงในการประชุมเจ้าหนี้เมื่อวีนที่ 29 พ.ย.67 เนื่องจากต้องการผลักดันให้มีการเพิ่มผู้บริหารแผนจากภาครัฐอีกสองคน และชนะไปแบบฉิวเฉียด ทั้งนี้ หากศาลฯ ชี้ว่ากระทรวงการคลังไม่มีสิทธิโหวต เจ้าหนี้จะต้องนัดประชุมเพื่อลงมติใหม่ และมีความเป็นไปได้สูงที่วาระเพิ่มผู้บริหารแผนจากภาครัฐสองคนจะไม่ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุม ซึ่งจะช่วยสกัดไม่ให้การเมืองเข้าไปแทรกแซงการบริหารของการบินไทย

Read More

จากดรามานักร้องดัง “แสตมป์ อภิวัชร์” กับปัญหาโลกใบที่ 2 ที่พาดพิงไปถึงภรรยา ครอบครัวคู่กรณี รวมไปถึงศิลปินวงอื่น ๆ เรียกว่าปั่นป่วนวงการ เรียกกระแสความสนใจจากสังคม ทำเอาคนตั้งตารอเสพข่าวนี้ขอบตาดำไปตามๆ กัน กระทั่งข้อเท็จจริงเริ่มออกมาจากปากคำของบุคคลที่เกี่ยวข้อง จนเจ้าตัวจึงต้องออกมาขอโทษกับเรื่องที่พูดไม่ครบถ้วน ทำให้หลายฝ่ายเสียหาย พร้อมยอมรับเคยมีความสัมพันธ์กับคู่กรณีในอดีตจริง และได้จบไปแล้ว และ “ปัญหาทั้งหมดจะไม่เกิดขึ้นถ้าเจ้าตัวซื่อสัตย์กับภรรยาตั้งแต่ต้น” หลังออกมาขอโทษดูเหมือนทุกฝ่ายจะเบาลง เมื่อฝ่ายคู่กรณีก็ยกเลิกการแถลงข่าวตอบโต้ “แสตมป์”บอกไม่ติดใจแล้ว แต่เมื่อถอดรหัสกรณีนี้ เราจะพบปมที่ซ่อนไว้ในสังคมไทยมาเนิ่นนาน นั่นคือกรณีโลกใบที่ 2 ที่นำไปสู่การฟ้องชู้ วันนี้ The Publisher ได้พูดคุยกับคุณธนวดี ท่าจีน ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อนหญิง The Publisher : เรื่องนี้บอกอะไรเกี่ยวกับความเป็นผู้ชาย ผู้หญิง เมื่อคนทั้งคู่นอกใจ? ธนวดี ท่าจีน : สะท้อนให้เห็นถึงความไม่ซื่อสัตย์กับคนในครอบครัว รู้อยู่แล้วแต่ยังไปมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่น ในแง่นี้ผิดทั้งจริยธรรมและทางกฎหมาย ผิดเต็มๆอยู่แล้ว ในเรื่องนี้ ภรรยาตามกฎหมายมีสิทธิ์ที่จะฟ้องหย่าได้ ในขณะเดียวกันภรรยาก็มีสิทธิฟ้องฝ่ายหญิง และเรียกร้องค่าเสียหายได้เช่นกัน หรือ ถ้า ผู้หญิงอีกฝ่ายก็รู้ว่าเขามีภรรยาแล้ว และยังติดต่อสัมพันธ์ ก็ถือว่า ผู้หญิงก็พลาดด้วยเช่นกัน The Publisher : กรณีนี้บอกอะไรกับสังคมไทย? ธนวดี ท่าจีน : ตบมือข้างเดียวไม่ดัง มีภรรยาแล้วก็ต้องรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ เมื่อตัดสินใจมีครอบครัวแล้ว ต้องมีความรับผิดชอบ เรื่องการนอกใจเป็นความรุนแรงทางจิตใจต่อผู้หญิง ย่อมมีผลต่ออารมณ์ความรู้สึก ทำร้ายความรู้สึกของอีกฝ่าย เป็นความรุนแรงทางด้านจิตใจ ทำให้ขาดความมั่นใจในชีวิตคู่ เป็นความรู้สึกที่กัดกร่อนความสัมพันธ์ ทำให้ครอบครัวไม่มีความสุข ไม่ว่าจะฝ่ายหญิงหรือฝ่ายชายหากไม่มีความรับผิดชอบซื่อสัตย์ ในเรื่องนี้ก็ย่อมมีปัญหาเข้ามาแน่นอน การมีหญิงอื่น ถือว่าในทางสากล ได้วิเคราะห์จากข้อมูลองค์กรผู้หญิงทั่วโลก การนอกใจ เป็นความรุนแรงทางจิตใจ ที่รุนแรงมากที่สุด ทางร่างกายรักษาสักพักอาจจะหายได้ แต่ทางจิตใจมันกัดกร่อนความรู้สึกของบุคคลที่ถุกกระทำ และกินเวลายาวนานมาก แผลใจรักษายากกว่า แผลกาย The Publisher : ถือว่าเป็นความไม่เท่าเทียมระหว่างเพศหรือไม่? ธนวดี ท่าจีน : ภาพรวม ขึ้นอยู่กับ โอกาส และความเข้มแข็งทางจิตใจ…

Read More

“มีคนบอกว่าผมโกง โกงพ่อมึงสิ ผมเข้าการเมืองมาเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ตอนนั้นประกาศทรัพย์สินทั้งที่ ป.ป.ช. ไม่บังคับ ผมประกาศมีทรัพย์สินกว่า 6 หมื่นล้านบาท เพราะทำธุรกิจมา สร้างเนื้อสร้างตัวมา วันนี้โดนยึดไป 46,000 ล้านบาท ยังไม่ร้องสักคำเลย คำก็โกง สองคำก็โกง ก็มึงตั้งคณะกรรมการเฮงซวยมาสอบกู ตอนที่กูรวย มึงยังเพิ่งขอตังค์พ่อใช้อยู่เลย” เป็นส่วนหนึ่งในคำปราศรัยวันนี้ (20 ม.ค.68) ของนายทักษิณ ชินวัตร บิดา น.ส.แพทองธาร นายกฯ ที่โรงฝึกกีฬาอเนกประสงค์ สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตมหาสารคาม อ.เมือง จ.มหาสารคาม โดยส่วนใหญ่ในการปราศรัยเน้นไปที่ความสำเร็จของพรรคไทยรักไทยในอดีต แต่ทุกอย่างชะงักงันไปหลังจากเขาต้องไปอยู่ต่างประเทศ 17 ปีอ้างว่าเพราะถูกคณะปฏิวัติไล่ แต่ในความเป็นจริงหลังการรัฐประหารปี 2549 เมื่อพรรคพลังประชาชนได้อำนาจ นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกฯ “ทักษิณ” ได้กลับประเทศไทยในปี 2551 ก่อนจะหนีคดีที่ดินรัชดาไปต่างประเทศอีกครั้งและกลับประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ในคำปราศรัยของ “ทักษิณ” ยังใช้คำพูดดุเดือดว่า “วันนี้ผมกลับมาแล้ว ต้องเอาความมั่งคั่งของคนไทยกลับคืนมาให้ได้ จากไป 17 ปี ไอ้พวกปฏิวัติไล่ผมไป นึกว่าจะทำให้บ้านเมืองดีขึ้น แต่กลับแย่ลงและเกิดควายโผล่มาหลายตัว ควายเขาเก คอยไล่ขวิดอยู่เรื่อย จะทำเรื่องใหม่ ๆ ก็มีคนคัดค้านมาก อย่างพวกขาประจำแค่หายใจก็ผิด ผมเข้าการเมืองมาเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ตอนนั้นประกาศทรัพย์สินทั้งที่ ป.ป.ช. ไม่บังคับ ผมประกาศมีทรัพย์สินกว่า 6 หมื่นล้านบาท เพราะทำธุรกิจมา สร้างเนื้อสร้างตัวมา วันนี้โดนยึดไป 46,000 ล้านบาท ยังไม่ร้องสักคำเลย คำก็โกง สองคำก็โกง ก็มึงตั้งคณะกรรมการเฮงซวยมาสอบกู ตอนที่กูรวย มึงยังเพิ่งขอตังค์พ่อใช้อยู่เลย” สำหรับ “ทักษิณ” ถูกศาลฎีกาฯ ตัดสินจำคุก 3 คดี คือ คดีสั่งการให้เอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้เมียนมา 3 ปี, คดีหวยบนดิน…

Read More

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่กังวลใด ๆ หลังนายชํานาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงนามเพิกถอนการจดทะเบียนและนิติกรรมต่าง ๆ ในที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่าน โดยบอกว่ากันตามกติกา ว่ากันตามกฎหมาย ซึ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบก็มีสิทธิที่จะฟ้องร้องตามกฎหมาย เมื่อถามเรื่องค่าชดเชยจากการประเมิน 7.7 พันล้านบาท ซึ่งหากกรมที่ดินไม่สามารถจ่ายได้ ต้องไปของบกลางกลายเป็นอัฐยายซื้อขนมยายหรือไม่ นายทักษิณบอกคงไม่ใช่อัฐยายไม่ซื้อขนมยาย เพราะอัฐรัฐบาลก็คืออัฐรัฐบาล อัฐเอกชนก็คืออัฐเอกชน อยู่ที่ใครเป็นผู้รับโอน ถ้ากรมที่ดินเป็นผู้รับโอน ก็ต้องถูกตั้งข้อหาตั้งแต่ต้นว่า การโอนที่มิชอบเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ถ้าเป็นเรื่องของวัดที่ได้รับคืนไป วัดก็ต้องคิดว่า วัดจะรับทรัพย์สินไปขายต่อ หรือวัดจะให้เช่า เพื่อเป็นการชดเชยความเสียหาย ทั้งนี้ นายทักษิณบอกไม่มีปัญหาใดๆ ไม่ว่าจะออกมาอย่างไร ทางอัลไพน์รับได้ทุกสถานการณ์ เพราะถือว่าได้มาโดยสุจริต ไม่ได้เป็นผู้ได้มือแรก เป็นผู้ได้มือที่สอง บางคนก็หาว่าไปโกงวัดมา ซึ่งไม่ใช่ ไม่รู้เรื่อง ไปซื้อมาทีหลัง. ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/

Read More

เหมือนจะปิดฉากอย่างสมบูรณ์เมื่อที่ดินอัลไพน์ กลับสู่การเป็นที่ธรณีสงฆ์ตามเจตจำนงค์ของยายเนื่อม ชำนาญชาติศักดา แต่ก็ยังไม่ง่ายนัก เมื่อรัฐถูกเรียกชดเชยความเสียหาย 7 พัน 7 ร้อยล้านบาท วันนี้ The Publisher จะย้อนปมเรื่องนี้ตั้งแต่เริ่มต้น และที่นำไปสู่ข้อสงสัยขบวนการฮุบที่ธรณีสงฆ์ และการใช้นอมินีเข้าถือหุ้นบริษัทและสนามกอล์ฟจนกระทั่งทุกวันนี้ เริ่มจาก ยายเนื่อม ชำนาญศักดา ทำพินัยกรรมยกที่ดิน 2 แปลง ให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหาร ต่อมามูลนิธิมหามงกุฎฯ ในฐานะผู้จัดการมรดกโอนที่ดิน 2 แปลงเป็นของมูลนิธิมหามงกุฎฯ ก่อนขายให้กับบริษัท อัลไพน์ฯ 15 ก.พ. 2532 กรมที่ดินเสนอปลัด มท.ลงนามที่ดิน 2 แปลง 924 ไร่เป็นที่ธรณีสงฆ์ 23 ก.พ. 2532 ปลัด มท.เสนอ รมว.มท.ลงนามอนุมัติ 12 ก.พ. 2533 นายเสนาะ เทียนทอง รมช.มท.สั่งการไม่อนุญาตให้วัดธรรมิการามฯ ได้มาซึ่งที่ดิน และให้เจ้าอาวาสดำเนินการโอนกรรมสิทธิให้มูลนิธิมหามกุฏฯ เพื่อทำประโยชน์ 19 ก.พ. 2533 จัดตั้งบริษัท อัลไพน์เรียลเอสเตท จำกัด มีภรรยา-น้องชายนายเสนาะเป็นผู้ถือหุ้น 6 มี.ค. 2533 เรื่องอนุญาตให้ได้มาซึ่งที่ดินสูญหาย ทำให้คำสั่งนายเสนาะถูกนำมาอ้างอิง นำไปสู่การ ซื้อขาย 31 ส.ค. 2533 มูลนิธิมหามกุฏฯ ขายที่ให้บริษัทอัลไพน์ฯ 142 ล้านบาท ก่อนบริษัทนำไปจำนอง 220 ล้านบาทได้กำไร 78 ล้านบาทภายในวันเดียว 22 ธ.ค. 2536 นำที่ดินจำนองต่อได้เงิน 425 ล้านบาท เท่ากับกำไร 283 ล้านบาท 20 ก.ย. 2541 เปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นบริษัทอัลไพน์ฯ เป็น รปภ.แม่บ้าน และคนขับรถ “ทักษิณ” 7 ธ.ค. 2543 สื่อฯ รายงาน…

Read More