- Original
- Urban Culture
- Writer
- About us
- คุยกับสส
- The Persona
- Brief
- Thai Treasure
- Urban life
- On this day
- News
- Home
- Editir pick
- Good
- Persona
- Persona
- Urban
- Business
- Politics
- Playlist
- Home
- People Voice
- Culture
- นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
- Urban Wealth
- Law
- Update
- I’m Youth Ranger
- Urban History
- Issues
- Check
Subscribe to Updates
Get the latest creative news from FooBar about art, design and business.
Author: Writer Publisher
สวยสมมง ! 👑 เปิดประวัติ “ขวัญ” ชรัญญา เพชรสุวรรณนาคะ ผู้ดำรงตำแหน่ง นางสาวไทย จันทบุรี ปี 2568 นางงามน้องใหม่ แต่ความสามารถไม่ธรรมดา เพื่อยกระดับเวทีนางสาวไทย มาพร้อมกับความสวยสง่า โดดเด่น ทรงคุณค่า สตรอง ทั้งสติปัญญา ที่เป็นเอกลักษณ์ ✨ เยาวชนผู้ขับเคลื่อนและสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคม เป็นเวลา กว่า 8 ปี มีเยาวชนในโครงการร่วมหมื่น ทั้งด้านศาสนา สังคม และปัจจุบันได้มีส่วนผลักดัน ส่งเสริมท้องถิ่นให้กับประเทศ กับโปรเจกต์ที่เป็นเครือข่ายเยาวชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย “SEED Thailand” รวมถึงได้คัดเลือกให้ได้ไปสานสัมพันธ์ไทย-จีน ที่มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศจีน ขวัญ ชรัญญา เป็นผู้นำเยาวชนจิตอาสา Lc.1 ได้เป็นตัวแทน 1 ใน 12 คน จากทั้งแผ่นดิน ถวายรายงานเบื้องหน้าพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเบื้องหน้าสมเด็จพระราชินีสุทิดา จบการศึกษา Communication Arts สาขา Broadcasting มหาวิทยาลัยกรุงเทพและ ได้รับคัดเลือกให้ได้เป็น “ผู้นำเชียร์ลีดเดอร์ แห่งมหาวิทยาลัยกรุงเทพ” ขวัญ เป็นทั้งพิธีกร วิทยากร และนักกิจกรรมต่างๆเคยผ่าน“งานระดับประเทศ”มากมาย และปัจจุบันยังดำรงตำแหน่งอีกหลายตำแหน่ง รวมทั้งงานด้าน 3 สถาบันหลักของชาติ อาทิ ◾ ดำรงค์ตำแหน่งคณะทำงานเยาวชนคนต้นคิดเพื่อสังคมแห่งประเทศไทย◾ เป็นผู้ประกาศข่าว◾ เป็นพิธีกร/วิทยากรพิเศษ วิทยากรรับเชิญ ของหน่วยงานภาครัฐ เช่น วปอ. (STAR STEMS) กองทัพอากาศ สภากาชาดไทย รัฐสภา ททบ.5 กองทัพบก สถาบันพลังจิตตานุภาพ งานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และอื่น ๆ อีกหลายผลงาน ◾ ในเรื่องของ Social ผู้บริหารของเพจแรงใจ (ที่คอยช่วยเหลือผู้คนลำบากในสังคมทางออนไลน์ในเพจ) มียอดผู้ติดตามกว่า 260,000 ติดตาม ผู้หญิงที่ทรงพลังคนนี้ ยังทำงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังความสำเร็จอีกหลายอย่างมากมาย ที่คุณคาดไม่ถึง สามารถติดตามเธอต่อได้ใน “นางสาวไทย…
สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า นายยุน ซอก-ยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ออกมาแก้ต่างเกี่ยวกับการประกาศกฎอัยการศึกเป็นเวลาสั้นๆ และแสดงสัญญาณว่าจะไม่ลาออกจากตำแหน่งผู้นำประเทศ ผ่านการแถลงข่าวทางโทรทัศน์ โดยเขาอ้างความชอบธรรมในการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าเป็น “การกระทำทางรัฐบาล” (act of governing) ที่มิควรถูกตัดสินด้วยกฎหมาย โดยเขาพยายามปกป้องประชาธิปไตยเสรี และระเบียบตามรัฐธรรมนูญ เพื่อต่อต้าน “เผด็จการรัฐสภา” ของฝ่ายค้านที่ครองเสียงข้างมาก ซึ่งก่อความรุนแรงทางนิติบัญญัติด้วยเสียงข้างมาก ยุน ยังกล่าวหาว่าฝ่ายค้านวางกรอบข้อหาก่อกบฏ และทำให้กิจการรัฐหยุดชะงักด้วยการใช้วิธีการถอดถอนโดยมิชอบ โดยเขาจะเผชิญหน้ากับการถอดถอนหรือสอบสวนอย่างมั่นใจ ขณะที่ ฮัน ดง-ฮุน หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล เรียกร้องให้สนับสนุนการถอดถอนประธานาธิบดียุน เป็นจุดยืนของพรรคฯ จากก่อนหน้านี้เคยเรียกร้องให้ลงคะแนนถอดถอนด้วย “ความเชื่อมั่น” ของตัวเอง การเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาของพรรคครั้งใหม่นี้ เกิดขึ้นหลังประธานาธิบดียุนกล่าวปราศรัยทางโทรทัศน์ต่อประชาชนทั่วประเทศเพื่ออ้างความเป็นธรรมของการตัดสินใจประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งสร้างกระแสขัดแย้งครั้งใหญ่หลวง ก่อนหน้านี้พรรคพลังประชาชนเคยปฏิเสธสนับสนุนการถอดถอนประธานาธิบดียุน เนื่องจากคาดหวังว่ายุนจะลาออกจากตำแหน่งด้วยตัวเอง แต่ฮันเผยว่าความพยายามโน้มน้าวยุนให้ลาออกนั้นไม่ประสบผลสำเร็จ ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/
ใกล้ช่วงปีใหม่ทีไร นอกจากผู้คนต่างก็ตั้งตารอคอยการได้เดินทางกลับเกิดแล้ว “โบนัส” ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ผู้ใช้แรงงานต่างก็คาดหวังกันอย่างใจจดใจจ่อ ล่าสุด เพจ ‘ที่นี่อมตะนครชลบุรี’ โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพยอดรวมโบนัสของโรงงาน “สยามเด็นโซ่” หรือ บริษัท สยาม เด็นโซ่ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด บริษัทผู้ผลิตระบบคอมมอนเรล ที่เป็นอุปกรณ์หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแรงดันสูง และผลิตหัวฉีดแก๊สโซลีน ที่จัดให้พนักงานจุก ๆ ส่งท้ายปีใหม่ 7.6 เดือน บวกเงินพิเศษเพิ่มอีก 29,000 บาท เท่านั้นยังไม่พอ ขึ้นเงินเดือนให้อีก 5.02 เปอร์เซ็นต์ เป็นการจัดหนักจัดเต็มเพื่อพนักงานได้อย่างสาสมกับความตั้งใจทำงานมาตลอดทั้งปี ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/
การแถลงผลงานครบรอบสามเดือน ควบคู่ไปกับการประกาศนโยบาย “กินได้” เป็นวิสัยทัศน์บริหารประเทศในปี 2568 ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ภายใต้ชื่อ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” เรียกว่าไร้เรื่องเซอร์ไพรส์ โดยเฉพาะตัวนโยบายที่จะทำในปีหน้า ภาษาวัยรุ่นอาจบอกว่า “เบ ๆ ” ไม่สมราคาคุยที่ฉายภาพไว้ใหญ่ชวนให้คนติดตาม สาระสำคัญไม่มีอะไรมากเน้นย้ำการสานต่อนโยบายจากรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน และเดินหน้าแก้ปัญหาประเทศอย่างมั่นคง เธอบอกว่า 90 วันที่ผ่านมา รัฐบาลมุ่งปรับตัว ปรับการทำงานเพื่อตอบโจทย์ประชาชน พร้อมย้ำว่าปี 2568 จะเป็นปีแห่งโอกาสที่จับต้องได้ สร้างผลงานเป็นรูปธรรม และ “ทำให้นโยบายกินได้” สำหรับปัญหาเร่งด่วน นายกฯ ให้ความสำคัญกับปัญหาน้ำท่วม-ภัยแล้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคเหนือและภาคใต้ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมใหญ่ ซึ่งรัฐบาลได้เร่งเยียวยา และมุ่งมั่นแก้ปัญหาอย่างบูรณาการ โดย◾ เปลี่ยนวิธีคิดทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน◾ บริหารจัดการน้ำ แก้ปัญหาน้ำท่วม และมีน้ำใช้เพียงพอในช่วงหน้าแล้ง◾ เจรจาต่างประเทศ เน้นความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน◾ แก้กฎหมาย เปิดทางให้ประชาชนขุดลอกคูคลอง ขายดิน สร้างอาชีพ สร้างรายได้◾ โครงการฟลัดเวย์: มอบหมาย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ศึกษาความเป็นไปได้◾ นำธุรกิจใต้ดินขึ้นมาบนดิน : มูลค่าสูง 49 % ของ GDP กลายเป็นช่องทางของมาเฟีย-คอร์รัปชัน เพราะรัฐมองไม่เห็น ถ้านำมาไว้บนดินใช้กฎหมายควบคุม มอบ 2 รองนายกฯ อนุทินและประเสริฐ ดูแล◾ มอบ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ-รมว.พลังงาน ดูโครงสร้างค่าไฟและพลังงานลดภาระประชาชน◾ มุ่งแก้ปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง ให้ประชาชนแจ้งเบาะแสตรงถึงนายกฯ◾ เร่งแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 สานนโยบายเดิมรัฐบาลเศรษฐา ไม่รรับซื้อสินค้าเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้านที่มาจากการเผาพื้นที่การเกษตร◾ ปลดล็อกการผูกขาดให้ประชาชนส่งออกข้าวได้ ไม่ต้องหาที่เก็บข้าวขนาด 500 ตัน◾ เปิดพื้นที่ธุรกิจสุราพื้นบ้าน มอบ พิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ-รมว.คลัง ผลักดันให้รัฐวิสาหกิจชุมชนดำเนินการ◾ เดินหน้าโครงการ 1 อำเภอ 1…
หลังตั้งป้อมกันมานาน สุดท้ายพรรคพลังประชารัฐปีก บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ต้องตัดใจตัดเสียง 20 สส.ปีกผู้กอง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกไป เหตุที่ต้องยอมตัดใจแบบขาดทุน เสียงหายไปถึงครุึ่ง และอีกครึ่งไม่รู้ว่ากับการเลือกตั้งคราวหน้าจะได้กลับมาหรือไม่ เรื่องนี้มันอาจต้องจำใจ และเข้าใจ โดยวันนี้ (12 ธ.ค.67) จะมีพิธีกรรมขอมติที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค และ สส.พรรค 3 ใน 4 เพื่อให้ 20 สส.พ้นสมาชิกพรรค ปล่อยเป็นอิสระให้ไปหาสังกัดใหม่ภายใน 60 วัน ซึ่งพรรคกล้าธรรม ของ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่ตั้งท่าไว้รอมา 3 เดือนก็อ้าแขนรับเข้าสังกัดแบบพอดิบพอดี หลายเป็นพรรคที่มี สส.24 ที่นั่งหลังมีมาสังกัดก่อนแล้ว 4 คน ทำไมถึงลงล็อกลงตัวกันแบบง่าย ๆ หากดูข้ออ้างนายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคที่ว่ามันตรงกับไทม์ไลน์พอดี และเมื่ออุดมการณ์ไม่ตรงกันก็ต้องจากกันด้วยดี ซึ่งคำอธิบายนี้ก็ฟังได้ระดับหนึ่ง แต่หากมองถึงผลที่ได้รับ ดูเหมือนพลังประชารัฐจะเสียมากกว่าได้ จึงสงสัยกันว่ามีอะไรที่มากกว่า เช่น มีข้อตกลงเรื่องคดีคนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร ที่กำลังถูกคนของ ร.อ.ธรรมนัสไล่บี้ตรวจสอบเกี่ยวข้องคดีรุกที่ ส.ป.ก.ไร่ภูนับดาวหรือไม่ และยิ่งวันนี้เดิมนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ประธานคณะตรวจสอบและพิจารณาความผิดเกี่ยวกับผู้ได้รับการจัดที่ดิน และผู้ถือครองที่ดินโดยมิชอบในเขตปฏิรูปที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คนของผู้กองธรรมนัส นัดหมายควงบิ๊กเต่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.น.และตัวแทน ส.ป.ก. ป.ป.ท. ป.ป.ช. และ ปทส.ลงพื้นที่ตรวจสอบไร่ภูนับดาว ซึ่งเคยพบเส้นเงินโยงถึงหวานใจบิ๊กการเมืองด้วย แต่ล่าสุดนายธนดลอ้าง รมช.เกษตรฯ อิทธิ ศิริลัทธยากร สั่งไม่ให้ลงพื้นที่ เกรงเกิดประเด็นไปกลั่นแกล้งหรือข้อครหาทางการเมือง คนก็สงสัยทำไมจู่ ๆ เบรกตัวเองแบบกระทันหันเสียอย่างงั้น ปล่อยบิ๊กเต่า ลุยต่อกับเจ้าหน้าที่หน่วยอื่นๆ แทน ทั้งสองเหตุการณ์ได้ตั้งข้อสงสัยว่าการตรวจสอบเรื่องรุกป่า รุกที่ ส.ป.ก.จากเรื่องปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซ่อนแฝงแรงกดดันทางการเมืองหรือไม่ อย่างใน 36 กลยุทธ์ท่านบอกไว้ว่าเมื่อฝ่ายตรงข้ามรักษาพื้นที่แน่นหนา ไม่สามารถบุกตีได้โดยตรง ก็ต้องใช้วิธีลอบตีในเขตแดนที่ไม่ทันคาดคิดหรือวางแนวป้องกันไว้ เรื่องนี้ต้องรอดูท่าทีกันต่อไปว่า จะเป็นแบบนี้หรือไม่…
พรุ่งนี้ 12 ธันวาคม 2567 วันที่นายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” จะแถลงผลงาน 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งนายกฯ คุณหนูจะผ่านโปรหรือไม่? วันนี้เราคุยกับ รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐศาสตร์ นิด้า จะว่าอย่างไร… ไปดูว่า นายกฯ คุณหนู สอบผ่านหรือไม่ The Publisher: วิเคราะห์สามเดือนของคุณแพทองธารมีอะไรให้แถลงเป็นผลงานบ้าง? รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต: สามเดือนถ้าให้คาดการณ์สิ่งที่นายกแพทองธารยกแถลงขึ้นมาเป็นผลงาน ชิ้นแรกแล้วคิดว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง ก็น่าจะเป็นแจกเงิน 10,000 บาท ให้กับประชาชนรวมทั้งแผนที่จะแจกต่อไปในอนาคตด้วยนอกจากนั้นเรื่องอื่นที่เค้าอาจจะหยิบยกมาก็ อย่างเช่น เรื่องที่เขาแก้กฎหมายแก้ระเบียบให้ แจกเงินกับผู้ประสบภัย อันนั้นก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาอุทกภัยภาคเหนือ ถ้าเป็นกฎหมายผมคิดว่าที่เขาจะหยิบยกขึ้นมาอาจจะเป็นเรื่องสมรสเท่าเทียมจะหยิบยกมาเป็นประเด็นได้เหมือนกัน รวมทั้งซอฟพาวเวอร์ที่มีการผลักดันงบประมาณไปร่วม 5 พันล้าน เรื่องแจกเงิน 10,000 บาท เป็นเรื่องที่ดัดแปลงมาจากเงินดิจิตอลที่ใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงที่แจกกลุ่มเป้าหมายไป 14.5 ล้าน ซึ่งเป็นการแจกเงินที่ต่ำกว่าเป้าหมายจากตอนแรก 40-50,000,000 ดูเหมือนว่าจะแจกพร้อมกันครั้งเดียวไปเลย คราวนี้แจกทีละส่วน ตอนนี้ทำไปแค่ 1 ใน 3 ของกลุ่มเป้าหมาย เพราะงั้นเรียกได้ว่ายังไม่บรรลุเป้า งานนี้ไม่ได้เป็นงานที่เพิ่งเกิดขึ้น 3 เดือนในรัฐบาลแพทองธาร ต้องนับตั้งแต่รัฐบาลคุณเศรษฐา เกือบ 2 ปี แจกได้ประมาณ 1 ใน 3 แต่ว่าห่างเป้าไปค่อนข้างจะเยอะทีเดียว ถ้าเป็นคะแนนในเรื่องของประสิทธิภาพก็ถือว่าประสิทธิภาพค่อนข้างต่ำ ถ้าให้คะแนนแบบตัดเกรดก็ได้ 3 เต็ม 10 เพราะว่าทำได้ประมาณ 1 ใน 3 ในเรื่องอื่น ๆ ซอฟพาวเวอร์ก็ไม่มีอะไรที่โดดเด่น ถ้าเห็นก็เห็นแต่เรื่องของหมูเด้ง แต่ว่าเรื่องหมูเด้งก็ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลมันก็เป็นเรื่องความน่ารักของสัตว์แล้วก็ฝีมือของคนเลี้ยงในการส่งเสริมให้เกิดกิจการการท่องเที่ยวคึกคักขึ้นมาโดยเฉพาะการท่องเที่ยวในเรื่องของประเภทการท่องเที่ยวแบบมนุษย์สร้างขึ้น ก็คือสวนสัตว์ เรียกได้ว่าเป็นการดึงดูดคนเข้ามาให้คนรู้จักประเทศไทย แล้วก็เข้ามาประเทศไทย แต่ว่าอันนั้นก็ไม่ได้อยู่ในแผนต่าง ๆ ของรัฐบาลถ้าเกิดเค้ามีแผน อันนี้แนะนำไปเผื่อจะไปทำเพิ่ม เช่น การฝึกทักษะของคนเลี้ยง ความเชี่ยวชาญ มุ่งแสวงหาหยิบเอาความน่ารักของสัตว์มาขาย ดังนั้น ก็อาจจะเป็นแนวที่เค้าทำต่อไปได้ถ้าเขาเห็นว่าตรงนี้เป็นจุดขายในอนาคต…
ย้อนไปเมื่อ 24 ก.พ. 2565 ที่ แตงโม นิดา นักแสดงสาวชื่อดังพลัดตกจากเรือสปีดโบ๊ตในแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งในเรือมีผู้โดยสารลงลำเดียวกันรวมถึงผู้จัดการของ แตงโม นิดา ด้วย สร้างข้อสงสัยเป็นอย่างมากจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ว่าแท้จริงแล้ว แตงโม ตกน้ำได้อย่างไร? เหล่าแฟนๆ ครอบครัว และคนสนิทของเธอต่างก็ภาวนาขอให้มีปราฏิหาร ขอให้พบเธอโดยที่ยังมีลมหายใจอยู่ แต่ปราฏิหารก็ไม่เกิดขึ้น… เมื่อ 26 เม.ย. ก็ได้มีการแถลงสรุปปิดคดีการเสียชีวิตของ แตงโม นิดา ว่าเป็นการเสียชีวิตจากการ “ขาดอากาศหายใจจากการจมน้ำ” และร่องรอยบาดแผลตามลำตัวกว่า 26 แผล นั้น คาดว่าเกิดจากใบพัดเรือซึ่งเกิดก่อนการเสียชีวิตทั้งหมด หลังจากนั้นก็มีการสู้คดีกันเรื่อยมาระหว่าง คุณแม่ ของแตงโม นิดา และคนที่อยู่บนเรือเรื่อยมา เหตุผลที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล รื้อคดีนี้ขึ้นมาพูดในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” นั้น เพราะรู้จักกับพ่อของแตงโม ภัทรธิดา มานาน และเห็นแตงโมมาตั้งแต่เล็ก รักเหมือนหลานคนหนึ่ง และเมื่อ 2 ปี 9 เดือนที่แล้วยังได้ตั้งข้อสังเกตคดีนี้ว่ามีสิ่งผิดปกติมากมาย แต่เหมือนพยายามเร่งรีบปิดคดี และจ่ายเงินเยียวยาเพื่อใหจบลงที่ตกน้ำเสียชีวิต กระทั่งล่าสุดมีนายแพทย์ท่านหนึ่งงัดหลักฐานสำคัญเกี่ยวกับเงื่อนงำการเสียชีวิต นายสนธิตั้งข้อสังเกตตั้งแต่คดีนี้มี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะนั้นลงมาคุมคดีด้วยตนเอง และมีความพยายามทำคดีไปในทิศทางให้เป็นเหตุไปปัสสาวะ และตกน้ำเสียชีวิต จากนั้นแม่แตงโมก็ออกมาเรียกค่าเสียหาย และคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ยินดีจ่ายสุดท้ายตำรวจก็ปิดคดีจบที่แตงโมตกน้ำ ในรายการ นายสนธิยังพูดถึงหลักฐานที่แพทย์คนหนึ่งนำมาเปิดเผยคือ ในคืนเกิดเหตุจากการตรวจสอบจีพีเอสเรือที่แตงโมนั่งนั้น มีเรืออีกลำ และสกู๊ตเตอร์ 4 ลำประกบและนำทางเขาจึงตั้งข้อสังเกตว่าจะพาแตงโมไปพบนุคคลสำคัญจึงมีเรือและสกู๊ตเตอร์นำไปและเมื่อแตงโมปฏิเสธจึงถูกฆาตกรรมและอำพรางคดี โดยชี้บาดแผลต้นขาแตงโม แพทย์คนนั้นยืนยันเป็นรอยถูกมีดแทงและดึงออกมา ไม่ใช่ใบพัดเรืออีกด้วย นายสนธิบอกด้วยว่าที่เชื่อข้อมูลว่าเป็นเหตุฆาตกรรมอำพราง เพราะตนเองมีสัญชาติญาณพิเศษ และรู้ว่าดวงวิญญาณแตงโมไม่ได้ไปไหน ยังวนเวียนด้วยความแค้นคนกลุ่มหนึ่งที่ทำร้ายเธอ ซึ่งเชื่อว่าวันหนึ่งความจริงจะปรากฎ และสัญชาติญาณไม่เคยผิด เมื่อวานนี้ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ภาพ-ข้อความเรื่อง คืนความเป็นธรรมให้แตงโม โดยนำพันเอกนายแพทย์ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎ ให้ความรู้และชี้แจงหลักฐานที่ทำให้เห็นว่า แตงโมไม่ได้เสียชีวิตจากการไปปัสสาวะแล้วตกน้ำที่ท้ายเรือ และบรรยายว่า… 1. บาดแผลบนต้นขาขวาเกิดขึ้น “บนบก”ไม่ใช่ในน้ำ 2. ลักษณะบาดแผลเหมือนเป็นรอยมีด ไม่ใช่ใบพัดเรือ 3.…
หลังมีความพยายามจาก สส.เพื่อไทย นำโดยนายประยุทธ ศิริพานิช เสนอร่างพ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม มีเนื้อหาสาระเปลี่ยนแแปลงเชิงโครงสร้างอำนาจของกองทัพ เปิดช่องให้การเมืองเข้าไปล้วงลูกแต่งตั้งโยกย้ายนายพล ไปจนถึงการสกัดรัฐประหาร ห้ามใช้กำลังทหารเพื่อกระทำการมิชอบ อาทิ การยึดอำนาจจากรัฐบาล ก่อกบฏ กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองเกิดข้อถกเถียงออกเป็นสองมุม มุมหนึ่งเห็นว่าควรมีกฎหมายแบบนี้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ต่อต้านการรัฐประหาร อีกมุมบอกไม่มีประโยชน์ เพราะเมื่อรัฐประหารสำเร็จก็ฉีกรัฐธรรมนูญ มีอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ คลอดรัฐธรรมนูญใหม่ รวมถึงคำสั่งของคณะรัฐประหารก็ถือเป็นกฎหมาย ดีที่สุดจึงควรขจัดเงื่อนไขจากฝ่ายการเมือง ไม่ให้เกิดข้ออ้างในการทำรัฐประหารได้ หากเราย้อนดูการทำรัฐประหารในปี 2534,2549 และ 2557 จะเห็นได้ว่ามีจุดร่วมสำคัญคือ การทุจริตของนักการเมือง ดังข้อมูลด้านล่างพ.ศ. 2534🟥 เงื่อนไข:◾ ความขัดแย้งภายในกองทัพ มีการแบ่งเป็นสายทหารบูรพาพยัคฆ์และสายทหารม้า◾ ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ กับกองทัพ เนื่องจากการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับสูง◾ ข้อกล่าวหาเรื่องคอร์รัปชันของรัฐบาล “บุฟเฟต์คาบิเนต”🟥 ข้ออ้าง: คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) อ้างว่ารัฐบาลมีการทุจริตคอร์รัปชันอย่างกว้างขวาง บ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ และไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้🟥 ผลลัพธ์: รสช. ยึดอำนาจ จัดตั้งรัฐบาลขึ้นใหม่ และมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พ.ศ. 2549🟥 เงื่อนไข:◾ ความขัดแย้งทางการเมืองรุนแรง มีการชุมนุมประท้วงรัฐบาลนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร โดยกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย◾ ข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน การใช้อำนาจในทางมิชอบ และการแทรกแซงสื่อมวลชนของรัฐบาล◾ ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับสถาบันกษัตริย์🟥 ข้ออ้าง: คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) อ้างว่ารัฐบาลมีการทุจริตคอร์รัปชัน ใช้อำนาจในทางมิชอบ ละเมิดสิทธิมนุษยชน และบ่อนทำลายสถาบันกษัตริย์🟥 ผลลัพธ์: คปค. ยึดอำนาจ จัดตั้งรัฐบาลขึ้นใหม่ และมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พ.ศ. 2557🟥 เงื่อนไข:◾ ความขัดแย้งทางการเมืองรุนแรง มีการชุมนุมประท้วงรัฐบาลนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยกลุ่ม กปปส.◾ ข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันในโครงการรับจำนำข้าว, พยายามออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอยช่วยทักษิณ◾ เกิดวิกฤตการเมืองจนรัฐบาลบริหารประเทศไม่ได้◾ รัฐบาลในขณะนั้นไม่ยอมลาออก นำไปสู่การยึดอำนาจ🟥 ข้ออ้าง: คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อ้างว่าเกิดความวุ่นวายทางการเมือง มีการใช้ความรุนแรง และรัฐบาลไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้🟥 ผลลัพธ์: คสช. ยึดอำนาจ จัดตั้งรัฐบาลขึ้นใหม่ และมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สรุปการรัฐประหารทั้ง 3…
รองศาสตราจารย์ ยืน ภู่วรวรรณ นักวิชาการชื่อดังและนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาวิทยาศาสตร์กายภาพและคณิตศาสตร์ ได้โพสต์ Facebook “ยืน ภู่วรวรรณ” เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ(8/12/2567) มีข้อความดังต่อไปนี้ เอเลี่ยนคางดำ บุกสวนที่สวนมีแหล่งน้ำเป็นสระ และคูคลอง สามแห่ง ที่ไม่เชื่อมต่อถึงกัน หาปลามาปล่อย หลากหลายสายพันธุ์ ปลานิล ตะเพียน ปลาสลิด แรด นวลจันทร์ ยี่สกเทศ สวาย ผ่านมาหลายปี ไม่เคยจับ ให้เค้าอยู่ออกลูกหลานต่อไป ส่วนใหญ่ที่ซื้อมาปล่อยเป็นปลากินพืช รวมที่ปล่อยเมื่อเริ่มหลายปีแล้ว กว่าหมื่นตัว แต่ละแหล่งน้ำ มีชนิดปลาไม่เหมือนกัน คราวนี้อยากย้ายปลาบางชนิดมาเพื่อให้กระจายพันธุ์ต่อไปในสามแหล่งน้ำที่มี เลยให้คนมาทอดแห เพื่อจับปล่อยเพื่อเกลี่ยให้มีทุกสายพันธุ์ที่ปล่อยน่าประหลาดใจ พบเอเลี่ยน ปลาหมอคางดำในสระหนึ่ง สองตัว จากประชากรปลาที่จับขึ้นมาเกือบพันตัว ในภาพเปรียบเทียบกับปลานิล เอเลี่ยนมาได้ไง น่าประหลาดใจมาก สิ่งที่สังเกตคือสระที่พบ อยู่ไม่ห่างจากคลองชลประทาน แต่ก็ไม่ได้ใช้น้ำจากคลองชลประทาน น่าจะมีบางโอกาสที่ฝนตกหนัก น้ำอาจมีการไหลถึงกันโดยที่เราไม่รู้ เอเลี่ยนคางดำน่าจะบุกมาช่วงนั้น แสดงว่า เอเลี่ยนบุกไปได้ จึงยากที่จะกำจัด เพราะถ้าไม่ทอดแหจับดู ก็จะไม่รู้ว่ามีเอเลี่ยน เชื่อว่ากระจายไปทั่ว นครปฐม คงหนีไม่พ้น สำหรับที่สวน ไม่รู้จะทำอย่างไร เป็นพื้นที่ปิด ก็คงต้องปล่อยตามธรรมชาติ เพราะเลี้ยงปลาให้อยู่แบบธรรมชาติอยู่แล้ว
หลังนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม ออกมาระบุว่า การเสนอร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ไม่ใช่จุดยืนของพรรคเพื่อไทยแต่เป็นเรื่องส่วนตัวของ สส. The Publisher ได้สอบถามไปยังนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นผู้นำทีม เสนอร่างกฎหมายฉบับนี้ เขายอมรับว่าเป็นจุดยืนส่วนตัวจริง แต่จะได้นำร่างกฎหมายเข้าสู่ที่ประชุมพรรคเพื่อไทยในวันที่ 12 ธันวาคม 2567 เพื่อให้พรรคมีมติ โดยพร้อมที่จะยุติ หากมติพรรคไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายดังกล่าว “ผมไม่ได้พร้อมถอย เพราะมีจุดยืนอุดมการณ์ อยากผลักดันให้มีกฎหมายมารองรับการสกัดการรัฐประหาร แม้จะมีเสียงคัดค้านว่าในทางปฏิบัติทำไม่ได้จริง แต่อยากให้ดูเกาหลีใต้ เมื่อมีกฎหมายรองรับว่าสภาสามารถยับยั้งกฎอัยการศึกได้ ก็เกิดปรากฏการณ์คว่ำกฎอัยการศึกจากสภา นี่คือข้อดีของการมีกฎหมายที่ชัดเจน แต่ถ้ามติไปไม่ได้ ผมจะทำแบบโดดเดี่ยวโดยไม่ฟังก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน”