- Original
- Urban Culture
- Writer
- About us
- คุยกับสส
- The Persona
- Brief
- Thai Treasure
- Urban life
- On this day
- News
- Home
- Editir pick
- Good
- Persona
- Persona
- Urban
- Business
- Politics
- Playlist
- Home
- People Voice
- Culture
- นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
- Urban Wealth
- Law
- Update
- I’m Youth Ranger
- Urban History
- Issues
- Check
Subscribe to Updates
Get the latest creative news from FooBar about art, design and business.
Author: Writer Publisher
คำนูณ สิทธิสมาน อดีต ส.ว. แนะนักการเมืองไทยศึกษาข้อมูล ก่อนกล่าวอ้างว่ากัมพูชาไม่เคยอ้างสิทธิเหนือเกาะกูด ชี้มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์และเหตุการณ์หลายกรณีที่ยืนยันว่า กัมพูชาเคยพยายามอ้างสิทธิเหนือเกาะกูดจริง อาทิ บทความของ ดร.ประจิตต์ โรจนพฤกษ์ อดีตอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า กัมพูชาเคยอ้างสิทธิเหนือเกาะกูดโดยอาศัย “เส้นประ” ในแผนผังของหนังสือติดท้ายสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 ซึ่งเป็นเรื่องของการปักปันเขตแดนทางบก มาตีความเป็นเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเล นอกจากนี้ ยังมีเหตุการณ์จริงอีกหลายกรณีที่ยืนยันว่า กัมพูชาเคยพยายามอ้างสิทธิเหนือเกาะกูด เช่น ปี 2539: หนังสือพิมพ์รัศมีกัมพูชา ตีพิมพ์บทความบิดเบือนว่าเกาะกูดเป็นของกัมพูชา ก่อนปี 2544: เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกัมพูชากล่าวอ้างว่า อย่างน้อยกึ่งหนึ่งของเกาะกูดเป็นของกัมพูชา ปี 2544-2548: ระหว่างการเจรจาภายใต้ MOU 2544 เจ้าหน้าที่กัมพูชายังคงแสดงความเห็นในลักษณะที่อ้างสิทธิเหนือเกาะกูด ปี 2567: เพจข่าวพนมเปญโพสต์ ลงข่าวโดยใช้คำบรรยายภาพว่า “เกาะกูดเป็นเกาะที่ทั้งกัมพูชาและไทยต่างอ้างสิทธิ” “4 กรณี 4 ช่วงระยะเวลา ล้วนสะท้อนให้เห็นว่าจากอดีตถึงปัจจุบัน ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ สื่อ และประชาชนกัมพูชาทั่วไป ยังคงเชื่อว่าเกาะกูดเป็นของกัมพูชาไม่ทั้งหมดก็อย่างน้อยกึ่งหนึ่งนักการเมืองไทยอย่าทะลึ่งไปออกตัวแทนว่ากัมพูชาไม่เคยอ้างสิทธิเหนือเกาะกูดก็แล้วกัน” คำนูณ ยังเรียกร้องให้นักการเมืองไทย ศึกษาข้อมูลและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ให้รอบด้านก่อน เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดในเรื่องนี้ ติดตามอ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #เกาะกูด #พื้นที่ทับซ้อน #พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล #ไทยกัมพูชา #รัฐบาลแพทองธาร #MOU2544 ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/
สภาพัฒน์ เปิดเผยผลสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน (SES) ปี 2566 พบว่า ครัวเรือนไทยก่อหนี้นอกระบบสูงถึง 6.7 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่ (47.5%) ก่อหนี้เพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน สะท้อนให้เห็นปัญหาสภาพคล่องทางการเงินของครัวเรือนอย่างชัดเจน แม้จะรู้ว่าดอกเบี้ยสูงลิ่วถึง 20% ต่อเดือน หรือ 240% ต่อปี ก็ตาม ผลกระทบ ที่ตามมาคือ ลูกหนี้จำนวนมากต้อง ผิดนัดชำระหนี้ โดยเฉพาะสินเชื่อบ้านวงเงินต่ำกว่า 3 ล้านบาท เพื่อรักษาวงเงินบัตรเครดิตไว้ใช้จ่าย ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าครัวเรือนเหล่านี้ยังไม่ฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และกำลังจะกลายเป็น “หนี้เสีย” ในอนาคต รัฐบาล ได้ออกมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ เช่น การเปิดให้ลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ และการไกล่เกลี่ยหนี้ แต่ มาตรการเหล่านี้เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าสิ่งที่จำเป็น คือ มาตรการระยะยาว ที่มุ่งเน้นการ “เสริมสร้างศักยภาพ” ให้กับลูกหนี้นอกระบบ เช่น◾ พัฒนาทักษะอาชีพ เพื่อเพิ่มรายได้◾ ส่งเสริมการออม เพื่อลดรายจ่าย◾ ขยายโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อประกอบอาชีพ◾ ควบคุมการปล่อยกู้นอกระบบ อย่างเข้มงวด◾ ให้ความรู้ทางการเงินเพื่อให้ประชาชนรู้เท่าทันกลโกงของหนี้นอกระบบเป้าหมายสำคัญ คือ การเปลี่ยนสถานะจาก “การเป็นหนี้” ไปสู่ “การมีศักยภาพชำระหนี้” และ “หมดหนี้” ในที่สุด เพื่อให้คนตัวเล็กสามารถหลุดพ้นจาก “วังวนหนี้นอกระบบ” และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้อย่างยั่งยืน ไม่ใช่อยู่ในภาวะ “รอล้มละลาย” เหมือนที่เป็นอยู่ขณะนี้ และแน่นอนว่าการแก้ปัญหาไม่ใช่การแจกแหลกเช่นเดียวกัน
เป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ต หลังมีการเผยแพร่ภาพของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับการประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งนอกจากความเหมาะสมเรื่องสถานที่ที่ถึงจะเป็นการนัดประชุมสัญจรล่วงหน้า แต่เมื่อสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้หนักหนาสาหัส ชาวเน็ตบอกก็ควรพิจารณาเรื่องการประชุม เช่นย้ายสถานที่ หรือยกเลิกประชุมเพื่อลงพื้นที่ดูแลประชาชนให้ทันท่วงที แต่กลับปล่อยให้กำหนดการดำเนินต่อไป ทำให้ถูกมองว่าไม่ใส่ใจในปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากนี้ยังมีคนวิจารณ์เพิ่มขึ้นอีก เมื่อมีภาพที่ “อุ๊งอิ๊งค์” แพทองธาร พาสามีและลูกๆ ไปร่วมบรรยากาศ ครม.สัญจร และชอปปิ้งในบูทที่จัดไว้ต้อนรับรัฐมนตรี และคณะอีกด้วย จนชาวเน็ตมองถึงเรื่องความเหมาะสมอีกครั้ง หลังจากที่ “อุ๊งอิ๊งค์” เคยพาลูกวิ่งเล่นที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้าก่อนหน้านี้.
หลังลงพื้นที่ไปช่วย นายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ในนามพรรคเพื่อไทย หาเสียงเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 13-14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ล่าสุดนายทักษิณ ชินวัตร ที่ประกาศ “สทร.หรือเสือกทุกเรื่อง” มีกำหนดการเดินทางไป จ.อุบลราชธานี ในวันที่ 11 ธันวาคม โดยพรรคเพื่อไทยส่งนายกานต์ กัลป์ตินันท์ อดีตนายก อบจ.อุบลราชธานี ลงสมัครอีกสมัย แต่จะไม่มีการปราศรัยใหญ่เหมือนที่อุดรธานี โดยจะเดินทางไปพบปะและเยี่ยมเยียนแกนนำเขตเลือกตั้งระดับท้องถิ่นของ จ.อุบลฯ ที่บ้านพักของนายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ ส.ส.อุบลราชธานี เขต 1 พรรคเพื่อไทย เท่านั้น จากนั้นลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ บ้านเกิด ในวันที่ 23 ธันวาคม เพื่อช่วยผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ของพรรคเพื่อไทยหาเสียง และปิดท้ายช่วงปลายเดือนธันวาคม ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครนายก อบจ.หาเสียงที่ จ.ศรีสะเกษ เป็นคิวแน่น ๆ ทางการเมืองส่งท้ายปีของนายทักษิณทุ่มสุดตัวกับสนามเลือกตั้งนายกอบจ. ซึ่งกกต.กำหนดให้มีการเลือกตั้งทั่วประเทศในวันที่ 1 ก.พ.ปีหน้า. ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #เพื่อไทย #ทักษิณ #ทักษิณชินวัตร #สทร
พริษฐ์ วัชรสินธุ (ไอติม) โฆษกพรรคประชาชน โต้กลับ นิกร จำนง ผอ.พรรคชาติไทยพัฒนา หลังถูกกล่าวหาเป็นต้นเหตุทำให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ล่าช้า ยืนยันไม่ได้ขัดขวางกระบวนการใดๆ พร้อมแจงไทม์ไลน์ละเอียดยิบ ชี้ชัดความล่าช้าเกิดจากรัฐบาล จากกรณีที่คุณนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ในรายการ “เจาะลึกทั่วไทย” โดยกล่าวหาว่าเขา มีส่วนทำให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ล่าช้า ล่าสุดเจ้าตัวได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กชี้แจง 2 ประเด็นหลัก โดยยืนยันว่าไม่ได้เป็นต้นเหตุทำให้รัฐธรรมนูญใหม่ล่าช้า พร้อมระบุไทม์ไลน์การทำงานของรัฐบาลที่ทำให้เกิดความล่าช้า ดังนี้ ◾ ช่วง 3 เดือนแรก (ต.ค. – ธ.ค. 66) รัฐบาลตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติโดยไม่จำเป็น ทำให้เสียเวลาไป 3 เดือน◾ ช่วง 4 เดือนถัดมา (ม.ค. – เม.ย. 67) รัฐสภามีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งเป็นข้อเสนอของพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่พรรคก้าวไกล◾ พรรคเพื่อไทยและก้าวไกลยื่นร่างแก้ไข พ.ร.บ. ประชามติ ตั้งแต่ ก.พ. 67 แต่ ครม. กลับเพิ่งเสนอร่างของตัวเองในเดือน มิ.ย. 67 ทำให้เสียเวลาไปหลายเดือน “พริษฐ์” ยอมรับว่าความพยายามผลักดันประชามติ 2 ครั้งอาจไม่สำเร็จ แต่ยืนยันว่าไม่ได้ทำให้กระบวนการล่าช้ากว่าเดิม หากเดินหน้าตามแผนเดิม (ประชามติ 3 ครั้ง) พ.ร.บ. ประชามติ อาจถูกชะลอไป 6 เดือน ทำให้ประชามติครั้งแรกเกิดขึ้นไม่ทันปลายปี 2568 หากผลักดันประชามติ 2 ครั้งสำเร็จ จะประหยัดเวลาได้ 1 ปี แต่หากไม่สำเร็จก็ไม่ได้เสียเวลาเพิ่มเขาย้ำว่า การวิพากษ์วิจารณ์ควรอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง และยืนยันจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยเร็วที่สุด ตามที่เคยเป็นนโยบายของพรรคก้าวไกลและพรรคร่วมรัฐบาล
ตำรวจสืบสวนนครบาลรวบตัวนายวิรัช หรือตอง อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาลวงเด็กหญิงวัย 13 ปี ไปล่วงละเมิดทางเพศกว่า 7 วัน 7 คืน หลังก่อเหตุหลบหนีไปทำงานริมทะเลในจังหวัดระยอง อ้างไม่รู้ว่าเหยื่ออายุแค่ 13 แถมยังกล่าวหาว่าติดโรคหนองในจากเหยื่อ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากแม่ของเด็กหญิงวัย 13 ปี เข้าร้องเรียนว่าลูกสาวหายตัวไปนานกว่า 7 วัน ก่อนพบตัวถูกนายวิรัชล่อลวงไปข่มขืน โดยนายวิรัชรู้จักกับเด็กหญิงผ่านทางเฟซบุ๊ก ก่อนชักชวนไปเที่ยวแล้วพาไปก่อเหตุที่โรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมกับเพื่อนอีก 1 คน จากนั้นนายวิรัชได้พาเด็กหญิงไปกักขังไว้ที่บ้านพักในจังหวัดชลบุรี และข่มขืนซ้ำอีกเป็นเวลา 7 วัน หลังเกิดเหตุนายวิรัชได้หลบหนีไป ตำรวจสืบสวนนครบาลจึงแกะรอยติดตามตัว จนพบว่านายวิรัชหลบหนีไปทำงานอยู่ริมทะเลในอำเภอเมืองระยอง จึงนำกำลังเข้าจับกุมตัวได้ในที่สุด จากการสอบสวนนายวิรัชให้การรับสารภาพ แต่ อ้างว่าไม่รู้ว่าเด็กหญิงอายุเพียง 13 ปี คิดว่าอายุ 17-18 ปี และอ้างว่าตนเองติดโรคหนองในจากเด็กหญิงด้วย อย่างไรก็ตามตำรวจจะได้ดำเนินคดีกับนายวิรัชตามกฎหมายต่อไปพล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า คดีนี้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจพ่อแม่ผู้ปกครองให้ดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะภัยร้ายในโลกโซเชียล และหากพบเบาะแสการล่วงละเมิดเด็ก สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่เพจ สืบนครบาล IDMB ตลอด 24 ชั่วโมง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายวิรัชพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
การเปิดตัวสลาก N3 หรือสลากตัวเลขสามหลัก สร้างความฮือฮาในสังคมไทย ด้วยข้ออ้างของรัฐบาลว่า จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ปัญหาหวยใต้ดิน อย่างไรก็ตาม ผลการจำหน่ายงวดแรกๆ กลับไม่เป็นไปตามคาด ยอดขายสลาก N3 งวดที่สองลดลงอย่างน่าใจหาย แม้กระทั่งสลากดิจิทัลผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังก็ขายไม่หมดเป็นครั้งแรก สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่อาจซ่อนอยู่เบื้องหลังนโยบายนี้ จุดอ่อนที่อาจทำให้ N3 ไม่ใช่คำตอบ คือแรงจูงใจไม่เพียงพอ ซึ่งนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้ว่ารางวัลของสลาก N3 อาจไม่จูงใจ และยังขาดกลไกที่ดึงดูดใจผู้ซื้อ เช่น การจ่ายเงินแบบงวดชนงวด ซึ่งหวยใต้ดินมีข้อได้เปรียบในจุดนี้ นอกจากนี้เศรษฐกิจซบเซาโดยเฉพาะผลกระทบจากภัยน้ำท่วม ส่งผลต่อกำลังซื้อของประชาชน ทำให้หวย ซึ่งเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ได้รับผลกระทบไปด้วย ยิ่งได้จำหน่ายไปยิ่งชัดเจนว่าไม่สามารถแก้ปัญหาหวยใต้ดินได้ ซึ่ง ธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน เคยเตือนไว้ตั้งแต่มีแนวคิดจะออกสลาก N3 แล้วว่า ไม่สามารถแก้ปัญหาหวยใต้ดินได้ เพราะเจ้ามือหวยใต้ดินมีวิธีปรับตัว เช่น การขายหวยรัฐและหวยใต้ดินควบคู่กันไป หรือการออกแบบหวยใต้ดินรูปแบบใหม่ที่อ้างอิงผลสลาก N3 ขณะที่สลาก N3 มีจุดอ่อนของระบบจ่ายรางวัล แบบแปรผัน ทำให้ผู้เล่นไม่ทราบจำนวนเงินรางวัลที่แน่นอน ซึ่งต่างจากหวยใต้ดินที่กำหนดเงินรางวัลไว้ชัดเจน มีส่วนลดให้ด้วย ทำให้ N3 ขาดเสน่ห์ดึงดูดใจผู้เล่น และสุดท้ายกำลังจะจบลงที่การยกเลิกจำหน่ายสลาก N3 แต่สิ่งที่รัฐบาลไม่พูดถึงเลยคือ ผลกระทบที่อาจตามมาในทางสังคม ที่เคยมีการตั้งข้อสังเกตกันว่า การออกสลาก N3 อาจเป็นการเพิ่มช่องทางการพนัน ทำให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงการพนันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขายผ่านช่องทางออนไลน์ ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงการพนันได้ง่าย อาจนำมาซึ่งปัญหาสังคม เช่น หนี้สิน ความรุนแรงในครอบครัว และอาชญากรรม มีการทำวิจัยดูข้อมูลเชิงลึกหรือไม่ว่าผลจากการออกสลาก N3 ที่ผ่านมาแม้จะไม่ได้รับความนิยมเท่าที่คาดหวังไว้ แต่ทิ้งบาดแผลอะไรไว้ให้กับสังคมด้วยหรือไม่ ที่สำคัญมีใครต้องรับผิดชอบกับนโยบายที่คิดไม่ครบกำลังจะจบที่การยกเลิก เพราะแก้หวยใต้ดินไม่ได้ด้วยหรือไม่ รัฐบาลจะมีมาตรการอะไรในการปราบปรามหวยใต้ดิน ควบคู่ไปกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์สลากกินแบ่งรัฐบาลให้มีความน่าสนใจ โดยต้องไม่ลืมที่จะจำกัดการเข้าถึง ควบคุมการเข้าถึงการพนัน ในกลุ่มเด็กและเยาวชน ที่ต้องทำควบคูไปกับการส่งเสริมให้ความรู้เกี่ยวกับโทษภัยของการพนัน และส่งเสริมกิจกรรมที่สร้างสรรค์ เพื่อลดผลกระทบทางสังคมจากการพนัน ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/
นับเป็นอีกหนึ่งข่าวสยองขวัญที่เกิดขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย เมื่อญาติได้ออกตามหา “นายเปโก” ชายชาวนาวัย 30 ปี หลังจากที่เขาได้เข้าไปในสวนปาล์มแล้วหายตัวไปอย่างปริศนา ญาติ ๆ และชาวบ้านจึงรวมตัวกันเข้าไปในสวนปาล์มเพื่อออกตามหา ก็ต้องพบกับภาพเหตุการณ์สุดสยองที่ยากจะลืมเลือน เมื่อพบงูเหลือมขนาดยักษ์ ยาวกว่า 7 เมตร ลำตัวของมันมีขนาดใหญ่กว่าผิดปกติ นอนแผ่หลาอยู่กลางสวนปาล์ม ซึ่งคาดว่าสัตว์ร้ายตัวนี้ได้กลืนร่าง “มนุษย์” เข้าไป ชาวบ้านจึงชำแหละงูเหลือมตัวดังกล่าวด้วยการผ่าท้อง และก็เป็นไปตามคาด เมื่อเข้ากับพบร่างของเปโกอยู่ในท้องของงูเหลือมยักษ์ หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเข้ามาตรวจสอบ พบว่าชายคนนี้เสียชีวิตจากการถูกงูเหลือมรัดและกลืนลงท้อง จึงแจ้งข่าวไปยังครอบครัวของผู้เสียชีวิตแล้วมอบร่างเพื่อให้ทางครอบครัวนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป สำหรับ “งูเหลือม” ในประเทศอินโดนีเซีย นับว่าเป็นสัตว์ดุร้าย ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ป่าที่มีมากมันจึงเติบโตได้ดี สามารถออกล่าเหยื่อได้อย่างไม่เกรงกลัว ไม่ว่าจะสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ หรือแม้แต่มนุษย์ ซึ่งงูเหลือมยักษ์เหล่านี้โจมตีมนุษย์และเขมือบคนทั้งร่างไปแล้วหลายราย ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/
การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ยังคงเป็นประเด็นร้อนแรงทางการเมืองไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลักดันของพรรคเพื่อไทย ที่เคยให้สัญญากับประชาชนไว้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ทว่าเส้นทางการแก้ไขกลับเต็มไปด้วยอุปสรรค ทั้งปัญหาการทำประชามติ เกมการเมืองของพรรคต่างๆ และข้อครหาเรื่องการไม่ทำตามสัญญา ล่าสุด นายพริษฐ์ วัชรสินธุ จากพรรคประชาชน ได้เข้าพบประธานรัฐสภา เพื่อหารือถึงการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกครั้ง ประเด็นสำคัญในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ◾ ตั้งสสร.ร่างรธน.ใหม่ทั้งฉบับ◾ อำนาจองค์กรอิสระ: ลดทอนอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช. และ กกต.◾ ระบบเลือกตั้ง: เปลี่ยนกลับไปใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ◾ นายกรัฐมนตรีคนนอก: ตัดสิทธิ์บุคคลที่ไม่ได้เป็น ส.ส. เป็นนายกรัฐมนตรี ปัญหาและอุปสรรค◾ ความเห็นต่าง: พรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายค้าน และ ส.ว. มีความเห็นต่างในประเด็นการแก้ไข◾ การทำประชามติ: กฎหมายประชามติ สร้างเงื่อนไขที่ทำให้การผ่านประชามติทำได้ยาก◾ เกมการเมือง: มีการใช้ “เกมยื้อ” เพื่อประโยชน์ทางการเมือง◾ ข้อครหา “เพื่อไทยไม่ทำตามสัญญา”: ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่จริงใจในการแก้ไข และแก้ไขเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ความเคลื่อนไหวล่าสุด◾ พริษฐ์ วัชรสินธุ เข้าพบประธานรัฐสภา: เพื่อหารือการบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ให้มี ส.ส.ร. มายกร่าง รัฐธรรมนูญฉบับใหม่◾ ข้อถกเถียงเรื่องจำนวนครั้งการทำประชามติ: นายพริษฐ์ ยืนยันว่า ทำประชามติ 2 ครั้ง เพียงพอ โดยอ้างอิงคำวินิจฉัยส่วนตัวของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และข้อมูลจากการเข้าพบประธานศาลรัฐธรรมนูญ◾ ความเห็นของเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร: พร้อมนำข้อมูลใหม่ไปพิจารณา และอาจเรียกนายพริษฐ์ มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม◾ เป้าหมายรัฐธรรมนูญใหม่ก่อนเลือกตั้งครั้งหน้า: นายพริษฐ์ ย้ำว่า รัฐบาลเคยสัญญาไว้ และ การลดจำนวนครั้งการทำประชามติ เป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ทัน
หมอบุญ วนาสิน อดีตประธานกรรมการบริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG ผู้ซึ่งเคยเป็นที่เคารพนับถือในฐานะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ กลับตกเป็นข่าวอื้อฉาวในคดีฉ้อโกงประชาชน หลอกลวงให้ร่วมลงทุนในโครงการต่างๆ สร้างความเสียหายมูลค่ามหาศาล คดีนี้สะท้อนให้เห็น “จุดบอด” สำคัญในสังคมไทย นั่นคือ ความเชื่อที่ว่า “เรียนสูง ร่ำรวย = คนดี” ความเป็นมาของคดี◾ ต้นปี 2566: หมอบุญเริ่มชักชวนประชาชนให้ร่วมลงทุนใน 5 โครงการ โดยอ้างผลตอบแทนสูงลิ่ว◾ ธันวาคม 2566 – ตุลาคม 2567: ผู้เสียหายกว่า 500 รายเข้าแจ้งความ มูลค่าความเสียหายกว่า 7,500 ล้านบาท◾ พฤศจิกายน 2567: ศาลอาญาออกหมายจับหมอบุญ พร้อมพวกรวม 9 ราย ในข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงิน◾ ความเสียหาย: คาดว่าสูงกว่า 10,000 ล้านบาท ความคืบหน้าทางคดี◾ หมอบุญหลบหนีคดีไปต่างประเทศ◾ อดีตภรรยาและลูกสาวนอนคุก ศาลนัดไต่สวน 28 พ.ย.67◾ ตำรวจออกหมายแดง ขอความร่วมมือตำรวจสากลติดตามจับกุม◾ DSI และตำรวจสอบสวนกลางเร่งรวบรวมหลักฐานและสอบปากคำผู้เสียหาย◾ THG ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำของหมอบุญ และพิจารณาคุณสมบัติภรรยาและลูกสาวของหมอบุญที่ดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท บทเรียนจากคดีหมอบุญ◾ อย่าหลงเชื่อผลตอบแทนสูงเกินจริง: การลงทุนมีความเสี่ยง ผลตอบแทนสูงมักมาพร้อมความเสี่ยงสูง◾ ตรวจสอบข้อมูลก่อนลงทุน: ศึกษาข้อมูลโครงการ ผู้บริหาร และประวัติการดำเนินธุรกิจอย่างละเอียด◾ กระจายความเสี่ยง: อย่าลงทุนเงินทั้งหมดในโครงการเดียว◾ ระวังการชักชวนแบบปากต่อปาก: อย่าตัดสินใจลงทุนเพียงเพราะคำบอกเล่าจากคนรู้จัก◾ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากไม่มั่นใจ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนการป้องกันตนเองจากการถูกหลอกลวง◾ ศึกษาความรู้ด้านการลงทุน: ทำความเข้าใจหลักการลงทุน ประเภทของการลงทุน และความเสี่ยงต่างๆ◾ ติดตามข่าวสาร: อัพเดทข่าวสารการลงทุน กลโกง และคดีฉ้อโกงต่างๆ◾ ลงทุนในแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ: เลือกใช้บริการจากบริษัทที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจอย่างถูกต้อง เรียนสูง ร่ำรวย แต่โกง: จุดบอดสังคมไทยคดีหมอบุญ กระตุกให้สังคมไทยตั้งคำถามกับค่านิยมที่ฝังรากลึก ที่มักเชื่อมโยง “ความสำเร็จ” กับ “คุณงามความดี” โดยอัตโนมัติ…