Browsing: News

เงินเดือนสูงลิ่ว ทีมงานครบมือ สิทธิเดินทางชั้นเฟิร์สต์คลาสแต่ในวันที่ตึกถล่ม ไม่มีใครลุกขึ้นยืนตอบคำถามจากประชาชน เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2568 LIRT (คลังสารสนเทศของสถาบันนิติบัญญัติ) ได้เปิดเผยข้อมูล “สิทธิประโยชน์และค่าตอบแทน” ของ ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.), กรรมการ, และผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทกำกับและรับทราบโครงการก่อสร้างสำนักงานแห่งใหม่ของ สตง. ที่เพิ่งถล่มลงไป สิทธิพิเศษล้นมือ…แต่ไม่มีใครกล้ารับผิดตอนตึกถล่ม? เงินเดือนและตำแหน่ง:• ประธาน คตง.: 83,090 บาท + เงินประจำตำแหน่ง 55,000 บาท• กรรมการ คตง. และผู้ว่าฯ สตง.: 81,920 บาท + เงินประจำตำแหน่ง 50,000 บาท ทีมงาน (ต่อ 1 คน):• เลขานุการ 1 อัตรา (เงินเดือน 43,530 บาท)• ผู้ช่วยเลขานุการ 1 อัตรา (เงินเดือน 21,765 บาท)• พนักงานขับรถยนต์ 1 อัตรา (เงินเดือน 15,000 + ค่าพิเศษ 4,000 บาท + ชุด 2,000 บาท) สิทธิพิเศษเพิ่มเติม:• เดินทางต่างประเทศ เบี้ยเลี้ยง 3,100 บาท/วัน• ค่าเครื่องแต่งตัว 9,000 บาท/ครั้ง• เบี้ยประกันสุขภาพรวมสูงสุด 40,000 บาท/ปี• เดินทางด้วย ชั้นโดยสารสูงสุด (First Class) ⸻ คำถามที่ไม่อาจเลี่ยง: ถ้าสิทธิและสวัสดิการจัดเต็มขนาดนี้ทำไมเมื่อเกิดวิกฤตระดับองค์กรไม่มีใครออกมารับผิด หรือแม้แต่ให้ข้อมูลอย่างโปร่งใส? หรือสิทธิประโยชน์ “First Class” แต่ความรับผิดชอบ ”Low Cost?“

Read More

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งโพสต์ความเห็นเกี่ยวกับการเร่งผลักดันร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มี กาสิNo รวมอยู่ด้วยมาตลอด วันนี้ยังคงพูดถึงสาเหตุที่รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ขอเลื่อนร่างกฎหมายฉบับนี้ ที่กำลังเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ ไปในสมัยประชุมหน้า ทั้งที่ก่อนหน้าเร่งรีบผิดปกติ โดยนายเทพไทตั้งข้อสังเกต 7 ข้อในเรื่องนี้ว่า 1.เป็นการซื้อเวลา เพราะกระแสคัดค้านกำลังร้อนแรง และขยายผลไปทั่วทั้งประเทศ มีกลุ่มต่างๆ เปิดหน้าคัดค้านชัดเจน และม็อบคัดค้านกำลังเกิดขึ้นในต่างจังหวัด 2.ข้ออ้างเรื่องการเรียงลำดับความสำคัญของปัญหาประเทศใหม่ ว่าเห็นความสำคัญของแผ่นดินไหว และกำแพงภาษีของสหรัฐอเมริกา น่าจะเป็นข้ออ้างเพื่อแก้เกี้ยวมากกว่า 3.คือเกิดความเห็นต่างในพรรคร่วมรัฐบาล จึงเจรจากับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล และได้ข้อยุติว่าให้เลื่อนไปก่อน 4.เมื่อประเมินความเห็นของพรรคร่วมรัฐบาลแล้วพบว่า มีหลายพรรคไม่สบายใจกับข่าวปล่อย เรื่องนายทักษิณข่มขู่ว่าพรรคร่วมรัฐบาล จะเสียหายไปถึงนายทักษิณ 5.ประเมินสถานการณ์ผิดพลาดว่าสามารถรวบหัวรวบหาง ผลักดันกฎหมายนี้ผ่านความเห็นชอบของสภาฯ โดยไม่มีปัญหาอุปสรรคใดๆ 6.ประเมินสถานการณ์ทางการเมืองแล้ว มีแนวโน้มว่าม็อบจะจุดติด และจะนำมาเป็นเงื่อนไขล้มรัฐบาล จึงถอนฟืนออกจากกองไฟก่อน รอให้กระแสคัดค้านลดลง ค่อยประเมินสถานการณ์ใหม่ 7. ถ้าถอนวันนี้รัฐบาลจะเสียหาย เป็นความพ่ายแพ้ จึงเปลี่ยนมาเป็นเลื่อนออกไปก่อน แล้วค่อยถอนออกไปในภายหลัง เพื่อหาทางลงให้กับรัฐบาลที่สวยงามกว่านี้ “มวลชนกลุ่มผู้คัดค้าน อย่าชะล่าใจเด็ดขาด ต้องเฝ้าระวังอย่างกระชั้นชิด เพราะรัฐบาลถอยแต่ไม่ได้ถอน เลื่อนแต่ไม่ได้ยกเลิกแนวความคิดเปิดกาสิNo แต่อย่างใด”

Read More

เป็นความเคลื่อนไหวของกลุ่มองค์กรต่างๆ ทั้งองค์การศาสนา องค์กรเครือข่ายทางการศึกษา และภาคประชาสังคมที่แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับการเสนอร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มี “กาสิโนถูกกฎหมาย” รวมอยู่ด้วย ซึ่งจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรวันพรุ่งนี้ (9 เม.ย.68) โดยออกเป็นแถลงการณ์ต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุดมีการนัดหมายของคณะศิษย์เก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นมีผู้ชื่อเสียงในแวดวงต่างๆ นัดหมายกันทำกิจกรรมแสดงพลังกันที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์สองรัชกาลช่วงเย็นวันนี้ โดยกิจกรรมเริ่มในเวลา 17 นาฬิกาด้วยการอ่านแถลงการณ์วัตถุประสงค์ทั้งภาษาไทย อังกฤษ และภาษาจีน พร้อมกับ ถวายพานพุ่มหน้าพระบรมรูปสองรัชกาล กล่าวนำคำถวายสัตย์ปฏิญาณไม่เอา พ.ร.บ.กาสิโน ต้องการให้รัฐบาลถอนร่างฯ ออกจากสภาที่จะพิจารณากันในวันพรุ่งนี้ ทั้งนี้หลายองค์กรออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายฉบับนี้ อาทิกลุ่มศิษย์เก่า คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกแถลงการณ์ ประกาศอย่างแรงกล้า ต่อนโยบายอันชั่วร้ายของรัฐบาล ที่จะก่อให้เกิดแหล่งอบายมุข ประกาศหนักแน่นคัดค้านอย่างถึงที่สุด ขณะที่กลุ่ม คปท., ศปปส., กองทัพธรรม และแนวร่วมภาคประชาชน นำโดย คุณพิชิต ไชยมงคล, คุณจตุพร พรหมพันธุ์ ฯลฯ วันพรุ่งนี้ก็นัดคนไม่เอากาสิโนพร้อมกันตั้งแต่ 8 นาฬิกา.ที่สะพานชมัยมรุเชฐ ข้างทำเนียบรัฐบาล จากนั้น มุ่งหน้าสู่รัฐสภา เกียกกาย เพื่อแสดงพลังไม่เอาร่าง พ.ร.บ.กาสิโน

Read More

วันนี้ (3 เมษายน 2568) กรมสรรพากรโดยสำนักงานสรรพากรภาค 3 เข้ากล่าวโทษต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อดำเนินคดีอาญากับ บริษัท ซิน เคอหยวน จำกัด และคณะกรรมการบริษัท หลังตรวจพบการใช้ใบกำกับภาษีปลอมกว่า 7,000 รายการ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท การกล่าวโทษดังกล่าวเกิดขึ้นหลังกรมสรรพากรตรวจสอบภาษีของบริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กเส้นที่เคยใช้ในการก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โดยพบว่าระหว่างเดือนกรกฎาคม 2558 ถึงมีนาคม 2560 บริษัทฯ มีการนำใบกำกับภาษีปลอมหรือใบกำกับภาษีที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 7,426 ฉบับ มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท มาใช้ขอคืนภาษี การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดอาญาตามมาตรา 90/4 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งตามประกาศคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ฉบับที่ 8 พ.ศ. 2565 ได้กำหนดให้เป็นคดีพิเศษที่อยู่ในอำนาจสอบสวนของ DSI ร้อยตำรวจเอก สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดี DSI เป็นผู้รับเรื่องร้องทุกข์จากกรมสรรพากร พร้อมระบุว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ แม้จะเป็นกรณีที่ความผิดเกิดก่อนมีการก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน แต่ก็เป็นผลจากการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันระหว่างกรมสอบสวนคดีพิเศษและกรมสรรพากร ที่ขยายผลจากกรณีอาคารถล่ม ซึ่งจะเสนอให้อธิบดี DSI รับเป็นคดีพิเศษโดยเร็ว เนื่องจากมีมูลค่าความเสียหายเข้าหลักเกณฑ์” คดีนี้จึงอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายผลสู่เครือข่ายการใช้ใบกำกับภาษีปลอมในวงกว้าง ซึ่งเกี่ยวข้องทั้งกับภาคธุรกิจและโครงการก่อสร้างระดับชาติ.

Read More

เพจ Krabi ArtSpace โพสต์ภาพวาดในหลวงรัชกาลที่๙ กับคุณพระเศวตฯ บริเวณผนังตึก เทียบกับภาพที่มีคนกำลังทาสีทับ พร้อมข้อความ #กระบี่เมืองศิลปะอีกแล้วครับท่าน งุนงง ไม่แจ้งใคร ไม่สอบถามไม่พูดคุยกัยใครเลย จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่ทราบว่า ทำไมไม่มีการแจ้งก่อนดำเนินการ แล้วที่ทาสีใหม่ทับ ทราบหรือไม่ว่าภาพนี้มาจากไหน เหตุใดถึงมีภาพนี้ในกระบี่ #ภาพวาดรัชกาลที่๙กับคุณพระเศวตฯ สนับสนุนงบประมาณการสร้างสรรค์งานศิลป์ผ่านหอการค้าจังหวัดกระบี่ โดย #กองทุนศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย #สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย #กระทรวงวัฒนธรรม โพสต์ดังกล่าวมีชาวกระบี่เข้ามาแสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันคือ เสียใจและเสียดาย พร้อมตั้งคำถามเหตุใดผลงานที่สวยงามและทรงพลังเช่นนี้จึงถูกทำลาย และเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องชี้แจง

Read More

ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี กรรมการแพทยสภา และประธานอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจ เปิดเผยกับ ไทยโพสต์ ถึงความคืบหน้าการสอบจริยธรรมแพทย์ กรณีนายทักษิณ ชินวัตร พักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจนานเกือบ 6 เดือน โดยไม่ต้องเข้าเรือนจำแม้แต่วันเดียวว่า ขณะนี้กระบวนการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว เหลือเพียงการจัดทำรายงานสรุปผลเสนอที่ประชุมใหญ่แพทยสภา ซึ่งนัดหมายไว้เบื้องต้นในวันที่ 10 เมษายนนี้ “ตอนนี้ถือว่าการสอบสวนเสร็จแล้ว เหลือขั้นตอนสรุปทำรายงานและตรวจร่างรายงาน การเก็บข้อมูลครบหมดแล้ว 99.99 เปอร์เซ็นต์” ศ.นพ.อมร กล่าว พร้อมระบุว่า เวชระเบียนของโรงพยาบาลตำรวจได้ส่งข้อมูลมาในส่วนที่สามารถเปิดเผยได้ และอนุกรรมการฯ เห็นว่าเพียงพอต่อการพิจารณาแล้ว ทั้งนี้ แพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจทุกคนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ที่ถูกร้องเรียน ได้เข้าชี้แจงต่ออนุกรรมการฯ ครบถ้วน เมื่อถามถึงแนวโน้มของผลสอบสวน ศ.นพ.อมรกล่าวว่า ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในขณะนี้ เพราะอยู่ระหว่างร่างสำนวน และต้องรอการลงมติในที่ประชุมใหญ่แพทยสภา ซึ่งอาจมีความเห็นเพิ่มเติมหรือสั่งให้สอบสวนต่อก็ได้ หากมีมติดังกล่าว ก็จะมีการขยายเวลาสอบเพิ่มอีกประมาณ 1 เดือน สำหรับข้อสงสัยว่าผลสอบจะเป็นที่ยอมรับของสังคมหรือไม่ ศ.นพ.อมร ย้ำว่า “อย่าเพิ่งคาดเดา แต่ยืนยันว่าอนุกรรมการฯ ทำตามเอกสารข้อมูลเท่าที่จะสอบสวนได้ตามมาตรฐานจริยธรรมทางการแพทย์ ทุกอย่างต้องมีเหตุมีผล มีหลักฐานชัดเจน และพร้อมชี้แจงต่อสังคมอย่างตรงไปตรงมา” ในประเด็นที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า การรักษานายทักษิณมีความผิดปกติหรือไม่ ศ.นพ.อมร ระบุว่า เท่าที่พิจารณาเอกสารการรักษา พบว่าเป็นไปตามกระบวนการทางการแพทย์อย่างถูกต้อง แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดในตอนนี้ เพราะไม่เหมาะสมที่จะพูดล่วงหน้าก่อนเข้าที่ประชุมใหญ่แพทยสภา “เดี๋ยวค่อยมาว่ากัน รอวันที่ 10 เมษา แล้วกัน วันนั้นมาคุยกันอีก” ศ.นพ.อมร กล่าวทิ้งท้าย ทั้งนี้ กรณีนายทักษิณ ชินวัตร ถูกตั้งข้อสังเกตจากสังคมว่าการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจเป็นการหลีกเลี่ยงการรับโทษจำคุก ทำให้แพทยสภาตั้งอนุกรรมการสอบสวนจริยธรรมขึ้นตรวจสอบบทบาทของแพทย์ที่เกี่ยวข้อง โดยคาดว่าผลการสอบสวนจะเป็นที่จับตามองจากสาธารณชนอย่างมาก (ขอบคุณข้อมูล : ไทยโพสต์)

Read More

เพจ ‘คลินิกช้างปางช้างแม่แตง Maetaeng Elephant Park Clinic’ โพสต์ข้อความถึงความก้าวหน้าเทคโนโลยีทางการสัตวแพทย์ โดยทางรกของลูกช้างเกิดใหม่ “น้องไทยแลนด์” จะถูกทีมสัตวแพทย์ประจำคลินิกช้างปางช้างแม่แตง ส่งให้คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อนำไปสกัดเป็นสเต็มเซลล์ (Stem cell) ซึ่งหากทำสำเร็จจะสามารถนำไปรักษาช้างเชือกอื่น ๆ ได้อีกหลายชีวิต ซึ่งสเต็มเซลล์ (Stem cell) หรือ เซลล์ต้นกำเนิดนี้มีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์ชนิดต่าง ๆ ซ่อมแซม ฟื้นฟูและช่วยสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์เก่าได้ ซึ่งผลวิจัยนี้หากทำสำเร็จลุล่วงไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าของวงการสัตวแพทย์ไทย แต่มันยังเปรียบดั่ง “นาฬิกาทรายแห่งความหวัง” ของช้างอีกหลายชีวิต ขอบคุณข้อมูล : คลินิกช้างปางช้างแม่แตง

Read More

ระยอง – เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 เจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภาค 2 ภายใต้การอำนวยการของ นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และ นายวัฒนชัย ส้มมี ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 2 ได้นำกำลังเข้าจับกุม นายสงวน (สงวนนามสกุล) เจ้าของร้านค้ารายหนึ่งในจังหวัดระยอง ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ที่ จ.1/2568 ลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 นายสงวน ถูกดำเนินคดีในข้อหาสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิด โดยการทำเอกสารใบเสนอราคายางมะตอยถุงสำเร็จรูปราคาเกินจริง เสนอต่อเทศบาลตำบลเนินพระ จนทำให้รัฐได้รับความเสียหายเป็นมูลค่า 58,500 บาท โดยข้อกล่าวหาประกอบด้วย• ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 และมาตรา 91• ร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐ จัดทำเอกสารใบเสนอราคาที่สูงกว่าราคาตลาดทั่วไป และเข้าเป็นคู่สัญญากับเทศบาลตำบลเนินพระ ก่อนการจับกุม เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ภาค 2 ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายสงวน อาศัยอยู่บริเวณ ถนนกรอกยายชา ตำบลเนินพระ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง และมีพฤติการณ์เดินทางไปมาระหว่างจังหวัดระยองและจังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เขาทำสวน เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลแน่ชัด จึงได้วางแผนเข้าตรวจสอบพื้นที่เป้าหมาย จนสามารถพบตัวนายสงวน และทำการจับกุมตัวโดยแสดงหมายจับพร้อมอ่านสิทธิทางกฎหมายให้ผู้ต้องหาทราบ ซึ่ง นายสงวนยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และยังไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับนี้มาก่อน จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา และดำเนินการตาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ก่อนนำตัวไปลงบันทึกประจำวันที่ สถานีตำรวจภูธรเมืองระยอง และควบคุมตัวส่ง สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 เพื่อดำเนินคดีต่อไป “ผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด”

Read More

“ชีวิตทักษิณเหมือนอยู่บนเส้นด้าย ทำให้เครียดเพราะไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้นกับตัวเอง” เป็นส่วนหนึ่งจากคำสัมภาษณ์ของ จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ที่ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ The Publisher ผ่านรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ดำเนินรายการโดย สมจิตต์ นวเครือสุนทร โดยถอดรหัสคำปราศรัยของ ทักษิณ ชินวัตร ที่พิษณุโลก เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พร้อมวิเคราะห์เกมการเมืองและบทบาททักษิณว่า “ยังทำตัวเป็นคนสองบุคลิก ปากบอกให้สามัคคีแต่กล่าวหาคนเห็นต่างว่าเห่าหอน ไม่ทำตัวเป็นแบบอย่างของความสามัคคีที่ดีซึ่งต้องมีความยุติธรรม แต่ทักษิณกลับไม่ยอมรับโทษ เมื่อไม่มีความยุติธรรม ความสามัคคีย่อมไม่เกิดขึ้น นี่คือสิ่งที่ทักษิณควรจะรู้ดีที่สุด” ถามหาสามัคคี ”ต้องไปติดคุก” ให้เกิดความยุติธรรมก่อน จตุพร ยังตั้งข้อสังเกตถึงคำกล่าวของทักษิณที่ยังคงพาดพิงอ้างถึงพระเมตตาของในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่ทำให้เขาได้กลับประเทศไทย แต่กลับไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม และสำนึกผิดตามที่ขอพระราชทานอภัยลดโทษกลับอ้างแต่วรรคท้ายที่ว่าจะนำความรู้ความสามารถมารับใช้บ้านเมือง “เขาให้ติดคุกก่อน และบอกว่าจะมาเลี้ยงหลาน แต่ทุกอย่างที่เดินคือการเมือง ถามว่าสอดคล้องกันหรือไม่ เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ประชาชนรู้สึกแต่ทักษิณจะรู้สึกหรือไม่ การไปพบพี่น้องเสื้อแดง ผมมองแววตาคนเสื้อแดงแล้ว ทุกอย่างไม่มีทางเหมือนเดิมอีกแล้ว เพราะพวกเขาต่อสู้ตายเป็นร้อยบาดเจ็บหลายพัน แต่ทักษิณทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามงานที่พิษณุโลกก็ไม่ต่างอะไรกับการจัดอีเวนต์ที่ปราศจากจิตวิญญาณ โกหกกลบคำโกหก กลยุทธ์ถนัดของทักษิณ ในการปราศรัยครั้งล่าสุด มีการพูดถึงการล้างหนี้เครดิตบูโรให้เอกชนซื้อหนี้จากธนาคาร ถามว่าจะหาเอกชนมาจากที่ไหน? เพียงแต่ไปตัดหนี้มาจากธนาคารแล้วก็มาค้ากำไรต่อ “เป็นคำพูดที่เลื่อนลอย ทักษิณต้องไปบอกลูกสาวให้ทำตามนโยบายที่หาเสียงให้ครบก่อนแล้วค่อยคิดทำอย่างอื่น สิ่งที่ทักษิณทำตอนนี้คือการสร้างฝันใหม่เป็นทฤษฎีการเมือง โกหกเพื่อกลบเรื่องโกหกเก่าที่ทำไม่ได้ จึงต้องขายฝันสิ่งใหม่ ให้คนลืมเรื่องเก่าที่เคยรับปากไว้ ขายฝันใหม่ให้คนไทยลืมสิ่งที่แพทองธารประกาศไว้ต่อประชาชนแล้วยังทำไม่ได้” ไม่กินไวน์ด้วย เพราะยังทำลายประเทศ เมื่อถามว่า ทักษิณบอกคำย่อ สทร. ถ้าคนที่ไม่ชอบจะแปลว่า เสือกทุกเรื่อง เหมือนที่เขาเคยให้คำจำกัดความไว้ แต่ถ้าคนที่รักเขาจะแปลว่า “สุดที่รัก” สำหรับจตุพรแปลว่าอะไร? เขาตอบทันทีว่า ก็แปลว่า “เสือกทุกเรื่อง” เหมือนที่ทักษิณให้คำจำกัดความเอาไว้ ส่วนที่มีการชวนไปกินไวน์ก็ขอบอกว่า “ถ้าไม่หยุดกาสิโน พนันออนไลน์ ผลประโยชน์ไทยกัมพูชา ให้ต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี ระบบเงินตรา แลนด์บริดจ์ซุกที่ 3 แสนไร่ให้ต่างชาติเช่า 99 ปี มันดื่มไวน์ก็ไม่จบเพราะมีเรื่องฉิบหายวายวอดรออยู่ วันนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวเป็นเรื่องของชาติบ้านเมือง การวิจารณ์ระหว่างผมกับทักษิณเป็นเรื่องบ้านเมือง ว่าลูกในฐานะนายกฯ และทักษิณในฐานะ สทร.ยังเดินหน้ากาสิโนทั้งที่ประเทศเราเคยพังเพราะเรื่องนี้มาแล้ว มันจะคุยกันได้อย่างไร มันเป็นเรื่องชาติบ้านเมือง เรื่องส่วนตัวระหว่างผมกับทักษิณจบไปนานแล้ว” ”ทักษิณ“ ชีวิตเหมือนแขวนบนเส้นด้าย…

Read More

“อย่ามองว่าเป็นเวทีพิสูจน์ แพทองธาร เพราะเธอไม่มีอะไรให้พิสูจน์” เป็นคำพูดเข้ม ๆ ของ รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก นักวิชาการด้านกฎหมาย ที่กล่าวไว้ในรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ของ The Publisher ดำเนินรายการโดย สมจิตต์ นวเครือสุนทร เขาไม่เพียงมาวิเคราะห์ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 24 มีนาคมนี้ แต่ยังชำแหละทุกมิติของเกมการเมืองที่เกิดขึ้น พร้อมตั้งคำถามที่ฝ่ายค้านต้องตอบให้ได้ “อย่ามองว่าเป็นเวทีพิสูจน์แพทองธาร เพราะเธอไม่มีอะไรให้พิสูจน์!” ประโยคนี้ถูกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนที่เขาจะขยายความว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ไม่มีอะไรให้ตรวจสอบ เพราะตราบใดที่ยังอยู่ภายใต้เงาของพ่อ ก็ไม่มีอะไรที่เธอจะพิสูจน์ตัวเองได้จริง “ไม่มีใครเห็นเลยว่าแพทองธารมีกระดูกสันหลังและมันสมองอยู่ที่ไหน เธอไม่เคยแสดงความเป็นผู้นำให้เห็นสักครั้ง อย่าหาว่าปรามาสหรือดูถูก แต่แพทองธารไม่มีอะไรต้องพิสูจน์จริง ๆ และคนในสังคมก็เชื่อว่าแพทองธารไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้“ รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าว พร้อมแนะให้จับตาบทบาท ลูกน้อง ลิ่วล้อ หรืออาจเป็นถึงขั้นขี้ข้าของคนที่ภักดีต่อทักษิณ ชินวัตร ว่าจะทำหน้าที่กันขนาดไหนในสภาฯ ปชน.ต้องเปลี่ยนเกม หยุดเสียเวลากับการพุ่งเป้าที่ ”ทักษิณ“ เขาอธิบายต่อว่า ในแง่ของเกมการเมือง พรรคประชาชนทำพลาดตั้งแต่ต้นที่ใส่ชื่อทักษิณในญัตติ เพราะมันเปิดช่องให้เพื่อไทยและประธานสภาฯ ใช้เป็นข้ออ้างในการเบรกการอภิปราย ทั้งให้แก้ไขเนื้อหาญัตติ ทั้ง ๆ ที่ตามรัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามการเอ่ยถึงบุคคลภายนอก หากฝ่ายค้านอ่านเกมขาดจริง พวกเขาควรเลี่ยงการกล่าวถึงทักษิณโดยตรง แล้วหันไปใช้ข้อกฎหมายเป็นอาวุธแทน “คุณไม่ต้องพูดถึงทักษิณเลย แต่ให้ถามว่าแพทองธารถูกครอบงำหรือไม่? ครอบงำอย่างไร? ผิดกฎหมายข้อไหน? ทำชาติเสียหายอย่างไร? ” เขาเสนอแนวทางให้ฝ่ายค้านเดินเกมอย่างเฉียบขาด ด้วยการอ้างรัฐธรรมนูญมาตรา 45 ที่กำหนดให้พรรคการเมืองต้องเป็นอิสระ และพ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 28 และ 29 ที่ระบุว่า พรรคการเมืองจะให้บุคคลภายนอกครอบงำไม่ได้ “เมื่อทุกอย่างถูกอ้างอิงบนข้อกฎหมาย คนประท้วงก็ประท้วงไม่ได้ ประธานสภาฯ ก็สกัดไม่ได้ เพราะทุกคำพูดคือข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ เกมนี้ไม่ใช่แค่ศึกซักฟอกแพทองธาร แต่มันคือเวทีพิสูจน์พรรคประชาชน ว่าจะเป็นทางเลือกของประชาชนได้จริงหรือไม่?” ฝ่ายค้านต้องตีให้แตกว่าเพื่อไทยบริหารประเทศแบบ ‘ถูกครอบงำ’ รศ.ดร.เจษฎ์ อธิบายว่าหากอภิปรายให้ถูกจุด จะทำให้เพื่อไทยปฏิเสธไม่ได้ ชี้ให้ชัดว่า แพทองธารขาดอิสระทางตรง เพราะเธอไม่เคยคิดอะไรเองได้เลย ส่วน พรรคเพื่อไทยขาดอิสระทางอ้อม เพราะต้องเดินตามคนนอกที่ชี้นำ ทุกอย่างนำไปสู่การบริหารประเทศที่ล้มเหลว “พรรคประชาชนยังต้องทำมากกว่านั้น ต้องตีให้ชัดว่าเพื่อไทยต่างหากที่เป็นภัยต่อสถาบันฯ”…

Read More