Browsing: News

หลายคนอาจลืมไปแล้วว่า รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ตั้งงคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีคุณอุ๊งอิ๊งค์ นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานประธานเอง เพราะหลังมีคำสั่งแต่งตั้งกันเมื่อ 19 กันยายน และนัดประชุมด่วนนัดแรกกันทันทีวันที่ 24 กันยายน เพื่อส่งสัญญาณว่าเป็นบอร์ดใหญ่ที่ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อน และกระตุ้นเศรษฐกิจ พอเอาเข้าจริงวันที่ 23 กันยายนกลับมีคำสั่งยกเลิกการประชุมกระทันหัน ตอนนั้นรัฐบาลอ้างว่ามีสถานการณ์เฉพาะหน้าปัญหาอุทกภัยในหลายจังหวัดภาคเหนือ แต่จนถึงวันนี้ก็ไม่มีท่าทีเร่งรีบใดๆ เห็นมีแต่เพียงการกดดันให้ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ ลดดอกเบี้ยนโยบาย และพยายามส่งคนเข้าไปคุมแบงก์ชาติเท่านั้นที่เป็นนโยบายเร่งด่วนด้านเศรษฐกิจ ฝันของคน 36 ล้านคนที่ลงทะเบียนทางรัฐ หวังได้เงินหมื่นมาใส่กระเป๋าใช้จ่ายบ้าง และระบบเศรษฐกิจที่จะเป็นพายุหมุนก็ต้องฝันค้างกันต่อไป ยิ่งสถานการณ์หลังหว่านเงิน 1.45 แสนล้านบาทลงไป ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้พิการ จากที่หวังเป็นพายุหมุนทางเศรษฐกิจ ก็หมดแรงส่งเอาง่ายๆ กลายเพียงสายลมแผ่วๆ ไปอีกด้วยแล้ว โอกาสได้รับเงินหมื่นเต็มจำนวนคงเป็นไปได้ยาก หลังยังไม่เริ่มนับ 1 ประชุมนัดแรกจากที่ตั้งบอร์ดมาเกือบเดือน ล่าสุดท่านรัฐมนตรีช่วยคลัง คุณเผ่าภูมิ โรจนสกุล ออกมายืนยันภายในเดือนนี้ประชุมบอร์ดใหญ่แน่นอน แต่ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่ คุณเผ่าภูมิบอกมาตรการที่มีอยู่อื่นๆ ใช้วงเงินไปเกือบเต็มหมดแล้วในทุกโครงการ ขีดเส้นใต้คำว่า ใช้วงเงินไปเกือบเต็มหมดแล้วในทุกโครงการ ดังนั้นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจแพกเกจเฟส 2 ต้องรอลุ้นว่าบอร์ดชุดนี้จะประชุมเมื่อไหร่ และนำเรื่องนี้เข้าหารือหรือไม่ เพราะเรื่องนี้คนฟันธงสุดท้ายคือตัวนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ ว่ามีเงินในคลังเหลือแจกหรือไม่ และจะแจกเต็มจำนวนหมื่นหรือหารครึ่ง รวมถึงช่วงเวลาที่จะแจกเงิน ไม่ใช่ว่านายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ และคนที่ช่วยคิด ไม่อยากประชุมบอร์ด เพราะนี่ถือเป็นอีเวนต์สำคัญของรัฐบาลชุดนี้ แต่เป็นไปได้ไหมว่า ทั้งคนช่วยคิด และกรรมการแต่ละคนยังเคาะไม่ได้ว่า จะมีแพกเกจกระตุ้นเศรษฐกิจใดออกมา หรือติดอยู่ที่มีแต่ทางตัน หรือเหตุใดกัน แต่ที่แน่ ๆ จนถึงวันนี้ยังไม่มีใครส่งสัญญาณให้ประชาชนรู้เลยว่า กับปัญหาเศรษฐกิจนั้น รัฐบาลจะทำอย่างไร เพื่อให้ประชาชนมั่นใจ ไม่เช่นนั้นปัญหาเศรษฐกิจจะเป็นจุดตาย เป็นจุดชี้ขาดรัฐบาลว่าจะอยู่หรือไปเลยทีเดียว หวังว่าในการประชุม ครม.วันนี้ คงจะมีผู้สื่อข่าวสักคนที่ยิงคำถามกับนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ ถึงเวลาหรือยัง ที่จะคำนึงถึงเรื่องนี้ไว้เป็นประเด็นสำคัญ โดยที่ไม่ต้องรออ่านข้อมูลจากไอแพด บทความโดย : อนันต์ จารุนันทภาคย์ ผู้เขียน

หลัง “แสงเดือน ชัยเลิศ” ผอ.ศูนย์บริบาลช้าง เชียงใหม่ โพสต์ให้หนูนา กัญจนา ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นำช้างสองเชือกที่ฝากไว้ที่ศูนย์คือ พลายขุนเดชและพลายดอกแก้วออกจากศูนย์ ซึ่งทีมควาญช้างจากร่มแดนไทย ปางช้างภัทรฟาร์ม และศูนย์อนุรักษ์ช้าง จ.ลำปาง เตรียมย้ายออกจากมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (10 ต.ค.67) แต่ไม่สามารถย้ายได้ วันนี้ได้มีการปฏิบัติภารกิจอีกครั้งแต่ก็ยังต้องชะลอ เนื่องจากจำเป็นต้องวางยาซึมในการเคลื่อนย้าย ขณะที่สภาพร่างกายของพลายดอกแก้วยังต้องรอประเมินอาการ ใช้เวลา 3-4 สัปดาห์เนื่องจากเพิ่งประสบเหตุน้ำท่วม คุณธีรภัทร ตรังปราการ นายกสมาคมสหพันธ์ช้างไทย ให้สัมภาษณ์ในรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ของ The Publisher ว่า การวางยาซึมต้องประเมินให้ร่างกายพลายดอกแก้วมีความพร้อมที่สุด เพื่อให้การเคลื่อนย้ายมีความปลอดภัย ไม่เกิดเหตุผิดพลาด พร้อมให้หลักประกันสวัสดิภาพของพลายดอกแก้วว่าจะมีอิสระทั้งการเล่น การแสดงออก ไม่ต้องหิว รวมถึงไม่มีการทรมานแน่นอน เชื่อว่าพลายดอกแก้วจะสามารถปรับตัวได้กับสภาพแวดล้อมใหม่ที่ “ร่มแดนช้าง” ซึ่งจะเป็นบ้านหลังใหม่ของพลายดอกแก้ว “การรับผิดชอบพลายดอกแก้วซึ่งปัจจุบันกำลังย่างเข้าสู่วัยรุ่น น้องจะได้เปิดโลกกว้างขึ้นเรียนรู้การปฏิสัมพันธ์กับพี่ควาญ ด้วยวิธีที่นิ่มนวล ไม่ใช่ที่องค์กรอ้างอนุรักษ์ว่าจะต้องถูกทุบตี ถูกทารุณกรรมจึงจะยอมรับได้ โลกของความจริงกับโลกของธุรกิจอ้างอนุรักษ์สิ่งที่พรีเซนต์ออกมาเป็นคนละเรื่อง ผมให้ความมั่นใจกับทุกคนได้ว่าเราดูแลพลายดอกแก้วได้ สวัสดิภาพสัตว์ใด ๆ ที่น้องควรได้รับ น้องได้แน่ และสิ่งที่จะได้มากกว่าที่เดิม สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับน้องมาก่อนคือการมีปฏิสัมพันธ์อย่างถูกต้องกับเพื่อนร่วมสปีชีส์ สิทธิในการสนใจเพศตรงข้าม การเรียนรู้สัญชาติญาณ และ สิทธิความเป็นพ่อ ซึ่งถ้าอยู่้ที่เดิมคงไม่ได้รับ“ ส่วนโซ่กับตะขอที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ร้ายทรมานช้างนั้น คุณธีรภัทร บอกว่า ช้างในเชียงใหม่ 950 เชือกที่ประสบภัยน้ำท่วมและรอดชีวิต ไม่ต้องถูกแช่น้ำ 850 เชือกก็เกิดขึ้นได้ด้วยอุปกรณ์และควาญ “ที่ผมสะเทือนใจคือพลอยทองช้างตาบอดที่ลุยน้ำมาได้แล้ว เราสามารถสื่อสารกับน้องได้ว่าอย่าลงไปอีกน้ำกำลังจะมา ก็มีความเป็นไปได้มากที่พลอยทองจะไม่ล้ม ถ้าพลอยทองและฟ้าใสได้รับการดูแลอย่างถูกต้องแบบช่วยสัตว์คือมัดหรือผูกไว้ก่อนทั้งสองเชือกก็ควรจะรอด และในที่สุดช้างทุกเชือกที่่ว่ายจากน้ำมาขึ้นฝั่งก็ไม่ได้ปล่อยอิสระทุกเชือกมัด อย่ามองโซ่เป็นผู้ร้าย อย่างที่มูลนิธิแห่งนี้ก็ยังผูกโซ่ อย่าหลงประเด็นว่าเดินไปเดินมาอย่างอิสระ เหมือนที่มีการทำให้เข้าใจในโลกโซียล ช้าง 116 เชือก ส่วนใหญ่มัดโซ่”

เป็นคลิปที่ “นางวิพร แววศรีผ่อง” นายอำเภอเมือง ปทุมธานี นั่งอยู่บนแพโฟม มีคนลุยน้ำลากโผมอำนวยความสะดวกให้ ทำให้ชาวเน็ตคอมเมนต์ฉ่ำ ส่วนใหญ่ตำหนิว่าไปเป็นภาระ แต่ก็มีคนชี้แจงแก้แทนว่าบริเวณดังกล่าวน้ำลึก พ้นช่วงนั้นแล้วก็ลงลุยน้ำเหมือนกัน. ท่านนายอำเภอเมืองปทุมธานีค่ะอยู่บ้านดีกว่าไหมคะ 🥲🥲🥲 pic.twitter.com/QwB6V0DjSb— MaYaLoveArttoy (@lo6dfu8jt) October 10, 2024 ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #น้ำท่วม #น้ำท่วมปทุมธานี

ยังคงเป็นข่าวที่สังคมให้ความสนใจกับประเด็น The Icon Group ซึ่งมีผู้เสียหายนับร้อยคนเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว และทาง ผบ.ตร.ก็เดินเกมเร็วสั่งให้ตำรวจรับแจ้งความกับผู้เสียหายทั้งหมด รวมถึงเปิดสายด่วน 1559 เป็นอีกหนึ่งช่องทางให้ผู้เสียหายแจ้งข้อมูลด้วย นอกจากนี้ยังมีการส่งหนังสือไปยัง ป.ป.ง. ดำเนินคดีกับดิไอคอนกรุ๊ป สามข้อหาหนักด้วย The Publisher ได้สัมภาษณ์นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการคุ้มครองสิทธิและให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน หรือ สคช. เกี่ยวกับข้อกฎหมายที่จะเอาผิดบริษัทฯ ท่านบอกว่าต้องพิจารณาต้องข้อเท็จจริง หากพบว่ากระทำผิดไม่ว่าจะเป็นเรื่องการฉ้อโกง หรือนำความเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ล้วนมีโทษทางอาญาติดคุกทั้งสิ้น พร้อมเตือนประชาชนต้องไม่อยู่ในวังวนความโลภเพราะกลายเป็นกับดักที่ทำให้เกิดความเสียหาย “อะไรก็ตามถ้าเราไม่โลภเขาหลอกเราไม่ได้หรอกครับ ถ้าเรามีชีวิตอยู่บนพื้นฐานความจริงต้องคิดผลประโยชน์ตอบแทนสูงมีอยู่จริงหรือ บทเรียนตั้งแต่แชร์ชม้อย ทำไมไม่เอาประวัติศาสตร์คดีมาคิดมามีสติตรึกตรองว่าอยากได้เงินเขาเงินเราสูญหรือไม่ กำไรเยอะมีจริงอยู่เท่าไหร่ ถ้าเยอะเกินมันผิดกฎหมายทั้งนั้น ไม่มีอะไรได้มาง่ายดาย เพราะเป็นโลกการแข่งขัน สิ่งที่เรามึความสุขไม่ได้อยู่กับความหรูหรา ความสุขที่แท้จริงคือการทำประโยชน์ให้สังคม พอเพียงเราย้อนกลับมาอยู่แบบนี้จะเป็นภูมิคุ้มกันไม่ถูกหลอก” นายโกศลวัฒน์ กล่าวด้วยว่า อย่าคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดกับเรา เวลาเจอจะได้มีสติ เงินสุจริตหายากต้องรักษาไว้ ถ้ามีความสนใจอยากลงทุนแล้วไม่แน่ใจว่าจะผิดกฎหมายหรือไม่ สามารถโทรสอบถามสายด่วนอัยการที่ 1157 เวลาราชการ ซึ่งตามสถิติก็มีการปรึกษาเข้ามาอยู่ตลอด รวมถึงมีดาราขอคำปรึกษาด้วยในเรื่องที่จะไปพรีเซ็นเตอร์ เป็นประเด็นที่ต้องระวังเพราะจะบอกไม่รู้ไม่ได้เมื่อมีปัญหา จึงต้องตรวจสอบสคริปต์ที่ผู้ว่าจ้างให้พูดให้ดีด้วย ส่วนกรณีที่ทางบริษัทฯ มีการออกมาตัดตอนว่า 3 บอสดาราดัง กันต์ กันตถาวร มิน พีชญา , แซม ยุรนันท์ ภมรมนตรีไม่เกี่ยวข้องกับการถือหุ้น ไม่มีอำนาจลงนามนั้น อธิบดีอัยการ สคช. ชี้ว่ายังไม่สามารถพ้นผิด กรณีที่พบว่าผิดจริง เพราะคำเรียกว่าบอสเข้าใจกันดีว่าหมายถึงเจ้านาย นายจ้าง และเจ้าตัวก็ยอมรับคำเรียกนั้นไม่ปฏิเสธ ตามกฎหมายแพ่งมีเรื่องของตัวการและตัวแทนเชิดอยู่ด้วย ส่วนกรณีนี้จะเข้าข่ายไหนก็ต้องดูตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ สำหรับกรณีสองดาราดังคือ บอย ปกรณ์ กับโดม ปกรณ์ลัม ที่ทางบริษัทฯ ก็ออกมาปกป้องว่าเป็นเพียงพรีเซ็นเตอร์สินค้าเท่านั้น ก็ยังต้องตามดูต่อด้วยว่า สคริปต์ที่พูดมีข้อความผิดกฎหมายหรือไม่ ถ้ามีผิดกฎหมายจะปฏิเสธว่าไม่รู้ เพื่อให้พ้นผิดทางกฎหมายไม่ได้

หลังมีเอกสารใบเบิกเงินทดรองจ่าย ลงวันที่ 1 สิงหาคม 2566 ที่อ้างเป็นการขอเบิกเงินค่าจ้างประจำเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม เดือนละ 20,000 บาท รวมเป็นเงิน 60,000 บาท พร้อมกับเบิกค่าใช้จ่ายเดินทางติดตามงานกฎหมายอีก 7,000 กว่าบาทรวมเป็นเงิน 67,365 บาท และให้โอนเงินเข้าบัญชีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร พร้อมเลขบัญชีและหมายเลขติดต่อ The Publisher สอบถามเรื่องนี้จากคุณธีรยุทธ โดยเขาบอกเป็นทนายความอิสระ เมื่อได้รับการจ้างงานก็ต้องมีการเบิกค่าใช้จ่ายเป็นธรรมดา แต่ไม่เกี่ยวกับการไปยื่นร้องในประเด็นทางการเมือง รวมถึงล่าสุดยื่นศาลรัฐธรรมนูญกรณีนายทักษิณ-พรรคเพื่อไทย กระทำการล้มล้างการปกครองฯ นั้น ไม่ได้รับจ้างใครมาดำเนินการหรือให้ทำคดีนี้ และกรณีนี้ไม่ได้รับจ้างพรรคพลังประชารัฐให้ดำเนินการเรื่องดังกล่าว คุณธีรยุทธยังขอให้ผู้นำเอกสารดังกล่าวมาเผยแพร่ ระบุให้ชัดก่อนว่าเป็นเอกสารจริงหรือไม่ มาจากไหน ขโมยหรือลักลอบมาหรือไม่ เบื้องต้นคุณธีรยุทธเข้าใจว่าเป็นการแก้เกี้ยวของบางพรรค ทั้งที่ึควรเอาเวลาไปเตรียมสู้คดีฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ “ไปเอาเอกสารมาจากใคร เอกสารถูกต้องหรือไม่ อย่าหว่านแหทำให้ประเด็นสำคัญที่ผมยื่นวันนี้เสียหาย เพราะนี่เป็นเรื่องของบ้านเมือง อย่าเอาเรื่องเอกสารที่ไม่มีที่มาที่ไปมากลบประเด็นของบ้านเมือง ทำไปเพื่ออะไร”เมื่อถามว่าคุณธีรยุทธในฐานะทนายความ หรืออะไรก็ตาม เคยรับงาน รับเงินจากพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ เรื่องนี้คุณธีรยุทธไม่ขอตอบ ก่อนขอยุติการสนทนา

คุณวาสนา ทองสุข ชัยเลิศ กรรมการบริหารปางช้างแม่แตง เปิดเผยกับ The Publisher ถึงผลการประชุมวางแผนเคลื่อนย้ายพลายดอกแก้ว และพลายขุนเดช หลังจากที่คุณกัญจนา ศิลปอาชา ขอนำช้างที่ฝากศูนย์บริบาลช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ หลังเกิดดรามากับคุณแสงเดือน ชัยเลิศ ผู้อำนวยการศูนย์บริบาลช้าง โดยบอกกับ The Publisher ว่าที่ประชุมสรุปแล้วว่าจะทำการย้ายพลายดอกแก้วเพียง 1 ตัวเดียวเท่านั้น เพราะเป็นช้างของคุณกัญจนา แต่สำหรับพลายขุนเดช เป็นช้างป่าที่ติดแร้ว ที่คุณกัญจนารับอุปการะเท่านั้น ต้องรอหนังสืออนุญาตจากกรมอุทยานแห่งชาติ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก่อน ขณะที่แผนการย้ายพลายดอกแก้วนั้น จะเตรียมช้าง 2 เชือกหรือที่เรียกว่าทีมรับ 1 คือพลายข้ามแดน จากร่มแดนช้าง อีก 1 คือน้องจิตหรา จากปางช้างแม่ตะมาน เพื่อมาสร้างความคุ้นเคยกับพลายดอกแก้วก่อนให้ยอมรับ ก่อนที่จะใช้ทั้ง 2 เชือกประกบซ้าย-ขวาขึ้นรถ หากไม่ได้ผลจะต้องยิงยาซึม และให้ควาญขี่คอพาขึ้นรถ ก่อนฉีดยาแก้ให้ปกติ และพาไปที่ร่มแดนช้างต่อไป.

หลังจากนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย หรือฉายาเด็จพี่ ออกมาตรวจสอบการไม่เข้าร่วมประชุมสภาฯ ของพล.ออก.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐไป จนเกิดการตอบโต้จากนายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ฟ้องกลับใช้คลิปเสียงที่ผิดกฎหมายมาเผยแพร่ รวมถึงเปิดประเด็นว่า 10 ตุลาคม อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่พรรคเพื่อไทยจะล่มสลาย ล่าสุดนายพร้อมพงศ์นัดสื่อมวลชนไปยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.วันพรุ่งนี้ 10.00 น. ให้ตรวจสอบพฤติกรรมการเดินทางไปต่างประเทศของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในช่วงเดือนมีนาคม 3 วัน มิถุนายน 3 วัน กรกฎาคม และ สิงหาคม อีกเดือนละ 2 วัน รวมทั้งหมด 8 วัน ซึ่งมีข้อมูล และหลักฐานพบว่า พล.อ.ประวิตร น่าจะกินหรู อยู่สบาย และน่าจะเข้าข่ายการรับทรัพย์เกินกว่า 3,000 บาท จากนั้นสัปดาห์หน้าจะไปยื่นเอาผิดจริยธรรมพล.อ.ประวิตร ต่อประธานสภาฯด้วย เพราะการที่ พล.อ.ประวิตร คืนเงินประจำตำแหน่ง ส.ส.ในทางกฎหมายการคืนเงินไม่ได้บรรเทาโทษ และเมื่อวันที่ 2-3 ตุลาคมที่ผ่านมา ก็ลาประชุมอีก และครั้งนี้ไม่ได้ไปคนเดียว แต่โดดประชุมเกือบทั้งพรรค เพื่อไปทำบุญที่ภาคอีสาน โดยใช้วันที่ ส.ส.ต้องปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งตนจะตรวจสอบว่า ใช้เที่ยวบินใดในการเดินทาง และเสียใช้จ่ายอย่างไร เพราะนี่ถือเป็นภารกิจส่วนตัว ไม่ใช่การทำงานเพื่อประเทศชาติ ดังนั้นจะเบิกค่าใช้จ่ายจากภาษีของประชาชนไม่ได้

หลังมีข่าวว่าน้องหญิงคลื่นพลังบุญได้รับการแต่งตั้งเป็นทูตท่องเที่ยววิถีพุทธ ทำเอาหลายคนถึงกับตั้งคำถามถึงที่มาที่ไปว่าเป็นอย่างไร ล่าสุดทั้ง ททท.และกรมการศาสนา ออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้องแล้ว โดยกรมการศาสนาถึงขั้นออกแถลงการณ์ระบุว่า การมอบประกาศเกียรติคุณดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม เนื่องจากไม่ได้เป็นผู้พิจารณารายชื่อของผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งฯ โดยกรมการศาสนาได้มีหนังสือแจ้งไปยังประธานอนุกรรมการฝ่ายกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนาฯ ให้ยกเลิกข้อความที่เกี่ยวข้องกับกรมการศาสนาออกจากประกาศเกียรติคุณดังกล่าวแล้ว

นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร นักเคลื่อนไหวนำเอกสารหลักฐานยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้วินิจฉัยสั่งการให้นายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยระบุการกระทำของทั้งนายทักษิณ และพรรคเพื่อไทย แบ่งเป็น 6 กรณีเข้าข่ายการนำไปสู่ลักษณะ หนึ่งคือมีพฤติกรรมอันเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายพระเกียรติยศของสถาบัน ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์สูญเสียสถานะที่ต้องอยู่เหนือการเมือง เป็นกลางทางการเมือง สองกระทำเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายระบบพรรคการเมือง 6 กรณีมีทั้งเรื่องการใช้การบริหารราชการแผ่นดิน เอื้อประโยชน์ให้เข้ารักษาตัวบนชั้น 14 โดยไม่ต้องรับโทษในเรือนจำแม้แต่วันเดียว กรณีร่วมคบคิดกับสมเด็จฮุนเซน อดีตนายกฯ กัมพูชา ผลักดันการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา กรณีสั่งการให้พรรคเพื่อไทยร่วมมือกับพรรคประชาชนแก้ไขรัฐธรรมนูญเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณและพวก กรณีนัดแกนนำรัฐบาลหารือที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่อเสนอบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี กรณีสั่งการให้ขับพรรคพลังประชารัฐออกจากการร่วมรัฐบาล และสุดท้ายสั่งการให้นำวิสัยทัศน์ของนายทักษิณ ดำเนินการเป็นนโยบายรัฐบาล ทั้งนี้ นายธีรยุทธ เป็นผู้ยื่นขอให้พรรคก้าวไกล (ก่อนถูกยุบพรรค) ยุติการกระทำล้มล้างการปกครองฯ มาแล้ว ซึ่งหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าพรรคก้าวไกลกระทำการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันแล้ว จากนั้นนายธีรยุทธก็ยื่นดาบสองให้ยุบพรรคก้าวไกล และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคเป็นลำดับต่อไป

หลัง “นันยาง” เปิดพรีออเดอร์รองเท้าแตะรุ่นใหม่ ช้างดาวหมูเด้งไปเมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา ล่าสุดเพจขาหมูแอนเดอะแก๊งค์ ให้ข้อมูลว่า ผู้บริหาร นันยาง มอบเงิน 327,440 บาท จาก การจำหน่าย รองเท้านันยาง รุ่นพิเศษ หมูเด้ง .. จากยอดสั่งจอง 16,372 คู่ เพื่อร่วมโครงการหมูเด้งชวนช่วยผู้ประสบอุทกภัยและช่วยเหลือสวัสดิภาพสัตว์ป่า องค์การสวนสัตว์ เท่ากับว่าภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนกระแสหมูเด้งฟีเวอร์นำพาให้ยอดขายปังสุด ๆ ฉุดไปที่ 16,372 คู่เลยทีเดียว