เป็นข้อมูลที่น่าตกใจในงานเสวนาหัวข้อ “รอบรู้เรื่องมะเร็งต่อมลูกหมาก” ที่มี ผศ.นพ.ปองวุฒิ ด่านชัยวิจิตร อายุรแพทย์มะเร็งวิทยา โรงพยาบาลศิริราช และ ศ.นพ.กิตติณัฐ กิจวิกัย ศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลรามาธิบดี เป็นวิทยากรในประเด็นการป้องกันและรักษามะเร็งต่อมลูกหมากในทุกมิติ ทั้งด้านสัญญาณเตือน การตรวจคัดกรอง การรักษา และนวัตกรรมยารักษา
โดยข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุในปี 2565 ประเทศไทยพบผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมากสูงเป็นอันดับที่ 4 จากผู้ป่วยมะเร็งทั้งหมด รองจากมะเร็งตับ มะเร็งปอด และมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก และพบผู้ป่วยรายใหม่สูงถึงปีละ 7,830 ราย มีผู้เสียชีวิตเฉลี่ย 3,829 ราย/ปี และทั่วโลกก็พบอัตราการเสียชีวิตสูงปีละเกือบ 4 แสนคนเป็นภัยคุกคามสุขภาพของผู้คน โดยเฉพาะประชากรเพศชายทั่วโลก
ผศ.นพ.ปองวุฒิ กล่าวว่า ต่อมลูกหมากทำหน้าที่สร้างของเหลวที่เป็นส่วนประกอบของน้ำอสุจิ ฮอร์โมนเพศชาย หากเซลล์ผิดปกติ และแบ่งตัวไม่หยุดยั้ง อีกทั้งปัจจัยเสี่ยงคืออายุที่มากขึ้น และพันธุกรรม ซึ่งแบ่งเป็น 4 ระยะ คือระยะแรกมะเร็งขนาดเล็กอยู่ภายในต่อมลูกหมาก ไม่แสดงอาการ ระยะที่ 2 เซลล์มะเร็งเติบโตแต่ยังจำกัดในต่อมลูกหมาก ระยะที่ 3 เซลล์มะเร็งกระจายออกไปถึงชั้นนอก และระยะที่ 4 เซลล์มะเร็งกระจายเข้าสู่ระบบเลือด ระบบน้ำเหลือง ซึ่งเมื่อตรวจพบในระยะที่มะเร็งแพร่กระจายจะทำให้การรักษายากขึ้น
สำหรับการรักษามะเร็งระยะที่ 4 จำเป็นต้องใช้การกดฮอร์โมนเพศชาย เพื่อยับยั้งไม่ให้เซลล์มะเร็งลุกลามไปอวัยวะอื่นๆ ซึ่งปัจจุบันมียาต้านฮอร์โมนรุ่นใหม่ (Novel Hormonal Therapy : NHT) แบบรับประทานที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม ช่วยชะลอการลุกลามของโรคได้อย่างมีนัยสำคัญ มีประสิทธิภาพสูง และผลข้างเคียงต่ำ เมื่อเทียบกับวิธีการรักษาอื่นๆ ทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสมีชีวิตยืนยาวขึ้นพร้อมกับคุณภาพชีวิตที่ดี
ขณะที่ ศ.นพ.กิตติณัฐ กล่าวถึงการสังเกตสัญญาณเตือนเบื้องต้นมะเร็งต่อมลูกหมาก 3 ข้อคือ 1.ปัสสาวะผิดปกติ ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะลำบาก 2. อาการปวดรุนแรง บริเวณบั้นเอว อุ้งเชิงกราน ต้นขาตลอดเวลา 3. อาการระยะแพร่กระจาย ได้แก่ อ่อนเพลีย ปวดตามร่างกาย ชา หรืออ่อนแรง กระดูกเสื่อม น้ำหนักลด เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ฯลฯ และ เพื่อให้ชัดเจนควรตรวจคัดกรองเบื้องต้น คือการซักประวัติ ตรวจร่างกายโดยการให้แพทย์คลำต่อมลูกหมากผ่านทางทวารหนัก และ 2. การตรวจเลือดหา ค่า PSA (Prostatic Specific Antigen) หรือสารคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากในเลือด
ทั้งนี้มะเร็งต่อมลูกหมาก หากตรวจพบเร็วมีโอกาสรักษาให้หายขาดได้ แต่หากเจอในระยะที่มะเร็งกระจายนอกต่อมลูกหมากแล้วการรักษาจะมีความซับซ้อนมากขึ้น และอาจต้องให้การรักษาเป็นสหสาขาวิชาชีพ เพื่อประคับประคองให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตได้นานที่สุดอย่างมีคุณภาพ
คุณหมอระบุว่าทางที่ดีที่สุดคือการคัดกรอง เริ่มคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากตั้งแต่อายุ 50 ปีขึ้นไปโดยไม่ต้องรอให้มีอาการ แต่หากมีประวัติครอบครัวสายตรงป่วยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ก็ควรคัดกรองแต่เนิ่นๆ ตั้งแต่อายุ 40-45 ปี