นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร รับหนังสือร้องเรียนจากนายพงษ์ประพันธ์ นิตยารัมภ์พงศ์ พร้อมด้วยประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากแก๊งคอลเซนเตอร์ โดยถูกหลอกว่ามีคดีความและถูกตำรวจปลอมหลอกให้โอนเงิน ผู้เสียหายได้แจ้งความดำเนินคดีแล้วแต่ไม่มีความคืบหน้า จึงขอความช่วยเหลือจาก กมธ. พร้อมระบุว่าได้รวบรวมหลักฐานเพื่อฟ้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำงานไม่รอบคอบ ทำให้มีผู้เสียหายจำนวนมาก
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์เป็นเรื่องใหญ่ สร้างความเสียหายต่อประชาชนทั่วประเทศ โดยข้อมูลของทางการระบุว่า ความเสียหายต่อปีอยู่ที่ 7-8 หมื่นล้านบาท แต่เชื่อว่าตัวเลขจริงอาจสูงกว่านี้ กรณีของนายพงษ์ประพันธ์ มีความเสียหายถึง 3.2 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามที่สำคัญของประเทศ
“เราไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีกต่อไป ต้องเร่งจัดการปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ให้หมดสิ้น” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลายภาคส่วนต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหานี้ เช่น ธนาคารต้องมีมาตรการป้องกัน รวมถึงการควบคุมบัญชีม้าและซิมม้า ซึ่งที่ผ่านมา แม้จะมีการหารือในสภาหลายครั้ง แต่ยังไม่เห็นความคืบหน้าในการปราบปรามอย่างจริงจัง แม้จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ตราบใดที่ประชาชนยังถูกหลอกลวง เม็ดเงินก็รั่วไหล ไม่เพียงแต่ทำลายชีวิตประชาชน แต่ยังทำลายภาพลักษณ์ของประเทศด้วย
นายรังสิมันต์ ยืนยันว่า แก๊งคอลเซนเตอร์ไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว แต่เชื่อมโยงกับหลายภาคส่วนในประเทศไทย จึงสามารถจัดการได้ แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับนิ่งเฉย การตัดไฟฟ้าเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหา แต่ต้องมีมาตรการอื่นๆ ร่วมด้วย
ทั้งนี้ กมธ. จะลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ในวันที่ 16-17 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อติดตามเรื่องดังกล่าว
เมื่อถูกถามถึงความร่วมมือกับจีนในการปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ประเทศไทยสามารถจัดการเองได้ แต่การร่วมมือกับจีนจะช่วยให้การดำเนินการมีความชัดเจนมากขึ้น โดยหวังว่าความร่วมมือนี้จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม