นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค เปิดเผยกับ The Publisher ถึงความคืบหน้าในการฟ้องกลุ่มรวมผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากกรณี OPPO – Realme ฝังแอปฯ เงินกู้เถื่อนไว้ในระบบปฏิบัติการ ว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะรวมกลุ่มผู้เสียหายไปดำเนินคดีอาญา โดยจะไปทั้งที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค และ สำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือ สคส. เพราะตามกฎหมาย สคส.จะดำเนินการได้ต้องมีผู้ร้องเรียน โดยแบ่งเป็นสองส่วน เกี่ยวกับเรื่องละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลไปที่ สคส. ส่วนการปล่อยกู้เกินกฎหมายกำหนดไปที่ ปคบ. ผู้เสียหายมีจำนวนมากเราอยากดันให้เป็นกระบวนการพิเศษ เพราะผู้กระทำผิดอยู่นอกประเทศด้วย ถ้าดีเอสไอเข้ามาก็จะทำแบบรวมศูนย์เบ็ดเสร็จได้ไม่กระจัดกระจาย แต่ก็คงต้องดูว่าเข้าเงื่อนไขที่จะเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ ส่วนคดีแพ่งสภาองค์กรของผู้บริโภคสามารถดำเนินการได้เต็มร้อยอยู่แล้ว
“กรณี OPPO – Realme ฝังแอปฯ เงินกู้เถื่อน ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว ทั้งปล่อยกู้ดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนด และติดตามทวงถามหนี้ผิดกฎหมาย ที่เหลือคือการตรวจสอบการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล เป็นหน้าที่ สคส.ต้องดำเนินการต่อไป ซึ่งสภาองค์กรของผู้บริโภค คาดหวังให้ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสาวไปให้ถึงต้นตอ เพราะจากข้อมูลที่ได้พบว่า เมื่อมีแอปฯ นำร่องติดไปกับมือถือ ยังมีแอปฯ เงินกู้ไหลเข้ามาอีกจำนวนมาก เมื่อมีการโอนชำระคืนหนี้ปรากฏว่าบัญชีแอปฯ เหล่านี้มีความเชื่อมโยงเพราะใช้บัญชีเดียวกัน แสดงว่าแอปฯ ที่ดูเหมือนมีจำนวนมากก็อาจจะเหมือนร้านไอทีในพันธุ์ทิพย์ที่ทำหน้าร้านหลาย ๆ ร้าน แต่เส้นเงินเดียวกัน ใช้บัญชีม้าเดียวกัน จึงต้องสาวให้ลึกถึงผู้ประกอบธุรกิจทั้งหมดที่สร้างผลกระทบกับผู้บริโภค และการประกอบการจากต่างแดนกฎหมายกำหนดชัดว่าต้องมีตัวแทนมาทำหน้าที่ในประเทศไทยด้วยแต่กลับไม่มี ดังนั้น สคส.ต้องพิจารณาปรับทางปกครองกับบริษัทที่เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วยเพื่อให้เห็นความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายไทย ให้ประชาชนมีความศรัทธาเชื่อมั่นต่อระบบการคุ้มครองประชาชนตามกฎหมาย” นายอิฐบูรณ์ กล่าว