Author: Writer Publisher

เมื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ “บิ๊กป้อม” ตัดสินใจ ลุกขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยตัวเอง คำถามที่หลายคนอยากรู้คือ “จะรอดไหม?” นี่อาจเป็นหนึ่งใน เกมเดิมพันสูงสุดของบิ๊กป้อมในฐานะฝ่ายค้าน เพราะเขาไม่ใช่แค่นักการเมืองธรรมดา แต่คือ อดีตผู้มีอำนาจในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ 9 ปีเต็ม และยังร่วมเป็นรัฐบาลกับ “เศรษฐา” ด้วย แม้ไม่มีตำแหน่งแห่งหนใน ครม. แต่ก็คลุกคลีคีโมงในวังวน “อำนาจ” เกือบจะตลอดเวลา กระทั่งถูกเขี่ยออกจากรัฐบาลในยุค แพทองธาร ใครจะคิดว่าวันนี้ เขาต้องมารับบท “ผู้ซักฟอก” แทนที่จะเป็น “คนถูกซักฟอก” หาก “บิ๊กป้อม” ลุกขึ้นอภิปรายด้วยตัวเองจริง ไม่เพียงถือเป็นครั้งแรกของเขาในฐานะฝ่ายค้าน แต่ยังเป็นบทพิสูจน์ว่า “บิ๊กป้อม” ยังเป็นผู้เล่นสำคัญทางการเมือง หรือกลายเป็นอดีตไปแล้ว? จากรัฐบาลสู่ฝ่ายค้าน…บทบาทที่พลิกผันของบิ๊กป้อม ย้อนกลับไปหลังเลือกตั้งปี 2566 พลังประชารัฐของบิ๊กป้อมเคยเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเศรษฐา แม้จะไม่ได้มีอำนาจสูงสุด แต่ก็ยังมีบทบาทในอำนาจรัฐ แต่เมื่อการเมืองเปลี่ยนไป เศรษฐาพ้นจากตำแหน่ง และ แพทองธาร ชินวัตร ก้าวขึ้นมาเป็นนายกฯ พรรคพลังประชารัฐกลับ ถูกเขี่ยออกจากรัฐบาล กลายเป็นฝ่ายค้านเต็มตัว นี่คือ ครั้งแรกที่บิ๊กป้อมต้องทำหน้าที่ฝ่ายค้านจริง ๆ ซึ่งต่างจากเดิมที่เขา เคยมีอำนาจคุมเกมจากทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ดังนั้น การอภิปรายครั้งนี้ ไม่ใช่แค่โอกาสซักฟอกรัฐบาล แต่เป็นเดิมพันสำคัญที่ต้องแสดงให้เห็นว่า “พลังประชารัฐยังมีของ” และตัวเขาเอง “ยังเป็นตัวแปรสำคัญ” จุดแข็งของบิ๊กป้อม – มีอะไรในมือ? แม้บิ๊กป้อมไม่ใช่นักอภิปรายที่ดุเดือด แต่เขามี อาวุธสำคัญ 3 อย่าง ที่อาจช่วยให้เขารอดจากศึกนี้ รู้ข้อมูลวงในรัฐบาลเดิมบิ๊กป้อมเคยอยู่ร่วมรัฐบาลมาก่อน เขาอาจรู้เบื้องลึกเบื้องหลังที่พรรคเพื่อไทยและแพทองธารไม่อยากให้ถูกเปิดเผย หากสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้โจมตีรัฐบาลได้ เขาอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนในสภาฯ ได้ แค่ต้องเก็บแหวนแม่นาฬิกาเพื่อนไว้ลึก ๆ หน่อย เครือข่ายข้าราชการและกองทัพถึงจะไม่ได้อยู่ในรัฐบาล แต่บิ๊กป้อมยังมี คอนเนกชันกับข้าราชการและฝ่ายความมั่นคงหากมีการเปิดเผยเรื่อง ความล้มเหลวด้านความมั่นคง หรือข้าราชการไม่พอใจรัฐบาลแพทองธาร นี่อาจเป็นจุดโจมตีสำคัญ ประสบการณ์ทางการเมืองหลายสิบปีแม้จะถูกมองว่า “พูดไม่เก่ง” แต่เขา อ่านเกมขาด การวางหมากให้ลูกพรรคอภิปรายแทน และเลือกอภิปรายในจังหวะที่จำเป็น จับให้ติด มีข้อมูลลึก อาจช่วยให้เขา “รอด” จากการซักฟอกครั้งนี้…

Read More

ป.ป.ช. สนธิกำลังตำรวจ บุกรวบ “คมกริช พิชิตสุวรรณ” อดีตนักวิชาการเงิน มหาวิทยาลัยพะเยา ทุจริตโกงเงินมหาวิทยาลัยกว่า 10 ล้านบาท แถมยังมีหมายจับติดตัวอีก 2 คดี! ถูกจับได้ขณะโผล่โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน แผนฉ้อโกงเงินทุนการศึกษา – ทำรัฐเสียหาย 10 ล้านบาท! วานนี้ (3 มีนาคม 2568) สำนักงาน ป.ป.ช. นำโดย นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการ ป.ป.ช. และ นายวิวัฒน์ เจริญฉ่ำ รองเลขาธิการฯ ได้สั่งการให้ หน่วยสืบสวนคดีทุจริต ภาค 5 และ ภาค 7 สนธิกำลังร่วมกับ ตำรวจ สน.เทียนทะเล เข้าจับกุม นายคมกริช พิชิตสุวรรณ อายุ 48 ปี อดีตนักวิชาการและบัญชี มหาวิทยาลัยพะเยา ซึ่งมีหมายจับ ศาลอาญาคดีทุจริต ภาค 5 ในข้อหาทุจริตเงินมหาวิทยาลัย โดยมีพฤติกรรมฉ้อโกงขณะดำรงตำแหน่ง นักวิชาการเงินและบัญชี ม. พะเยา นายคมกริช เป็นผู้มีหน้าที่ จัดการจ่ายเงินทุนการศึกษาและงบประมาณของมหาวิทยาลัย ใช้อำนาจในหน้าที่ เบียดบังเงินทุนเป็นของตัวเอง ผ่านช่องทางเบิกจ่ายที่ผิดกฎหมาย ทำให้มหาวิทยาลัยพะเยา เสียหายกว่า 10,005,000 บาท! ไม่ใช่แค่คดีเดียว! หมายจับติดตัวอีกเพียบ! โดยนายคมกฤช มีหมายจับติดตัวถึง 2 หมาย ประกอบด้วยหมายจับที่ 1 ศาลจังหวัดกาญจนบุรี คดีลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้าง หมายจับที่ 2 ศาลจังหวัดนครสวรรค์ คดีร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ หลังหลบหนีนานหลายเดือน เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. และตำรวจสืบทราบว่า นายคมกริชอยู่ในกรุงเทพฯ และปรากฏตัวที่โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน โดยเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตาม ก่อน เข้าจับกุมได้ทันควัน ขณะกำลังเดินออกจากโรงพยาบาล! หลังจากจับกุม ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหา และนำตัวส่งอัยการคดีปราบปรามการทุจริต ภาค…

Read More

ป.ป.ช. ภาค 1 สนธิกำลังตำรวจบุกรวบ “สายใจ (สงวนนามสกุล)” อดีตนายกเทศมนตรีเมืองเขาสามยอด จ.ลพบุรี หลังหลบหนีคดีทุจริตจัดซื้อรถสุขาเคลื่อนที่ มูลค่าความเสียหายกว่า 9 แสนบาท ก่อนถูกตามจับคาห้องน้ำปั๊มน้ำมันในอยุธยา เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568 สำนักงาน ป.ป.ช. ภายใต้การอำนวยการของ นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการ ป.ป.ช. และ นางสาวชฎารัตน์ อนรรฆอร รองเลขาธิการฯ ได้สั่งการให้ หน่วยสืบสวนคดีทุจริต ป.ป.ช. ภาค 1 ลงพื้นที่ติดตามตัว นางสายใจ (สงวนนามสกุล) อดีตนายกเทศมนตรีเมืองเขาสามยอด จ.ลพบุรี หลังถูกศาลอาญาคดีทุจริตฯ ออกหมายจับในข้อหา ทุจริตจัดซื้อรถสุขาเคลื่อนที่ ขนาด 4 ห้อง มูลค่าความเสียหาย 925,044.67 บาท จากการสืบสวนพบว่า นางสายใจ อนุมัติการจัดซื้อรถสุขา โดยแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการเอง แต่ไม่เป็นไปตามระเบียบราชการ มีการลงนามในเอกสารสำคัญ อาทิ ประกาศสอบราคา (3 ธ.ค. 2552) ลงนามสัญญาซื้อขาย กับห้างหุ้นส่วนจำกัด ก.ปิติการโยธา และเซ็นฎีกาเบิกจ่ายเงิน แม้โครงการไม่เป็นไปตามข้อกำหนด ทำให้ เทศบาลเมืองเขาสามยอดเสียหายกว่า 9 แสนบาท จนนำไปสู่การชี้มูลความผิดทางอาญาโดย ป.ป.ช. ก่อนส่งสำนวนให้อัยการดำเนินคดี หนีไม่รอด! ตำรวจ-ป.ป.ช. ไล่ล่าจนจนมุมในห้องน้ำปั๊ม หลังถูกศาลออกหมายจับ นางสายใจกลับไม่ยอมมารายงานตัวตามหมายเรียกของอัยการ มีพฤติการณ์ หลบหนีและเลี่ยงกระบวนการยุติธรรม ทำให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. และตำรวจภูธรโชคชัย ต้องเร่งไล่ล่า โดยเบาะแสล่าสุด พบว่า ผู้ต้องหายังหลบซ่อนตัวอยู่ใน จ.ลพบุรี เจ้าหน้าที่จึงตามประกบรถยนต์โตโยต้า อัลพาร์ด ที่ใช้เดินทางออกจากบ้านพักสะกดรอยจนถึงปั๊ม ปตท. สายเอเชีย จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อถึงจุดพักรถ นางสายใจลงจากรถ ก่อนสังเกตเห็นตำรวจ แล้วรีบวิ่งหนีเข้าไปในห้องน้ำปั๊มทันที! เจ้าหน้าที่จึงต้อง สนธิกำลังตำรวจท้องที่ ปิดล้อมพื้นที่ และประกาศให้ผู้ต้องหาออกมามอบตัว สุดท้าย…

Read More

เป็นการประชุมวุฒิสภาพิจารณาญัตติปัญหากระบวนการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมาย โดย พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว.ในฐานะประธาน กมธ. กิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ และการเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ผู้เสนอญัตติ ระบุว่ากระบวนการยุติธรรมขาดประสิทธิภาพ มีความล่าช้าในการดำเนินคดี มีการแทรกแซง และครอบงำจากฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะการดำเนินคดีพิเศษของกระทรวงยุติธรรม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของสังคมว่ากระบวนการยุติธรรมพึ่งพาได้หรือไม่ นอกจากนี้ยังมีปัญหาในการบังคับกฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพ เช่นเลือกปฏิบัติในการให้สิทธิแก่ผู้ต้องขังในการได้รักษาพยาบาล รวมถึงกรณีที่ รมว.ยุติธรรม และอธิบดีดีเอสไอ จงใจกลั่นแกล้งกล่าวหาว่าการได้มาซึ่ง สว.มีการฮั้ว เป็นอั้งยี่ และกระทำผิดฟอกเงิน และเป็นความผิดความมั่นคงของชาติ ล็อกเป้าไปที่กลุ่ม สว.สีน้ำเงิน 138+2 ทั้งที่อำนาจการพิจารณา สว.เป็นของ กกต. ทำให้ สว.ได้รับความเสียหายเสียชื่อเสียง หาว่าได้ตำแหน่งมาโดยไม่ชอบ ไม่สุจริตและโปร่งใส ทำให้ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง อันเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ซึ่งฝ่ายกฎหมายวุฒิสภากำลังพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษบอกพร้อมรับแจ้งข้อกล่าวหาจากดีเอสไอ และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมด้วย เช่นเดียวกับ สว.หลายคนที่ออกมาอภิปรายตอบโต้ DSI และ กระทรวงยุติธรรม เช่น พล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสาย ยืนยันการได้มาซึ่ง สว.มาอย่างถูกต้อง ไม่ใช่กระทำการอั้งยี่ เผย สว.ทั้งหมดเตรียมฟ้องหมิ่นประมาท และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พร้อมเชิญชวน สว.ลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิ และพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นว่าพวกเรา สว.มาอย่างถูกต้อง ชอบธรรม

Read More

ศูนย์กลางทางการเงิน หรือศูนย์กลางรวบอำนาจ?” คำถามที่เริ่มดังขึ้นหลังจากที่ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกโรงเตือนว่า รัฐบาลกำลังพยายามเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารนโยบายการเงิน โดยลดบทบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่านร่างกฎหมาย Financial Hub ที่ซุ่มพิจารณาเงียบ ๆ ใน ครม. Financial Hub ไทย แข่งสิงคโปร์-ฮ่องกง ได้จริงหรือ? รัฐบาลพยายามผลักดันร่าง “พ.ร.บ. ศูนย์กลางประกอบธุรกิจทางการเงิน” โดยอ้างว่า ต้องการให้ประเทศไทยเป็น Financial Hub ที่ดึงดูดธนาคารระดับโลกเข้ามาทำธุรกิจ เพื่อแข่งกับ ฮ่องกงและสิงคโปร์ แต่ ธีระชัยมองว่าเป็นไปได้ยากมาก! เพราะว่าระบบกฎหมายเรายังไม่พร้อม!” ประเทศที่เป็นศูนย์กลางการเงินโลก เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ใช้ กฎหมายอังกฤษ และกระบวนการศาลเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ทำให้การเจรจาทางการเงินระหว่างประเทศง่ายขึ้น แต่ของไทย? กฎหมายไม่เอื้อ! รัฐบาลไทยเคยมีคำสั่งห้ามใช้ อนุญาโตตุลาการ ในสัญญาของรัฐกับเอกชน ก่อนจะกลับลำอนุญาต แต่ก็มียกเว้นในโครงการร่วมทุนภาครัฐและเอกชน ทำให้ต่างชาติขาดความมั่นใจ “เมื่อกฎหมายไม่รองรับ นักลงทุนก็ไม่มา!” “ภาพลักษณ์คอร์รัปชันย่ำแย่ทำให้ต่างชาติเมิน!”นอกจากนี้ดัชนีความโปร่งใสของไทยปี 2567 อยู่ที่ อันดับ 107 จาก 180 ประเทศ ขณะที่ ฮ่องกง อันดับ 17 และสิงคโปร์ อันดับ 3 “ถามจริง ใครจะทิ้งฮ่องกง สิงคโปร์ มาเสี่ยงที่ไทย?” “ศูนย์กลางการเงิน? หรือศูนย์กลางความเสี่ยง?” “ผมไม่เชื่อว่าสถาบันการเงินใหญ่ ๆ ของโลกที่มีขนาดใหญ่กว่าตลาดทุนไทยหลายเท่า จะย้ายจากศูนย์กลางระดับโลกมาอยู่ในไทย ที่ขึ้นชื่อเรื่องปัญหาคอร์รัปชัน!” Financial Hub หรือช่องทางออกเงินดิจิทัลเอง? ธีระชัย ตั้งข้อสังเกตว่า “ร่างกฎหมายนี้อาจไม่ได้มีแค่เรื่อง Financial Hub แต่แอบแฝงเป้าหมายอื่น!” โดยเฉพาะ การเปิดทางให้รัฐบาลออก “เงินดิจิทัล” เอง โดยข้ามอำนาจ ธปท. ตามปกติ การออก เงินดิจิทัล ต้องผ่าน แบงก์ชาติ ใน 2…

Read More

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุว่าวันที่ 6 มีนาคม คณะกรรมการคดีพิเศษ หรือ กคพ. จะประชุมเพื่อพิจารณาจะรับคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. เป็นคดีพิเศษหรือไม่ พร้อมตรวจสอบเอกสารหลุด ซึ่งพบรายชื่อผู้สมัครและผู้ได้รับเลือก สว. ประมาณ 1,200 ราย ที่อาจเกี่ยวข้องกับคดีฮั้วเลือก สว. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ จะเรียกผู้ที่มีชื่อในรายชื่อนี้มาสอบปากคำในฐานะพยาน พร้อมยืนยันเอกสารที่หลุดไม่ได้มาจากดีเอสไอ คาดว่าเป็นข้อมูลที่เกิดจากการเลือกตั้ง สว. ที่เมืองทองธานี และมีการตรวจสอบรายชื่อเพิ่มเติม ซึ่งบางรายอาจจะไม่ได้ทำผิด แต่จะเรียกทุกคนที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงต่อไป ก่อนหน้านี้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองด้านอาชญากรรมระหว่างประเทศและอาชญากรรมพิเศษ มีมติเสนอเรื่องให้บอร์ด กคพ. พิจารณารับกรณีนี้เป็นคดีพิเศษ ตามฐานความผิดฐานอั้งยี่ ฟอกเงิน และ มาตรา 116 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ หลังพบความผิดชัดเจน โดย บอร์ด กคพ. จะต้องลงมติ 2 ใน 3 รับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ส่วนที่มี สว.ยื่นขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบการทำงานของ พ.ต.อ. ทวี และ พ.ต.อ.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ กรณีที่พยายามนำเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษ พ.ต.อ.ทวียืนยันว่าไม่มีปัญหาในกระบวนการทำงาน และมั่นใจว่าดีเอสไอจะทำงานได้ตามกฎหมายโดยไม่มีการแทรกแซงจากภายนอก

Read More

ป.ป.ช. ภาค 3 จับมือ สภ.โชคชัย ตามลากคอ “นายช่างหุ่นเชิด” ทุจริตซ่อมรถดับเพลิงเทศบาล พบแผนฮั้วประมูล-หน้าร้านล่องหน รัฐเสียหายกว่า 57,140 บาท! วันที่ 3 มีนาคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภาค 3 ภายใต้การอำนวยการของ นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการ ป.ป.ช. และ นายณัฐวุฒ ขมประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ช. ภาค 3 ได้สั่งการให้ งานสืบสวนคดีทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 3 ประสานร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โชคชัย นำกำลังเข้าจับกุม นายสาทิศ พลไชย อายุ 46 ปี ตามหมายจับ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ที่ จ 59/2567 ลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 โดยนายสาทิศ ถูกแจ้งข้อหาตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151, 152, 157 ประกอบ มาตรา 86 และ 91 รวมถึง พ.ร.ป.ป.ป.ช. 2561 มาตรา 172 ฐานเป็น “ผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานทุจริต” ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย เปิดบริษัทบังหน้า – ไม่มีหน้าร้านจริงนายสาทิศ ในขณะนั้นเป็นเพียง ลูกจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัดซ่อมรถยนต์ แต่กลับไป จดทะเบียนพาณิชย์ตั้งชื่อ “สาทิศการช่าง” รับงานซ่อมรถทุกชนิด แต่ความจริงแล้ว ไม่มีหน้าร้าน ไม่มีอู่ ไม่มีเครื่องมือ ฮั้วประมูล ซ่อมรถดับเพลิงเทศบาลนายสาทิศได้ดำเนินการเข้าประมูลงานซ่อมแซม รถดับเพลิงของเทศบาลตำบลหนองหัวแรด ใช้วิธี “ตกลงราคา” โดยไม่มีการแข่งขันที่แท้จริง แสวงหาผลประโยชน์ที่ไม่ควรได้โดยชอบ ทำให้รัฐเสียหายกว่า 57,140 บาท ตามจับถึงที่กบดาน!…

Read More

ตลาดหุ้นไทยยังคง “แดงเถือก” ไม่เห็นแววจะฟื้น แม้ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ จะเคย “เป่ามนต์” ปลุกตลาดหุ้น ก็ยังทำอะไรไม่ได้! รอบนี้…มนต์เสื่อม หรือหมดศรัทธา? “หุ้นไทยทรุด” – นักลงทุนหนี กองทุนใหญ่เทขาย ความเชื่อมั่นหดหาย!SET Index รูดหนัก ดิ่งต่ำสุดรอบหลายปี ไม่มีแรงซื้อพยุง หุ้นไทยอาการหนัก นักลงทุนต่างชาติถอนทุนต่อเนื่อง บาทอ่อน ศรัทธาตลาดหาย นักลงทุนมองว่าประเทศขาดเสถียรภาพ “การเมืองไม่นิ่ง เศรษฐกิจไม่เดิน” ทักษิณคัมแบ็ก เป่ามนต์ปลุกหุ้น – แต่ดัชนีไม่สนใจ! ย้อนกลับไปในยุคที่ทักษิณเรืองอำนาจ ตลาดหุ้นไทยเคยทะยานขึ้นจากนโยบายเศรษฐกิจที่ชัดเจน (หรืออย่างน้อยก็ทำให้นักลงทุนเชื่อว่ามีแผนจริง!) แต่วันนี้ ตัวพ่อมาแล้ว หุ้นก็ยังดิ่ง…เพราะอะไร? “มนต์เสื่อมหรือหมดยุค?”อาจเป็นไปได้ว่านักลงทุนไม่อินกับคำพูดแล้ว “ต้องการการกระทำ ไม่ใช่แค่สัญญา” ศรัทธาในฝีมือทักษิณยังพอมี แต่ “ศรัทธาในทีมบริหาร?” นักลงทุนส่ายหัว! นายกฯ – หุ้นลงเหว! ผู้นำ Gen Y หรือ Gen Why? การเมืองไทยเข้าสู่ยุค “นายกฯ ลูกทักษิณ” แต่ตลาดหุ้นกลับให้คำตอบชัดเจนว่า “ตลาดทุนไม่เชื่อมั่น” สาเหตุเป็นเพราะ ไร้แผนเศรษฐกิจที่ชัดเจนพูดเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ แต่ผลงานยังไม่เห็น ปัญหาแรงงาน-ค่าครองชีพหนักขึ้น ตลาดหุ้นไม่ได้ต้องการแค่ภาพลักษณ์ Gen Y แต่ต้องการผู้นำที่มีความสามารถบริหารเศรษฐกิจ! จากยุคหุ้นพุ่งสู่ยุคหุ้นฟุบ – เพราะลูกสาวบริหาร หรือเพราะยุคของพ่อมันจบแล้ว? สุดท้าย…นักลงทุนไม่ได้ดูว่า “ใครเป็นพ่อ” แต่ดูว่า “ใครบริหารประเทศ!”วันนี้ตลาดหุ้นไทยกำลังส่งสัญญาณชัดเจนว่า มนต์ทักษิณปลุกหุ้นไม่ขึ้นแล้ว! ศรัทธาในรัฐบาลลูกสาว…ไม่มี! ถ้าทีมเศรษฐกิจยังเดินแบบไม่มีแผน นักลงทุนนั่งมองหุ้นแดงต่อไปแน่นอน! ศรัทธาตลาดทุน ไม่ได้อยู่ที่ “ชื่อ” หรือ “สกุล” แต่มันอยู่ที่ “ฝีมือ”…ร่ายมนต์ก็แล้ว…ไม่ได้ผล ลองเปลี่ยนนายกฯ ดูมั้ย? เผื่ออะไร ๆ จะดีขึ้น!

Read More

กาสิโนในไทย เรื่องที่รัฐบาลบอกว่าทำเพื่อประโยชน์ของประเทศ แต่ดูเหมือนทุกอย่างที่ออกมาจะย้อนแย้งกันเองไปหมด! ตั้งแต่ประเด็น “คนไทยจะเล่นได้หรือไม่?” “ต้องมีเงินฝาก 50 ล้าน?” “หรือต้องตรวจภาษีย้อนหลัง?” เล่นไปเล่นมา กฎเปลี่ยนเป็นว่า…ยังไม่ชัวร์อะไรเลย! ที่สำคัญคือรัฐบาลเคยประกาศไม่มอมเมาประชาชนด้วยการพนัน แต่การเปิดช่องให้คนไทยเข้าเล่นได้ง่ายขึ้น ด้วยการยกเลิกเงินในบัญชี 50 ล้าน มันคืออะไร? นโยบายลักลั่น – พูดอย่าง ทำอีกอย่าง! ตอนแรกบอกว่า…คนไทยจะต้องมี เงินฝาก 50 ล้านบาท ติดต่อกัน 6 เดือนถึงจะเล่นกาสิโนได้ แต่จู่ ๆ ก็เปลี่ยนใหม่…เงินฝาก 50 ล้าน? ตัดออก! เปลี่ยนเป็นต้องตรวจภาษีย้อนหลัง 3 ปีแทน แต่แล้วกฎ 50 ล้านยังไม่หายไปไหน…แถมยังอยู่ในร่างกฎหมาย! สรุปแล้ว…ตกลงรัฐบาลจะให้คนไทยเล่นกาสิโน หรือแค่ให้คนบางกลุ่มเล่น? สำคัญที่สุดระหว่างเถียงเรื่องนี้จะแก้ปัญหาคนไทยกลายเป็นผีพนันได้ยังไง กลับไม่เคยถูกพูดถึง เราอาจเห็นรัฐบาลย้อนแย้งอยู่ตลอด ที่แทงตรงอย่างเดียวคือ “ผลประโยชน์” แต่ของใคร?

Read More

เป็นข่าวใหญ่สะเทือนโลก เมื่อประธานาธิบดีทรัมป์ มีคำสั่งให้ระงับความช่วยเหลือทางทหารกับยูเครนชั่วคราว จนกว่าจะตัดสินใจว่าผู้นำของยูเครนแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นต่อสันติภาพอย่างแท้จริง ทำให้ยุทโธปกรณ์ทางทหารของสหรัฐฯ ที่ยังไม่ได้จัดส่งไปให้ยูเครนจะถูกระงับชั่วคราว รวมถึงอาวุธที่กำลังขนส่งอยู่ทั้งหมด หลังจากเกือบ 3 ปีสหรัฐฯ ใช้งบไปหลายพันล้านดอลลาร์กับความช่วยเหลือยูเครน คำสั่งดังกล่าวทำให้เกิดปฏิกิริยาจากชาติยุโรปและกลุ่มพันธมิตรนาโต ที่ประกาศจุดยืนตรงข้ามด้วยการประกาศสนับสนุนยูเครน โดยยืนยันส่งความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนอย่างแข็งขัน และยังคว่ำบาตรรัสเซียต่อไป นี่เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในการทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับพันธมิตรในยุโรปตึงเครียดเพิ่มขึ้น เพราะไม่ว่าใครก็รู้หลังพี่เบิ้มสหรัฐฯ ระงับความช่วยเหลือทางทหาร พี่เบิ้มรัสเซียก็จะถือโอกาสรุกคืบ และยึดครองพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองในโต๊ะเจรจากับยูเครนมากขึ้น ขณะเดียวกันการกดดันทางทหาร และเศรษฐกิจอาจส่งผลต่อเสถียรภาพทางการเมืองของประธานาธิบดี เซเลนสกีของยูเครน หรือนี่เป็นการบีบให้ เซเลนสกีใส่สูทผูกไทกลับไปทำเนียบขาวซูฮกให้ทรัมป์ ประเคนแร่ธาตุในยูเครนให้สหรัฐฯ ตามที่ทรัมป์ต้องการ หลังจากทั้งคู่ปะทะคารมเดือดกลางทำเนียบขาวเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา หรือนี่คือเกมการเมืองโลกที่ต้องการบีบให้ยูเครนเปลี่ยนผู้นำ ตามที่ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ตั้งคำถามว่า ควรรอให้เซเลนสกีจะได้สติและกลับสู่โต๊ะเจรจาด้วยความซาบซึ้งในความช่วยเหลือของอเมริกา หรือว่ายูเครนควรหาผู้นำใหม่ดีกว่า ความไม่แน่นอนในยูเครน จะส่งผลต่อตลาดพลังงานและเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติผันผวน ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจไทยที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงาน รวมถึงสถานการณ์ค่าเงินที่ผันผวน อาจกระทบต่อการนำเข้าและส่งออกของไทย นี่ยังไม่รวมถึงการค้าการลงทุนที่นักลงทุนต้องระมัดระวังการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงด้วย คำถามคือรัฐบาลไทยเตรียมการเรื่องนี้ไว้อย่างไร เมื่อเกิดความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์โลกเช่นนี้ แต่อย่างน้อยควรจะรู้ว่าการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและการเตรียมความพร้อมเป็นสิ่งสำคัญ

Read More