Author: Writer Publisher

เป็นอีกวันที่สถานการณ์การเมือง คล้ายกับสภาพอากาศทั่วไทยที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านฤดู จากนี้ไปอุณหภูมิจะร้อนขึ้นตามลำดับเช่นเดียวกับการเมืองไทย โดยเฉพาะการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ที่มีบิ๊กอ้วน ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมนั่งหัวโต๊ะรอเคาะจะรับคดีสอบสวนการเลือก สว.ที่ผ่านมาเป็นคดีพิเศษหรือไม่ จากข้อร้องเรียนที่ว่ามีการฮั้ว-บล็อกโหวตเลือก สว.โดยมี 138 สว.จาก 200 คนเป็นเป้าหมายถูกตรวจสอบ ซึ่งถูกเรียกว่า สว.สายสีน้ำเงิน ที่อาจถูกตั้งข้อหาความผิดอาญาเข้าข่ายอั้งยี่ และฟอกเงินยกเข่ง เรื่องนี้ถูกจับตามองจากทั้งสังคมว่าหวยจะออกยังไง ที่ประชุม กคพ. จะกล้าฟันธงตั้งเรื่องรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ หรือปัดตกเพราะถือเป็นอำนาจของ กกต.ดำเนินการ หรือจะเลื่อนการพิจารณาออกไปก่อน เพราะบอร์ด กคพ.ก็ไม่ใช่ใครจะคุมได้ทั้งหมด เพราะไม่ใช่มีแต่ฝ่ายการเมืองเท่านั้น ยังมีหัวหน้าส่วนราชการ และส่วนอื่นๆ ที่อาจมองเห็นอีกมุม และเกรงใจเหล่า สว.สายสีน้ำเงิน การประชุมวันนี้จึงมีความหมาย กล่าวคือในแง่กฎหมายต้องถกกันหนักว่า DSI มีอำนาจหรือไม่ และเป็นการก้าวก่ายอำนาจนิติบัญญัติตามที่ สว.ออกมาตอบโต้หรือไม่ ทำไมไม่ปล่อยเป็นหน้าที่ของ กกต.จัดการ (หลังจากรอแล้วรอเล่า) ในแง่การเมืองหาก DSI รับเรื่องไว้สอบสวน และส่งให้ กกต.ดำเนินการอีกทางหนึ่ง นี่เท่ากับกวาดล้าง สว.ค่ายสีน้ำเงิน และส่งผลต่อแนวทางการเมืองที่ค่ายพรรคสีน้ำเงินวางไว้เพื่อเป็นหลักประกันทางอำนาจแบบยาวๆ และเปิดทางให้ค่ายสีแดงผงาดขึ้นมาโดยไม่มีใครขวางในสภาล่าง สภาสูงได้อีก นี่คือปมใหญ่ที่เพื่อไทย ค่ายพรรคสีแดง กับภูมิใจไทย ค่ายสีน้ำเงินเปิดศึกกันอีกครั้ง หลังขบเหลี่ยมเชิงการเมืองกันมาตลอด จากนโยบายเล็ก ยกระดับเป็นเรื่องใหญ่ ตามไล่ล่าเอาคืนจากเรื่องสนามกอล์ฟอัลไพน์ ถึงสนามกอล์ฟเขาใหญ่ รวมถึงทิศทางการเมืองของทั้งสองที่มีการเลือกตั้งใหญ่เป็นเดิมพัน ทำให้เดิมที่ความสัมพันธ์มีความซับซ้อนกันอยู่แล้ว ยิ่งร้าวหนักขึ้นไปอีก มีความพยายามประสานรอยร้าวในระดับผู้มีบารมีของทั้งสองค่ายพรรค ตามที่มีรายงานข่าวว่าพี่ใหญ่ค่ายสีน้ำเงินดีลพ่อใหญ่ค่ายสีแดงเพื่อหารือกัน แต่ปรากฎมีรายงานว่าดีลลับนี้ล่ม เมื่อมือดีตีข่าวกันอย่างอึกทึก จนพ่อใหญ่ต้องถอยฉากออกไป จนปานนี้ไม่รู้ว่าดีลนี้จะถูกสานต่อหรือไม่ ดังนั้นผลจากการประชุม กคพ.จึงมีความหมายและสะท้อนทิศทางการเมือง หากตีตก หรือเลื่อนการประชุมออกไป อาจหมายถึงดีลลับลงตัว หรืออยู่ระหว่างการเจรจาต่อรอง แต่หาก DSI เดินหน้าลุยถั่วสอย 138 สว. เท่ากับเปิดหวอสัญญาณเตะตัดขาการเติบโตของพรรคค่ายสีน้ำเงินเริ่มอย่างจริงจัง และคาดจะแตกหักกันในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เรื่องนี้ รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว รองคณบดีคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ The Publisher เมื่อวานโดยเตือนเรื่องสอบ สว.ของ DSI อาจทำให้พรรคร่วมรัฐบาลสั่นคลอนเกิด ‘เกมล้มรัฐบาล’…

Read More

รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) โพสต์ข้อความเตือนภัย “วัยติดโปรฯ” ทั้งหลาย ที่มองการดื่มเครื่องดื่มที่ถูกนำมาผสมกับยา “โปรโคดิล” กลายเป็นยาเสพติดสูตรผสมยอดฮิตในหมู่วัยรุ่น ไม่มีอันตราย กินง่าย แต่ความจริงแล้ว นอกจากตัวยาจะถูกนำมาใช้อย่างผิดวัตุประสงค์แล้ว ยังส่งผลเสีย และอันตรายถึงระบบประสาท โดย หมอหมู วีระศักดิ์ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “กินโปรฯ” ที่เหล่าวัยรุ่นพูดถึงนั้น คือ เครื่องดื่มที่ถูกนำมาผสมกับยาที่มีชื่อว่า “โปรโคดิล” หรือยาที่มีส่วนประกอบของ “โปรเมทาซีน” รวมกันกับเครื่องดื่มและยาชนิดอื่นๆ เช่น ทรามาดอล อัลปาโซแลม เพื่อหวังผลให้เกิดความมึนเมา เคลิบเคลิ้ม คล้ายกับการใช้ยาเสพติด.ยา “โปรโคดิล”(Procodyl Syrup) เป็นยาที่ใช้สำหรับบรรเทาอาการแพ้ทั่วไป จัดเป็นยาอันตรายตาม พ.ร.บ. ยา พ.ศ. 2510 โดยตัวยาสำคัญที่ประกอบอยู่ในยาโปรโคดิลคือ “โปรเมทาซีน” (Promethazine) ซึ่งออกฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง ยับยั้งสารฮีสตามีนเพื่อกำจัดสารก่อภูมิแพ้ในร่างกาย.โปรเมทาซีน มีฤทธิ์คล้ายยารักษาอาการทางจิตเวช ทำให้เกิดอาการข้างเคียง คือ ง่วง ซึม เมื่อนำไปผสมกับเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือยาชนิดอื่นที่มีฤทธิ์ทำให้ตื่นตัว ทำให้วัยรุ่นที่กินโปรฯ นั้น มีอาการคล้ายกับการดื่มสุรา โดยอาการที่เกิดขึ้นเมื่อกินโปรฯ เช่น ง่วง มึนงง สลึมสะลือ มึนเมา คล้ายอาการกึ่งหลับกึ่งตื่น เหมือนกันกับการเมาสุราหรือการใช้ยาเสพติด.การทาน โปรเมทาซีน เกินขนาดจะทำให้เกิดการกดการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดอาการซึม เกิดภาวะความดันต่ำ หัวใจเต้นเร็ว และหายใจลำบาก.กินโปรฯ มักจะผสมโปรโคดิลกับยาอื่นที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท เช่น ทรามาดอล หรืออัลปาโซแลม โดยปกติเพียงแค่รับประทานโปรโคดิลเข้าไปก็ส่งผลให้เกิดอาการซึมอยู่แล้ว การผสมกันของสารออกฤทธิ์เหล่านี้อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตรายรุนแรงต่อร่างกาย หากรับประทานร่วมกันในปริมาณมากอาจมีอาการชัก อันตรายสูงสุดคืออาจเสียชีวิตได้ จากระบบหายใจล้มเหลวจากฤทธิ์กดประสาทร่วมกันของยา.ขอบคุณข้อมูล : รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี. ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #หมอหมูวีระศักดิ์ #วัยรุ่นกินโปร #โปรโคดิล

Read More

การกำกับดูแลของ กสทช. กำลังถูกตั้งคำถามอีกครั้ง เมื่อ TrueID ถูกมองว่าใช้ช่องโหว่ของกฎหมาย ให้บริการ OTT โดยไม่ต้องขอใบอนุญาต ต่างจากเคเบิลทีวีและ IPTV ที่ต้องอยู่ภายใต้ข้อกำกับของ กสทช. เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในอุตสาหกรรมสื่อ ขณะเดียวกัน TrueID ยัง ฟ้อง กสทช. จากกรณีที่ อนุกรรมการฯ ที่ศ.กิตติคุณ ดร. พิรงรอง รามสูต เป็นประธาน มีมติให้สำนักงานฯ ออกหนังสือเตือน 127 ผู้ประกอบการ เรื่องการเผยแพร่เนื้อหาทีวีดิจิทัลโดยไม่ได้ปฏิบัติตามกฎ “มัสต์แครี่” จนศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พิพากษาจำคุก ศ.กิตติคุณ ดร. พิรงรอง 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา วิชิต เอื้ออารีวรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ของ เจริญเคเบิลทีวี เปิดใจกับ The Publisher ว่า การแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมนี้กำลัง ทำลายผู้ให้บริการเคเบิลทีวีรายย่อยทั่วประเทศจนเจ๊งเกือบหมดแล้ว เพราะความลักลั่นในการเลือกปฏิบัติของ กสทช. “ใครคุมได้คุม ใครคุมไม่ได้ปล่อย กสทช.ทำให้เกิดการแข่งขันเสรีแต่ไม่เป็นธรรม” TrueID เลี่ยงใบอนุญาต? OTT มีแต้มต่อเหนือคู่แข่ง วิชิต ยังลงรายละเอียดถึงการกำกับดูแลของ กสทช.ว่า ความจริงมีกฎหมายระบุอยู่แล้วว่า ใครที่ให้บริการโครงข่ายเคเบิล ผ่านแสง ผ่านคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือผ่านสื่ออื่นใด ถ้าเป็นการให้บริการภาพและเสียง ถือว่าเป็นการให้บริการกิจการโทรทัศน์ต้องขออนุญาตจาก กสทช. การให้บริการผ่านอินเทอร์เน็ตก็ถือเป็นสื่ออื่นใด แล้วทำไม OTT ไม่ต้องขอใบอนุญาต แต่เหตุใด IPTV ที่ให้บริการผ่านอินเทอร์เน็ตเหมือนกันต้องขอใบอนุญาต “ผมอยู่ในอุตสาหกรรมนี้ผมยังงง ถาม กสทช.ว่า IPTV กับ OTT ต่างกันอย่างไรก็ไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน” ในขณะที่เคเบิลทีวีต้องทำตามกฎทุกอย่าง เรียงช่องทีวีดิจิทัลตามที่ กสทช.กำหนด เผยแพร่โดยไม่มีการดัดแปลงหรือโฆษณา และดูย้อนหลังไม่ได้ แต่ IPTV ไม่ต้องเรียงช่อง ดูย้อนหลังได้ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความไม่เป็นธรรม ส่วน OTT ยิ่งแล้วใหญ่ไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎอะไรเลย ทั้งที่แข่งขันตลาดเดียวกัน ทำให้เคเบิลทีวีเสียเปรียบโดยสิ้นเชิง “กสทช. บังคับผมเรียงช่อง…

Read More

กรมศุลกากรแถลงข่าวจับกุม หญิงสัญชาติอเมริกัน ลักลอบซุกซ่อนยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน หรือ ไอซ์) น้ำหนักรวม 4,300 กรัม มูลค่ากว่า 1.29 ล้านบาท ในชุดผ้าปูที่นอน ขณะเตรียมเดินทางออกจาก ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ไปยัง ท่าอากาศยานนานาชาติชางงี ประเทศสิงคโปร์ ปฏิบัติการตรวจค้นเข้ม จับไอซ์ซุกซ่อนในกระเป๋าเดินทางนายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากมาตรการเข้มงวดของกรมศุลกากร ตามนโยบายของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่มุ่งปราบปรามการลักลอบค้าและส่งออกยาเสพติด เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบบัญชีรายชื่อผู้โดยสารและพบว่าหญิงชาวอเมริกันรายนี้มีความเสี่ยงสูง เจ้าหน้าที่จึงดำเนินการเฝ้าสังเกตและตรวจค้นสัมภาระ จนพบ กระเป๋าเดินทางต้องสงสัย ภายในบรรจุ ชุดผ้าปูที่นอน 4 ชุด ซึ่งมีน้ำหนักผิดปกติ เมื่อทำการตรวจสอบอย่างละเอียด พบแผ่นสี่เหลี่ยมห่อหุ้มด้วยกระดาษคาร์บอนและเทปกาวซ่อนอยู่ด้านใน เมื่อตรวจด้วยน้ำยาเคมี พบว่าเป็น เมทแอมเฟตามีน (ไอซ์) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม 4.3 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 1.29 ล้านบาท หญิงชาวอเมริกันรายนี้ถูกตั้งข้อหาหนัก ฐานพยายามลักลอบนำยาเสพติดออกนอกราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาต และ มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครอง ตาม ประมวลกฎหมายยาเสพติด และ พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 จับกุมยาเสพติดเพิ่มขึ้น! ปี 2568 ศุลกากรยึดไอซ์แล้ว 1,719 กิโลกรัมนายธีรัชย์ เผยว่า ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 – 24 กุมภาพันธ์ 2568 กรมศุลกากรสามารถตรวจยึดไอซ์ได้รวม 1,719 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 515.19 ล้านบาท จากการดำเนินงานกว่า 20 คดี แสดงให้เห็นว่าขบวนการลักลอบค้ายาเสพติดยังคงพยายามใช้ช่องทางท่าอากาศยานเป็นเส้นทางลำเลียง กรมศุลกากรเตือนนักเดินทาง อย่าตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ายาเสพติดอธิบดีกรมศุลกากรย้ำเตือนผู้เดินทางระหว่างประเทศ ว่า อย่ารับฝากสัมภาระจากบุคคลอื่น เพราะอาจตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ายาเสพติด หากพบเห็นพฤติกรรมต้องสงสัย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วนกรมศุลกากร 1164 ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/

Read More

วันนี้ (24 ก.พ.68) กลุ่มชาวนาจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเดินทางมาชุมนุมหน้ากระทรวงพาณิชย์ เพื่อเรียกร้องมาตรการช่วยเหลือด้านราคาข้าว นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่พบปะ พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาของเกษตรกรและกำลังเร่งหาทางช่วยเหลือเต็มที่ นายพิชัยเผยว่า นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ราคาข้าว และได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการ โดยมาตรการช่วยเหลือที่กำลังพิจารณาจะช่วยให้ชาวนา ได้รับเงินเพิ่มขึ้นตันละ 1,000 บาท และหากเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางของตนเองจะได้รับเงินสนับสนุนเพิ่มเป็น ตันละ 1,500 บาท ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์เตรียมนำข้อเสนอนี้เข้าสู่ที่ประชุม คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ในวันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ เพื่อพิจารณาแนวทางช่วยเหลืออย่างเป็นทางการ “ครั้งแรกของการช่วยเหลือข้าวนาปรัง” นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า นี่เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลให้การช่วยเหลือข้าวนาปรังอย่างเป็นรูปธรรม โดยข้าวที่มีความชื้น 15% จะได้ราคาต่อตันที่ 8,500 บาท และเมื่อเอาไปฝากจะได้รับค่าฝากอีก 1,000 บาท รวมเป็น 9,500 บาทต่อตัน นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์เตรียมเปิดจุดรับซื้อเพิ่มขึ้น พร้อมให้ราคานำตลาดอีก 300 บาท เพื่อลดภาระของเกษตรกร ขณะเดียวกัน รัฐบาลมีแผน ชดเชยดอกเบี้ย เพื่อจูงใจให้โรงสีและภาคเอกชนรับซื้อข้าวเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะทำให้ราคาข้าวแห้งขยับขึ้น แตะ 9,500 บาทต่อตัน ตามที่ชาวนาเรียกร้อง มาตรการช่วยชาวนารอเคาะในที่ประชุม นบข. สำหรับเกษตรกรที่เกี่ยวข้าวไปแล้วและกังวลว่าจะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ นายพิชัยระบุว่า กระทรวงพาณิชย์กำลังพิจารณาวิธีตรวจสอบเพื่อขออนุมัติงบประมาณจากกระทรวงการคลัง โดยย้ำว่า มาตรการช่วยเหลือต้องรอบคอบ โปร่งใส และใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ในวันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) จะจัดประชุม โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ซึ่งคณะอนุกรรมการด้านการตลาดเตรียมเสนอมาตรการช่วยเหลือราคาข้าวนาปรังปี 2568 เข้าพิจารณา #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #ม็อบชาวนา #ราคาข้าว #รัฐบาลเร่งช่วยชาวนา #ข้าวนาปรัง #นบข. #กระทรวงพาณิชย์

Read More

“ต้องจัดการคนทำคลอด ส.ว. ก่อน!” นี่คือคำพูดของ รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว รองคณบดีคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ที่สะท้อนประเด็นร้อนเกี่ยวกับการสอบสวนกรณีฮั้วเลือก ส.ว. โดย กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ผ่านรายการ ”เที่ยงเปรี้ยงปร้าง“ ของ The Publisher ดำเนินรายการโดย ”สมจิตต์ นวเครือสุนทร“ อาจารย์ฯ ชี้ว่า สังคมอาจลืมคิดถึงบทบาทของ กกต. ซึ่งเป็นผู้รับรองผลการเลือก ส.ว. หากมีการฮั้วเกิดขึ้นจริง “กกต.ต้องมีส่วนรับผิดชอบ เพราะถ้าไม่มีการรับรอง ส.ว.เหล่านี้ก็เกิดไม่ได้ กกต.เป็นองค์กรอิสระที่ทำให้เกิด ส.ว.ชุดนี้ แต่กลับไม่ถูกแตะต้อง ทั้งที่สังคมเคยตั้งคำถามมากมาย จึงน่าเสียดายที่ผู้ร้องไม่ร้องกกต.ด้วย ทั้งที่ควรถูกร้องก่อนเพื่อน” เกมเปลี่ยนสี-วังวนกระชับอำนาจ ดึง DSI รับใช้การเมือง? อีกประเด็นที่ถูกตั้งคำถามคือ “ดีเอสไอมีอำนาจทำคดีนี้จริงหรือไม่?” เพราะเรื่องการเลือก ส.ว. เป็นอำนาจของ กกต. ตามกฎหมาย “ดีเอสไออ้างข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร แต่การจะเอาผิดต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ามันเป็นแบบนั้นจริง เพราะกกต.รับรองไปแล้ว” รศ.ดร.โอฬาร ยังตั้งข้อสังเกตว่า “การออกตัวแรงของ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม อาจสะท้อนว่าเรื่องนี้มีการเมืองอยู่เบื้องหลัง เพราะเกมนี้มีความชัดเจนว่ามีความพยายามเปลี่ยนสี สว.จาก น้ำเงินเป็นแดง“ รศ.ดร. โอฬาร ยังวิเคราะห์ลงลึกด้วยว่า แม้ส.ว.ชุดนี้แม้จะถูกมองว่าสีน้ำเงิน แต่พวกเขามีภารกิจใหญ่ คือรักษารัฐธรรมนูญ 60 และฐานอำนาจที่สืบทอดจากรัฐประหารปี 57 ”ถ้าจะรื้อ ก็ต้องถามว่าคนที่มีอำนาจจริงในประเทศนี้จะยอมหรือ?” “ดีเอสไอแตะการเลือกตั้ง = ระบบพัง?” อีกหนึ่งประเด็นใหญ่ที่ รศ.ดร.โอฬาร เตือนคือ “ถ้าดีเอสไอเข้าไปทำคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้ง จะเป็นการเปิดช่องให้การเมืองแทรกแซง! “การเลือกตั้งเป็นอำนาจ กกต. ถ้าดีเอสไอเข้ามาได้ ก็เท่ากับเปิดบรรทัดฐานใหม่ให้ใช้ DSI เป็นเครื่องมือทางการเมือง ต่อไปใครแพ้เลือกตั้งก็สามารถร้องดีเอสไอได้ แบบนี้ กกต.จะมีความหมายอะไร? ถ้าเป็นแบบนี้ ไม่ต้องมีกกต.แล้วก็ได้!” ล้มเลือกสว. อาจนำไปสู่การล้มรัฐบาล! รศ.ดร.โอฬาร วิเคราะห์ต่อว่า ประเด็นนี้อาจทำให้พรรคร่วมรัฐบาลสั่นคลอน โดยเฉพาะพรรค “สีน้ำเงิน”…

Read More

บรรยากาศที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้กลับมาร้อนระอุอีกครั้ง เมื่อ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาประธานอาเซียน ลงพื้นที่พร้อมกล่าว “ขออภัย” ต่อประชาชนในพื้นที่ ทว่า รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ กลับมองว่านี่เป็นเพียง “การสะกิดแผลเก่า” ที่ไม่ได้ช่วยเยียวยาสถานการณ์แต่อย่างใด รศ.ดร.ปณิธาน พูดเรื่องนี้กับ “สมจิตต์ นวเครือสุนทร” ในรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง ของ The Publisher โดยระบุว่า การลงพื้นที่ของนายทักษิณ อาจทำให้ชาวบ้านอุ่นใจ แต่ถ้าอยากแก้ปัญหาจริง ๆ ก็ควรอยู่ให้นานกว่านี้ อย่างน้อยสามถึงหกเดือน ไม่ใช่แค่วันสองวัน พร้อมชี้ว่าคำว่า “ขออภัย” นั้นยังห่างไกลจากการชดเชยความสูญเสียของผู้ได้รับผลกระทบ “แผลลึกต้องใช้เวลารักษา ไม่ใช่แค่คำพูดแล้วจบ คนที่ประสบความสูญเสีย พวกเขาไม่ยอมรับคำขออภัย จนกว่าจะมีการชำระสะสางในเรื่องที่เกิดขึ้น” สถานการณ์ชายแดนใต้วันนี้ ไม่เหมือนเดิมรศ.ดร.ปณิธาน เตือนว่า ปัญหาในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ซับซ้อนกว่าที่เคยเป็น “นี่ไม่ใช่กลุ่มคอมมิวนิสต์ ไม่ใช่กองกำลังแบบเก่า พวกเขามีมหาอำนาจต่างชาติสนับสนุน เราจะใช้วิธีเดิมไม่ได้อีกต่อไป” พร้อมชี้ว่ากลุ่มก่อความไม่สงบปรับยุทธศาสตร์ใหม่ แม้คนเหล่านี้อาจพ่ายแพ้ในเชิงทหาร แต่ได้เปรียบบนโต๊ะเจรจา โดยกำลังมุ่งไปสู่การเรียกร้อง “รัฐอิสระ” หรือ “เขตปกครองพิเศษ” ซึ่งเป็นเรื่องที่ขัดรัฐธรรมนูญไทย “ถ้าให้เขาควบคุมนโยบายความมั่นคง ควบคุมกำลัง ควบคุมภาษี เท่ากับลดทอนความเป็นรัฐเดี่ยวของเรา คนไทยไม่มีทางยอม” รศ.ดร.ปณิธาน กล่าว พร้อมเสนอว่าการเจรจาต้องเกิดขึ้นกับ “แกนนำตัวจริง” ที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ใช่เพียงแค่การตั้งโต๊ะเจรจาทั่วไป พรมแดนเปราะบาง ธุรกิจผิดกฎหมายยังเฟื่องฟูอีกปัจจัยที่ทำให้ไฟใต้ยังคุกรุ่น คือ ผลประโยชน์มหาศาลในพื้นที่ “ถ้าไปชายแดนใต้ คุณจะเห็นทุกกระบวนการผิดกฎหมายที่ชายแดนเมียนมาเคยมี ที่นี่ก็มีหมด”ตั้งแต่ ยาเสพติด ที่ไหลจากมาเลเซียไปออสเตรเลีย ไปจนถึง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และ อาวุธเถื่อน ซึ่งล้วนแต่เป็น “ท่อน้ำเลี้ยง” ให้ขบวนการก่อความไม่สงบ เราพยายามใช้เทคโนโลยีมาช่วย เช่น กล้องวงจรปิด รั้วไฟฟ้า ระบบไบโอเมทริกซ์ แต่มาเลเซียก็ยังไม่ให้ความร่วมมือเต็มที่ เพราะพื้นที่นี้เป็นฐานเสียงของนักการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านมาเลเซีย” “ไฟใต้ดับปี 2569” คำสัญญาที่ต้องรอพิสูจน์เมื่อถูกถามถึงคำประกาศของนายทักษิณที่ว่า “ปี 2569 ไฟใต้จะดับ” รศ.ดร.ปณิธาน ตอบว่า “ทุกคนก็อยากให้เป็นแบบนั้น แต่ที่ผ่านมาคนเคยได้ยินคำพูดแบบนี้มาหลายครั้ง”…

Read More

นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ Facebook Chao Meekhuad เรื่อง “ดีเอสไอ” มีอำนาจสอบฮั้วเลือกสว. หาก กกต.ร่วมทำผิดต้องลากเข้าคุกด้วย มีเนื้อหาระบุว่า การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาชุดปัจจุบัน ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางเกี่ยวกับการฮั้วเลือกตั้ง มีการร้องเรียนไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นจำนวนมาก แต่กว่า 7 เดือนที่ผ่านมา กกต. กลับไม่สามารถจับทุจริตการเลือกตั้งได้เลย ทั้งที่มีพยานหลักฐานชัดเจน เมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้ามาดำเนินการเรื่องนี้ จึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนมากกว่าองค์กรอิสระอย่าง กกต. ที่ดูเหมือนจะใส่ “เกียร์ว่าง” ตลอด ตามหลักกฎหมาย ความผิดทุจริตการเลือกตั้ง นอกจากจะมีบทลงโทษตัดสิทธิ์ทางการเมืองแล้ว ยังมีความผิดทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเลือกตั้ง ประมวลกฎหมายอาญา และกฎหมายอื่น ๆ บางบทบัญญัติที่ กกต. ไม่มีอำนาจสอบสวน “ผมจึงเห็นว่าดีเอสไอจึงมีอำนาจสอบสวนคดีอาญาที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งโดยตรง หรือกฎหมายอาญาอื่น ๆ ตามความผิดที่เป็นคดีพิเศษ ตามหลักการของกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษขึ้นมาเพื่อป้องกัน ปราบปราม และควบคุมอาชญากรรมที่มีผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ” นายเชาว์ ระบุ พร้อมแสดงความเห็นว่า การประชุมของคณะกรรมการคดีพิเศษในวันพรุ่งนี้ จึงควรพิจารณารับเรื่องคดีฮั้วเลือกตั้ง ส.ว. เป็นคดีพิเศษ ซึ่งไม่เพียงแต่ดำเนินคดีกับผู้ร่วมขบวนการฮั้วเลือกตั้งเท่านั้น แต่หากพบว่า กกต. คนใดรู้เห็นเป็นใจหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกัน “การประชุมพรุ่งนี้ไม่ควรดำเนินคดีกับผู้ร่วมขบวนการฮั้วเลือกตั้งเท่านั้น แต่หากปรากฏว่า กกต. คนใด รู้เห็นเป็นใจ หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ก็ต้องเอา กกต.ติดคุกด้วย” อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุทิ้งท้าย

Read More

เป็นโครงการพาคนใต้กลับบ้านช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 เป็นครั้งที่ 3 หลังประสบความสำเร็จในการจัดกิจกรรมเมื่อสงกรานต์ และเทศกาลปีใหม่ ที่ผ่านมา หลังพลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ หักพาล นายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ เจรจาจับมือกับผู้บริหารสายการบินแอร์เอเชีย และการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อจัดเที่ยวบินและขบวนรถไฟ นำพี่น้องชาวใต้กลับสู่ภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2568 เรียบร้อยแล้ว โดยสายการบินแอร์เอเชีย ได้สำรองที่นั่งให้กับพี่น้องชาวใต้เที่ยวบินละ 80 ที่นั่ง จำนวน 4 เที่ยวบิน คือ ดอนเมือง – ท่าอากาศยานหาดใหญ่ 2 เที่ยวบิน, ดอนเมือง – ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช 1 เที่ยวบิน และดอนเมือง – ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี อีก 1 เที่ยวบิน รวม 320 ที่นั่ง ขณะที่การรถไฟแห่งประเทศไทยจัดรูปขบวนเพื่อรองรับ โดยประสานงานเบื้องต้น 300 ที่นั่ง เป็นรถขบวนตู้นอนพิเศษ อยู่ระหว่างวางแผนรูปแบบสถานีในแต่ละจังหวัด เพื่อกำหนดสถานีปลายทางสำหรับพี่น้องชาวใต้ ที่จะเข้าร่วมโครงการพาคนใต้กลับบ้านช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 ทั้งนี้ใน 2 รอบที่ผ่านมาการจัดขบวนรถบัสวีไอพี และสายการบิน ได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างล้นหลาม เป็นโครงการที่สมาคมฯ จัดให้ฟรี รวมทั้งยังจัดอาหารคาว หวาน กาแฟ และอาหารว่าง ดังนั้นช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ จะเพิ่มขบวนรถไฟนอนพิเศษอีกรูปแบบ และถือเป็นครั้งแรกของโครงการนี้ เพื่อให้ทุกคนได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ระหว่างการเดินทางกลับไปฉลองกับคนที่รอรับ เมื่อถึงสถานีปลายทาง สำหรับผู้ที่สนใจจะเข้าร่วมโครงการขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารในเพจสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ และ เฟซบุุ๊ค ของพลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ หักพาล ซึ่งจะแจ้งข้อมูลข่าวสารเป็นระยะ เบื้องต้นจะเปิดให้ลงทะเบียนในราวต้นเดือนมีนาคมนี้ และสรุปรายชื่อปลายเดือนมีนาคม เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับภูมิลำเนาในวันที่ 8 เมษายน 2568 สำหรับผู้ที่เดินทางโดยเครื่องบิน ส่วนผู้ที่จะเดินทางโดยรถไฟ จะแจ้งให้ทราบในระยะต่อไป หากการรถไฟแจ้งสถานีปลายทางเพื่อบรรจุลงในโครงการ

Read More

นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา นำทีมรองประธานวุฒิสภา และ สว.อีกหลายคนเปิดโต๊ะแถลงข่าวตอบโต้กรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เตรียมขอมติที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษวันพรุ่งนี้ (25 ก.พ. 68) เพื่อรับคดีตรวจสอบการเลือก สว.เป็นคดีพิเศษ โดย สว.กลุ่มนี้อ้างว่าตามรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ได้ให้อำนาจ กกต.จัดการเลือก สว. รวมทั้งดำเนินคดีการเลือก สว. และดำเนินคดีอาญา เป็นหน้าที่และอำนาจของ กกต.โดยเฉพาะ ดังนั้นการที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรคำ อธิบดี DSI เตรียมเสนอให้รับคดี สว.เป็นคดีพิเศษ จึงไม่ชอบด้วยหน้าที่และอำนาจของ DSI และเป็นการขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ อีกทั้งการตั้งข้อหาอั้งยี่ และความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ กับ สว.เป็นการตั้งข้อหาและเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายด้วย เพราะ สว.ที่ถูกกล่าวหาได้รับเลือกผ่านกระบวนการมาอย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย มี กกต.รับรองการปฏิบัติหน้าที่ การตั้งข้อกล่าวหาดังกล่าว จึงเห็นว่าเป็นความพยายามใช้อำนาจฝ่ายบริหาร ส่อเจตนาทำลายองค์กร สว.ด้วยการเผยแพร่ข่าวและเอกสารลับ ทำให้วุฒิสภา และ สว.ถูกดูหมิ่นและเกลียดชัง เพื่อล้มล้างฝ่ายนิติบัญญัติ ”เราไม่ได้กลัวการตรวจสอบ แต่เราให้ความร่วมมือ กับองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ หรือ กกต.มาโดยตลอด“ นายมงคล กล่าว ส่วนกรณีที่จะยื่นถอดถอน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมนั้น พลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา ยืนยันทำตามอำนาจหน้าที่ของ สว.เพื่อตรวจสอบองค์กรที่ดำเนินการดังกล่าว ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงเตรียมการในการอภิปรายทั่วไป ในเรื่องและบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีโอกาสมาตอบคำถาม หรือการตั้งกระทู้ในสมัยประชุมนี้ ทั้งนี้ จากปฏิบัติการของ DSI กำลังถูกจับตามองว่าจะถึงขั้นทำให้ สว.สายสีน้ำเงินต้องถูกสลายกำลังหรือไม่ เพราะมีรายงานว่า สว.สายสีน้ำเงินรวมๆ แล้ว 160 คนเป็นสีน้ำเงินแท้ 130 คน อีกประมาณ 30 คนเป็นน้ำเงินอ่อน จากความกังวลต่อการสอบสวนของ DSI เริ่มมีการพูดคุยกันแล้วบางส่วนคิดแยกตัวเพื่อป้องกันตัวเองแล้ว ขณะที่ส่วนใหญ่ได้รับสัญญาณจากแกนนำกลุ่มให้รักษาความสงบ และรอฟังมติจากที่ประชุมบอร์ด DSI…

Read More