- Original
- Urban Culture
- Writer
- About us
- คุยกับสส
- The Persona
- Brief
- Thai Treasure
- Urban life
- On this day
- News
- Home
- Editir pick
- Good
- Persona
- Persona
- Urban
- Business
- Politics
- Playlist
- Home
- People Voice
- Culture
- นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
- Urban Wealth
- Law
- Update
- I’m Youth Ranger
- Urban History
- Issues
- Check
Subscribe to Updates
Get the latest creative news from FooBar about art, design and business.
Author: Writer Publisher
ไม่เพียงโอกาสกลับประเทศไทยของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ต้องขยับออกไปจากเดือนเมษายนปีนี้ตามที่พี่ชายนายทักษิณ ชินวัตร บอกไว้เท่านั้น วันนี้มีหลายปัจจัยที่ทำให้ไม่ง่ายเลยกับการกลับบ้านแบบสวยๆ และไม่เพียงคุณยิ่งลักษณ์เท่านั้น ตัวนายทักษิณเองก็อาจต้องเผชิญกับวิบากกรรมเช่นกัน เรื่องนี้นายแพทย์วรรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี ได้วิเคราะห์ไว้อย่างน่าสนใจในรายการเที่ยงเปรี้ยงปร้างดำเนินรายการโดยคุณสมจิตต์ นวเครือสุนทร The Publisher : มองปัจจัยอะไรที่เห็นว่าคุณยิ่งลักษณ์จะไม่กลับมาช่วงสงกรานต์นี้แล้ว นพ.วรงค์ : เรื่องนี้เป็นคุณทักษิณพูดเอง แต่สำหรับผมมองว่าสิ่งที่ไม่เป็นตามคาดหวังคือเรื่องนี้ มีปัญหาทั้งข้อสงสัย ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย คือเรื่องข้อสงสัย ที่คุณทักษิณบอกว่ามีดีล พยายามอ้างอิงว่าอยู่จักพระเจ้าประจำประเทศไทย จะขอเวลาอีก 17 ปี คำพูดหลายอย่างมันท้าทายมากเกินไป แน่นอนด้วยสามัญสำนึก เวลาเขาคุยกัน ไม่ได้คุยแบบนี้ ฉะนั้นถ้าข้อสงสัยนี้เกิดขึ้นจริงกันก็ไม่ง่ายกรณีคุณยิ่งลักษณ์ ส่วนข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย ต้องยอมรับว่าคุณทักษิณไม่ได้ติดคุก คนเชื่อว่าอย่างนั้นว่าอยู่บนชั้น 1 4 อ้างว่าเจ็บป่วยวิกฤตอะไรก็แล้วแต่ แต่ ณ ขนาดนี้กระบวนการตรวจสอบเข้มข้นขึ้น เพราะภาคประชาชนตื่นตัวตื่นรู้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบผ่าน ป.ป.ช. หรือองค์กรอย่าง แพทยสภา ที่คืบหน้าไปมาก อีกช่องทางที่ประชาชนยังไม่รู้คือเรื่องกฎหมาย ป.วิอาญามาตรา 246 ที่คุณชาญชัย (อิสระเสนารักษ์) ร้องไป เรื่องนี้ศาลยังไม่ปฏิเสธ เชื่อว่าศาลสงสัยมีเหตุมีผล หลังรับไว้ครั้งที่ 3 รับไว้พิจารณา เรื่องนี้ถูกโยงไปถึงคุณยิ่งลักษณ์ด้วย เพราะมาตรา 246 เป็นเรื่องกฎกระทรวงที่ใช้ขัดแย้งกับ ป.วิอาญา นั้นคือเรื่องคุณทักษิณ แต่ถ้าเรื่องนี้เป็นประเด็นขึ้นมา เอาเฉพาะกระแสสังคมก็ปฏิเสธอยู่แล้วเรื่องการใช้อภิสิทธิ์ ถ้าสมมุติเรื่องศาลรับพิจารณาจริงๆ จะโยงไปถึงคุณยิ่งลักษณ์ ตามมาตรา 89 วรรค 2 ของ ป.วิอาญา นั้นหมายความว่าอย่างไรก็ตามคุณยิ่งลักษณ์ต้องติดคุก 1 ใน 3 สมมุติได้รับพระราชทานอภัยโทษเหลือ 1 ปี ซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นแบบนี้ไหม คุณยิ่งลักษณ์จะติดคุกในเงื่อนไขอะไร เพราะคุณทักษิณทำตัวอย่างไว้ ประเด็นถัดมา การปล่อยให้คุมขังที่บ้านแทนเรือนจำได้หรือไม่ ถ้าเข้าข่ายมาตรา 246 และ 89 วรรค 2 ของ ป.วิอาญา ต้องขออนุญาตศาล จะปล่อยกลับบ้านตามใจชอบไม่ได้…
วันนี้ (10 กุมภาพันธ์ 2568) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นำโดย นายศรชัย ชูวิเชียร รองเลขาธิการ ป.ป.ช. ภาค 6 รักษาราชการแทน รองเลขาธิการ ป.ป.ช. พร้อมคณะผู้บริหาร เข้าพบ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อหารือแนวทางป้องกันการทุจริต โดยเน้นไปที่กระบวนการ ออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร ซึ่งเป็นประเด็นที่มีการร้องเรียนอย่างต่อเนื่อง เดินหน้าปรับระบบออกใบอนุญาต ลดเสี่ยงทุจริต การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้นำเสนอมาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารต่อคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2567 และได้รับมติรับทราบเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2567 โดยมีการมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนที่เป็นรูปธรรม ป.ป.ช. และ กทม. จึงได้หารือถึงแนวทางป้องกันปัญหาการเรียกรับสินบนในการออกใบอนุญาตก่อสร้าง รวมถึงการ จัดทำคู่มือประชาชน เพื่อให้ประชาชนเข้าใจขั้นตอนการขออนุญาต ลดการใช้ดุลยพินิจที่อาจนำไปสู่การทุจริต นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณา การกำหนด Checklist มาตรฐานกลาง สำหรับตรวจสอบเอกสารในกระบวนการอนุญาต รวมถึงการเก็บรวบรวมสถิติเรื่องร้องเรียน เพื่อใช้เป็นข้อมูลปรับปรุงระบบและเสริมสร้างความโปร่งใสในการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ป.ป.ช. – กทม. ร่วมบูรณาการ ตัดตอนช่องโหว่การคอร์รัปชัน นอกจากผู้บริหารระดับสูงจาก ป.ป.ช. และ กรุงเทพมหานคร การประชุมครั้งนี้ยังมี นางวันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร และทีมผู้บริหารร่วมวางแนวทางป้องกันปัญหาทุจริตในระบบราชการ ป.ป.ช. ย้ำว่า การประชุมครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การพูดคุย แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ โดยทุกฝ่ายต้องทำงานร่วมกันเพื่อสร้างระบบที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ ลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ และทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการภาครัฐโดยไม่ต้องเผชิญกับปัญหาการเรียกรับผลประโยชน์ การดำเนินการครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการบูรณาการความร่วมมือระหว่าง สำนักงาน ป.ป.ช. และ กรุงเทพมหานคร เพื่อผลักดันมาตรการป้องกันการทุจริตให้เป็นรูปธรรม และสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนในกระบวนการบริหารราชการ
เพจดัง ‘Drama-addict’ โพสต์ข้อความ หลังมีลูกเพจท่านหนึ่งส่งเรื่องมาเตือนภัย เรื่องการแพ้ยารุนแรง แม้ไม่ได้ระบุยี่ห้อยา แต่อาการแพ้ยาขั้นรุนแรงแบบนี้ สามารถเกิดกับยาได้แทบทุกตัว อยู่ที่ว่าจะโชคร้ายไปมีอาการตอนใช้ยาตัวไหนเข้า หากสงสัยว่ามีอาการแพ้ยา ต้องรีบหาหมอให้ไว อย่าละเลยเด็ดขาด เพราะถ้าแพ้ยารุนแรงอาจถึงขั้นพิการหรือเสียชีวิตได้ โดยเจ้าของเรื่องได้เล่าว่า เธอมีอาการแพ้ยารุนแรง ถึงขึ้นเกิดอาการ Stevens Johnson Syndrome เนื่องจากปกติแล้วทายากลุ่มแก้ปวดไม่เคยแพ้เลยสักครั้ง แต่พอมาทานยาตัวนี้ กลับมีอาการแพ้รุนแรง ใช้เวลารักษาตัวอยู่ในห้อง ICU นานกว่า 36 วัน โดยไม่ได้ออกมาพักฟื้นข้างนอก เพราะหมอกลัวว่าแผลจะติดเชื้อ อาการหลังจากเริ่มแพ้ยาปากบวม หน้าเป็นตุ่มแดง่วงปากลอกเหมือนแผลร้อนใน มีไข้สูง ตอนแรกคนไข้คิดว่าเป็นอีสุกอีใส จึงไม่ได้ไปโรงพยาบาลในทันที ทิ้งช่วงเวลากระทั่ง 1-2 ทุ่ม ถึงได้ไปโรงพยาบาลแล้วเริ่มรักษาตัว ปัจจุบันเจ้าของเรื่องออกจากโรงพยาบาลได้ 3 เดือนแล้ว แต่ยังคงมีอาการทางด้านตา เนื่องจากตาบวมเปลือกตาติดกัน ทำให้เปลือกตามีปัญหา ตอนนี้ต้องคอยหยอดน้ำตาเทียมทุก 2 ชั่วโมง มีอาการตาแห้งน้ำตาไหล ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้เจ้าตัวเคยเล่าไว้ตอนปลายปี ตอนเพิ่งป่วยหนักจากเรื่องนี้ ระบุว่า “Steven Johnson Syndrome / Toxic Epidermal Necrolysis (เพิ่งดูจากใบรับรองแพทย์มา)แพ้ยา ไม่ใช่เรื่องตลก…บางคนโชคดีไม่แพ้ แต่เราไม่ใช่.. วันที่ 26 กันยายน 2567 ได้เข้าโรงพยาบาลเลือกรักษาที่ศูนย์การแพทย์แม่ฟ้าหลวง เพราะว่าพึ่งรู้ว่าตัวเองแพ้ยาขั้นรุนแรง ไข้ปาไปถึง40องศา เข้าห้อง ICU พี่พยาบาลพากันเช็ดตัว ไข้ไม่ลด ต้องพากันทำซ้ำอีกรอบแบบน้ำชุ่มตัวอิฉันตอนมีสติก็สั่นไปเลยสิคะ ห้องแอร์อีก จะเล่าเท่าที่จำได้อะนะ อีกวันรอดูอาการก็เริ่มแย่ คุณหมอสั่งยาจาก กทม. สั่งเช้าตอนบ่าย ๆ มาถึงก็ฉีดเลย2เข็ม ตุ่มผื่นเลยหยุดลามอีกช่วง1อาทิตย์ให้หลังนี่แหละช่วงวิกฤต ผิวหนังเริ่มพุพอง ตาเริ่มบวมจนเริ่มติดกัน คุณหมอตามาช่วยดูแล ตาต้องครอบคอนแทคเลนส์ไว้ตลอดตาเริ่มมัวมองไม่ชัด ต้องหยอดน้ำตาเทียมตลอด มาที่หน้าคือบวมไม่ไหว เนื้อเยื่อในปากเริ่มลอกหลุดออกมาใครที่ได้ไปเยี่ยมเห็นช่วงนั้นคือ…สุดๆละ คุณหมอทางด้านสกินเข้ามาดูแลต่อเรื่องผิว ว่าจะทำยังไงต่อไป จากนี้เริ่มจำไม่ค่อยได้ละเพราะยา หมอต้องจ่ายยาหนักเพราะจะได้ไม่รู้สึกเจ็บ ค่อยๆทำมาเป็นขั้นตอนรักษามาเรื่อย ๆ เข้าห้องผ่าตัดนี่2รอบได้ คุณหมอดูแลเต็มที่ ตัดมาที่หมอตา คุณหมอสั่งเนื้อเยื่อหุ้มให้จากเชียงใหม่ แต่ช่วงนั้นน้ำท่วมต้องรอ…
ระหว่างวันที่ 5-7 กุมภาพันธ์ 2568 สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วยสำนักงาน ป.ป.ท. เขต 9, ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนใต้ (DSI จชต.), กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบการบุกรุกทำลายที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติใน 3 อำเภอของจังหวัดปัตตานี พบการขุดดินเกินกฎหมายกำหนด ทั้งที่มีและไม่มีเอกสารสิทธิ์ การตรวจสอบครั้งนี้ครอบคลุมพื้นที่ อำเภอแม่ลาน, อำเภอสายบุรี และอำเภอโคกโพธิ์ รวม 20 จุด โดยพบว่ามีการขุดดินในที่ดินเอกชนทั้งที่ได้รับอนุญาตและไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งในบางกรณีพบว่ามีการขุดเกินขอบเขตที่กฎหมายกำหนด สำหรับพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์มาแสดงตามกฎหมาย ถือว่าเป็น ที่ดินสาธารณประโยชน์และพื้นที่ป่าไม้ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐานและเตรียมดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมกำชับหน่วยงานท้องถิ่นให้เข้มงวดกับการอนุญาตขุดดินและถมดิน ตรวจเข้ม 3 วัน 3 อำเภอ• 5 ก.พ. ตรวจสอบพื้นที่ อ.แม่ลาน 4 จุด (ต.ป่าไร่ และ ต.แม่ลาน)• 6 ก.พ. ตรวจสอบพื้นที่ อ.สายบุรี 7 จุด (ต.ตะลุบัน และ ต.ละหาร)• 7 ก.พ. ตรวจสอบพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ 9 จุด (ต.ปากล่อ, ต.ควนโนรี, ต.นาประดู่, ต.นาเกต, ต.ท่าเรือ) การลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ โครงการศูนย์บูรณาการฐานข้อมูลด้านการต่อต้านการทุจริตในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ประจำปีงบประมาณ 2568 ซึ่งมีสำนักงาน ป.ป.ท. เขต 9 เป็นหน่วยประสานงานหลัก เจ้าหน้าที่เน้นย้ำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันตรวจสอบและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและผลประโยชน์ของประชาชนในพื้นที่
เป็นความคืบหน้าคดีที่นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ หรือ “ปูอัด” ส.ส.พรรคไทยก้าวหน้า ถูกศาลจังหวัดเชียงใหม่ออกหมายจับในข้อหาข่มขืนกระทำชำเรานักท่องเที่ยวสาวไต้หวัน ที่จังหวัดเชียงใหม่ ขณะฝ่ายเจ้าตัวอ้างว่าถูกตำรวจรีดเงิน 4 แสนบาทแลกล้มคดี ยืนยันเป็นความสัมพันธ์ที่เกิดจากการสมยอม เรื่องนี้ พ.ต.อ.ปรัชญา ทิศลา ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ ยืนยันทางตำรวจมีพยานหลักฐานครบถ้วน จึงสามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับได้ และที่อ้างว่าเป็นการสมยอมไม่มีน้ำหนัก เป็นเพียงข้ออ้างฝ่ายผู้ต้องหาที่กล่าวอ้างผ่านสื่อฯ เพราะหากเป็นเช่นนั้น ผู้เสียหายคงไม่เข้าแจ้งความดำเนินคดี ส่วนที่อ้างตำรวจเรียกรับเงิน 400,000 บาทนั้น พ.ต.อ.ปรัชญายืนยันว่าถ้ามีหลักฐานให้นำมาแจ้งความที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ หากมีตำรวจเกี่ยวข้อง จะดำเนินการทั้งทางอาญาและวินัย แต่หากเป็นเพียงคำกล่าวอ้าง ผู้ให้ข้อมูลก็ต้องรับผิดชอบด้วย ทั้งนี้ ทีมงานของ ส.ส.ปูอัด ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวแล้ว แต่คาดว่าจะรอที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ลงมติให้ส่งตัวไปดำเนินคดีหรือไม่ก่อน ขณะที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ บอกทันทีที่ได้รับหนังสือขอตัวนายไชยามพวานจาก สภ.เชียงใหม่ จะรีบดำเนินการหารือที่ประชุมสภาฯ ว่าจะอนุมัติหรือไม่อนุมัติ โดยเมื่อมีหนังสือมาถึงจะบรรจุเข้าระเบียบวาระภายใน 15 วัน คาดว่าน่าจะบรรจุวาระนี้ได้ในสัปดาห์หน้า โดยจะบรรจุเป็นเรื่องด่วนเพื่อขออนุมัติจากที่ประชุมสภาฯ
เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) บุกทลายโรงงานลักลอบผลิตสำลีชุบเอทิลแอลกอฮอล์ 70%v/v เถื่อน ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี หลังพบสินค้าถูกกระจายไปยังโรงพยาบาลกว่า 12 แห่งทั่วประเทศ สร้างความเสี่ยงต่อชีวิตผู้ป่วย เปิดโปงโรงงานเถื่อนกลางเมืองนนท์ สืบเนื่องจากการร้องเรียนและเบาะแสจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) และ อย. ได้ทำการเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ถูกใช้ในโรงพยาบาล จนพบว่า “สำลีชุบเอทิลแอลกอฮอล์ 70%v/v” ภายใต้แบรนด์ “ดาราพลัส” ไม่มีใบอนุญาตและอาจไม่ได้มาตรฐาน เมื่อเจ้าหน้าที่สืบสวนจนทราบแหล่งผลิต พบว่าโรงงานดังกล่าวตั้งอยู่ภายในโกดังแห่งหนึ่งใน ต.คลองข่อย อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยมีการลักลอบผลิตสำลีชุบเอทิลแอลกอฮอล์ที่อาจมีส่วนผสมไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ซึ่งอาจทำให้การฆ่าเชื้อไม่มีประสิทธิภาพและเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อของผู้ป่วย ยึดของกลางมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2568 เจ้าหน้าที่ กก.4 บก.ปคบ. พร้อมหมายศาลจังหวัดนนทบุรี เข้าตรวจค้นโกดังดังกล่าว และพบว่ากำลังอยู่ในกระบวนการผลิตสำลีชุบเอทิลแอลกอฮอล์อย่างผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดของกลางทั้งหมด 22 รายการ รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ประกอบด้วย• สำลีชุบเอทิลแอลกอฮอล์ 70%v/v แบรนด์ “ดาราพลัส” 2,830 แผง• สำลีชุบเอทิลแอลกอฮอล์ 70%v/v แบรนด์ “เช็ดดี้” 6,400 ชิ้น• วัตถุดิบสำหรับการผลิต เช่น สำลีแบบก้อน 89 ถุง, เอทิลแอลกอฮอล์จำนวนมาก• เครื่องจักรและอุปกรณ์การผลิต เช่น เครื่องปั่นแอลกอฮอล์, เครื่องบรรจุ, เครื่องซีลแผง• กล่องบรรจุภัณฑ์และฉลากมากกว่า 47,500 ชิ้น จากการตรวจสอบ พบว่าโรงงานดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตให้ผลิตเครื่องมือแพทย์จาก อย. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหมายความว่าเครื่องมือแพทย์ทั้งหมดที่ผลิตออกมาเป็นของปลอม และไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัย เจือจางแอลกอฮอล์ ลดต้นทุน เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต นอกจากการผลิตโดยไม่มีใบอนุญาตแล้ว ยังพบว่าเลข อย. ที่ระบุบนฉลาก “66-2-3-2-0009436” เป็นของบริษัทที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์นี้ นอกจากนี้ มีการตรวจสอบพบว่าโรงงานใช้วิธี “ผสมแอลกอฮอล์กับน้ำ” เพื่อลดต้นทุน ซึ่งอาจทำให้ผลิตภัณฑ์ไม่มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อและเสี่ยงต่อการปนเปื้อน เจ้าหน้าที่จะนำตัวอย่างของกลางทั้งหมดไปตรวจสอบมาตรฐาน ณ…
“สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น” “วัชระ” นำ ป.ป.ช.ดูประตูลับ! สนามบินดอนเมือง ผิดกฎหมายระหว่างประเทศหรือไม่?
วันนี้ 10 ก.พ. 68 นายวัชระ เพชรทอง อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ นัดหมายจนท. ป.ป.ช. ดูประตูลับ สนามบินดอนเมือง ตามที่ได้ร้องเรียนไปยังรมว.มหาดไทย กับพวก กรณีอนุมัติและก่อสร้างประตูลับ เข้า-ออก ระหว่างท่าอากาศยานดอนเมืองกับถนนสาธารณะภายนอก ณ บริเวณประตูเข้าที่เก็บเครื่องบิน โรงเก็บเครื่องบินของเอกชน โดยไม่ผ่านสนง.ตรวจคนเข้าเมืองและกรมศุลกากร ซึ่งผิดกม.ระหว่างประเทศและส่อว่ามีการทุจริต นายวัชระกล่าวว่า ตนรับทราบว่ามีประตูลับแห่งนี้จากบุคคลภายในการท่าฯ ที่เป็นคนร้องเรียนมา จึงรวบรวมหลักฐานร้องเรียนไปยัง ป.ป.ช. ขอให้มีการตรวจสอบ ล่าสุด ป.ป.ช. รับเรื่อง และตั้งอนุกรรมการฯ สอบข้อเท็จจริงต่อไป
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เช้าวันนี้ (10 ก.พ.68)พ.ต.ท.สราวุธ บุตรดี รองผู้กำกับการสอบสวน สน.สายไหม เดินหน้ายื่นสำนวนคดีเว็บพนันออนไลน์เครือข่าย “มินนี่” อีกครั้ง หลังมีข่าวว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ อาจตีตกคดีดังกล่าว แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ตำรวจยื่นหลักฐานในคดีนี้ แต่ สิ่งที่ทำให้เกิดข้อกังวล คือข่าวลือว่า ป.ป.ช. พิจารณาพยานหลักฐานฝั่งผู้ต้องหาเป็นหลัก ขณะที่หลักฐานจากฝั่งตำรวจที่กล่าวหา กลับถูกหยิบขึ้นมาดูเพียงบางส่วน “เราไม่สบายใจ เกรงว่าพนักงานสอบสวนจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงต้องนำหลักฐานเก่ามายื่นในวันนี้อีกครั้ง” พ.ต.ท.สราวุธ กล่าวขณะเดินเข้าตึก ป.ป.ช. พ.ต.ท.สราวุธ เปิดเผยว่า เอกสารและพยานหลักฐานที่นำมาส่งวันนี้ เป็นหลักฐานสำคัญ ทั้ง ข้อมูลนิติวิทยาศาสตร์และเส้นทางการเงิน ที่เชื่อมโยงกับเว็บพนันออนไลน์และ นายตำรวจระดับสูงที่เกี่ยวข้อง “นี่คือหลักฐานชุดเดิมที่เราส่งไปแล้ว แต่กลับไม่ได้ถูกนำขึ้นพิจารณา ผมเลยต้องนำมายื่นใหม่ เราติดตามการทำงานของ ป.ป.ช. มาโดยตลอด และคดีนี้มีผู้เกี่ยวข้องระดับอดีตรองผบ.ตร. แต่กลับมีข้อสงสัยว่าผู้ที่เกี่ยวข้องบางคนได้รับการชี้มูล ขณะที่อีกฝ่ายกลับสามารถขอเอกสารเพิ่มเติมได้” เขายืนยันว่า นี่ไม่ใช่การยื้อคดี หรือการล่าช้า แต่เป็นเพียงการติดตามให้แน่ใจว่า “กระบวนการยุติธรรม” จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ศึกยื่นสำนวนซ้ำ! “ตำรวจ 8 นาย” กับข้อกล่าวหา ม.157-149 สำหรับคดีนี้ เกี่ยวข้องกับนายตำรวจระดับสูงถึง 8 นาย ซึ่งเป็น คนใกล้ชิดของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก โดยทั้งหมดถูกกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ) และ มาตรา 149 (เรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบ) ที่พัวพันกับ เครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ “มินนี่” ป.ป.ช.จะเดินหน้าหรือปัดตก? จับตาผลประชุมวันนี้! สิ่งที่ทุกฝ่ายจับตามองในวันนี้ คือการประชุมของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ ซึ่งจะพิจารณาเรื่องนี้ หลังจากที่ มีข่าวลือว่าอาจจะตีตกข้อกล่าวหา และทำให้คดีนี้ จบลงโดยไม่มีผู้รับผิดชอบอย่างแท้จริง “ผลประชุมจะออกมาเป็นอย่างไร ผมไม่ขอก้าวล่วง แต่หวังว่าทุกฝ่ายจะได้รับความเป็นธรรม” พ.ต.ท.สราวุธ กล่าวก่อนเดินเข้าห้องประชุม
การเมืองไทยช่วงต้นปีเริ่มร้อนระอุ เมื่อพรรคฝ่ายค้านเตรียม ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในเดือนกุมภาพันธ์นี้ คาดว่าจะมีการอภิปรายในช่วงเดือนมีนาคม ซึ่งจะเป็นเวทีแรกของรัฐบาลนี้ที่ต้องเผชิญกับการตรวจสอบจากฝ่ายค้าน เช้าวันนี้ (10 ก.พ.68) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยระบุว่า “อยู่ที่ว่าฝ่ายค้านมีประเด็นอะไร ถ้าคิดว่ารัฐบาลมีจุดบกพร่องตรงไหน ก็ให้ดูตามเนื้อหา ถ้าประเด็นไม่เยอะ วันเดียวก็พอ แต่ถ้ามีอะไรต้องอภิปราย เราไม่มีปัญหา จะกี่วันก็ว่ากันไป” ที่น่าสนใจคือ การส่งสัญญาณเตือนถึงฝ่ายค้าน ว่า อย่าพาดพิง “คนนอก” เพราะข้อบังคับสภาไม่คุ้มครอง อาจโดนฟ้องกลับได้ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการพูดถึงกระแสข่าวที่ฝ่ายค้านอาจพุ่งเป้าไปที่ “นายทักษิณ ชินวัตร” บิดานายกฯ “การอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือการอภิปรายรัฐบาล ไม่ใช่ว่าจะพูดถึงใครก็ได้ ฝ่ายค้านต้องตรวจสอบให้ดี เพราะกฎหมายและข้อบังคับสภาไม่ได้คุ้มครองการพาดพิงบุคคลภายนอก” นายภูมิธรรมกล่าว “ทักษิณ” เมินศึกซักฟอก ยืนยันอิ๊งค์พร้อมตอบ ฝั่งนายทักษิณเอง ดูเหมือนไม่ได้กังวลกับกระแสที่อาจมีการพาดพิงถึงตัวเองในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยให้สัมภาษณ์ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ว่า “ถ้าฝ่ายค้านอยากถามอะไรก็ถามมา ผมอาจไปอยู่หลังสภาฯ คอยตอบก็ได้นะ” เมื่อถูกถามว่าจะมีการตั้งโต๊ะแถลงตอบโต้หรือไม่ หากมีการพาดพิงถึง เขาตอบติดตลกว่า “ไม่รู้สิ ถ้าพาดพิงก็ให้มาถามผมได้เลย” ส่วนเรื่องที่ฝ่ายค้านอาจใช้ประเด็น “ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ” มาเล่นงานรัฐบาล โดยพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นำข้อมูลไปมอบให้ฝ่ายค้านแ้ว นายทักษิณก็ยังคงมีท่าทีสบาย ๆ พร้อมบอกว่า “ไม่มีอะไรให้กังวล” และยังใช้คำพูดปริศนาว่า รู้จักแต่พล.ต.อ.ที่เป็นผู้ชาย ไม่รู้จัก พล.ต.อ.ที่เป็นผู้หญิง พร้อมระบุเคยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แต่ไม่พูดว่าตอนนี้ยังมีสัมพันธ์ที่ดีหรือไม่ ย้ำว่า “แค่เคยมี” เมื่อถูกถามว่ากังวลไหมที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันจะต้องเจอศึกอภิปรายครั้งแรก ทักษิณตอบทันทีว่า “ไม่กังวลเลย อิ๊งค์ผ่านมาเยอะแล้ว โดนมาเยอะแล้ว สบายๆ” “ปรับ ครม.” แค่ข่าวลือ? – “ทักษิณ” ยันยังไม่ถึงเวลา อีกหนึ่งกระแสร้อนแรงในช่วงนี้คือ ข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่สื่อหลายสำนักเริ่มจับตาว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงเร็วๆ นี้ โดยเฉพาะตำแหน่งของ รมว.เกษตรฯ ที่มีข่าวลือว่า “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า”…
นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ไลฟ์สดผ่านรายการ SONDHI TALK โดยหนึ่งในประเด็นร้อนที่ถูกพูดถึง คือการที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ “บิ๊กโจ๊ก” อดีตรอง ผบ.ตร. เดินทางเข้าพบสนธิที่บ้านพระอาทิตย์ หลังจากถอนฟ้องคดีหมิ่นประมาททั้ง 8 คดีแบบไม่มีเงื่อนไข แต่ประเด็นที่ร้อนแรงไม่แพ้กัน คือ การพิจารณาคดีเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ “มินนี่” โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ ส่อแววไม่เอาผิดบิ๊กโจ๊กและลูกน้อง เนื่องจาก พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ ลูกน้องคนสนิท ขอรับผิดเพียงคนเดียว บิ๊กโจ๊กถอนฟ้องสนธิ8คดี – ขอพบเพื่อขอเมตตา นายสนธิ เปิดเผยว่า บิ๊กโจ๊กได้ส่งทนายมาฟ้องหมิ่นประมาทตนถึง 8 คดี แบ่งเป็น 7 คดี ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ (6 คดีมีมูล) และ 1 คดี ถูกฟ้องที่จังหวัดเลย แต่ในวันนัดสืบพยาน บิ๊กโจ๊กกลับถอนฟ้องทั้งหมด โดยไม่มีเงื่อนไข ซึ่งเขาเพิ่งทราบเรื่องนี้จาก นายนิติธร ล้ำเหลือ (ทนายนกเขา) ที่มาบอกว่า “บิ๊กโจ๊กถอนฟ้องหมดแล้ว” พร้อมเผยคำพูดของบิ๊กโจ๊กว่า “สิ่งที่ผมทำผิดพลาดยิ่งใหญ่ในชีวิต คือการไปฟ้องสนธิ เพราะเขาสู้ทุกคดี” หลังจากถอนฟ้อง บิ๊กโจ๊กได้เดินทางมาพบนายสนธิ 1 ครั้ง โดยกล่าวขอโทษและขอให้เมตตาเหมือนเดิม “เมตตา ถ้าคุณทำผิดแล้วผมจะพูดผิดให้เป็นถูก ผมทำไม่ได้! ถ้ามันก้ำกึ่ง ผมอาจจะไม่ลงลึก แต่ถ้าผิด ผมต้องพูด” สนธิกล่าว ป.ป.ช.ส่อไม่เอาผิดบิ๊กโจ๊ก – เว็บพนันมินนี่ “ลูกน้องรับผิดคนเดียว” นอกจากประเด็นคดีความส่วนตัว นายสนธิยังพูดถึง เครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ “มินนี่” ซึ่งถูกจับตาอย่างหนักว่ามี บิ๊กโจ๊กและลูกน้องเกี่ยวข้อง แต่ล่าสุด คณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. ส่อแววไม่เอาผิด! โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้บิ๊กโจ๊กและลูกน้องหลุดคดี คือการที่ ลูกน้องระดับสัญญาบัตรหลายคนไม่ถูกกล่าวหา เพราะไม่มีเส้นทางการเงินเชื่อมโยง และพ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ ซึ่งเป็น ตำรวจคนสนิทของบิ๊กโจ๊ก ขอ รับผิดเพียงคนเดียว “แบบนี้ก็ต้องดูว่าคณะกรรมการ…
